30 กันยายน 2548 12:52 น.
ท่องเมฆา
ใครนะใครทิ้งเจ้าไปกลางสายน้ำ
ระรินร่ำน้ำตาหยดรดดวงหน้า
อัสสุชลเอ่อเต็มคลองสองนัยนา
หยาดน้ำตาแห่งความเศร้ารานร้าวใจ
เมื่อวานนี้ยังมีใจมาทายทัก
คนเคยรักสลักจิตคิดบ้างไหม
มาวันนี้จางจืดจากจิตใจ
ร้าวฤทัยรักกลายขมตรอมตรมทรวง
สายน้ำใจเคยล้นเอ่อเมื่อเจอหน้า
สองสายตาทายทักรักหวามไหว
โอบประคองกายอุ่นคุ้นเคยใจ
ยามลูบไล้นุ่มเนื้อไม่เบื่อกัน
สายน้ำตาไหลล้นเอ่อเธอไปไหน
สองสายใจใยรักหักสะบั้น
โอบประคองคนไหนจึงไกลกัน
ยามหลับฝันยังสะอื้นคืนร้าวราน
เมื่อวานนี้สายน้ำใจใสสะอาด
ดุจฝนสาดล้างทุกข์สนุกสนาน
มาวันนี้หมองดวงใจไม่เบิกบาน
ทรมานทดท้อยังรอใคร
ใครคนนั้นทิ้งเจ้าไป...น้ำ...ที่รัก
วานมาพักใต้อ้อมกอดของฟ้าใส
สุริยาสาดแสงอุ่นละมุนละไม
เมฆเสกให้สายฝนเย็นเป็น..สายธาร
27 กันยายน 2548 17:10 น.
ท่องเมฆา
อยากบอก ลา คำ กลอนออดอ้อนรัก
อยากลา พัก ลืม กลอนตอนสุขสันต์
อยากจะ ลืม คำ กลอนวอนรำพัน
อยากมี วัน ลืม รักอ้อนก่อนร้าวราน
อยากจะ ถอน คำ กลอนเศร้าเย้ายวนยั่ว
อยากลืม ตัว ลืม ความรักที่หักหาญ
อยากจะ ให้ คำ "เศร้า"สิ้นถิ่นกลอนกานต์
อยากผลาญ สิ้น "ลืม" "เลิกรัก" จักมลายไป
แต่ก็คง ทำ ได้แค่เลิกแหย่รัก
แต่ก็คง เพียง ตระหนักเลิกหลงใหล
แต่ก็คง แค่ ยิ้มหมองต้องทำใจ
แต่ก็คง ยิ้ม ให้เธอเจอคนดี
หยิบ ขลุ่ยผิวพริ้วพรม ด้วย ลมปาก
เพลง ลาจากเคล้าคลอ รอ โฉมศรี
บรรเลง เพลงวอนเว้าเคล้าบท...กวี
เสียง ดนตรีออดอ้อนวอน......รัก คืน
26 กันยายน 2548 18:18 น.
ท่องเมฆา
กว่าจะสานความเข้าใจถึงวันนี้
ผ่านวันที่ขื่นขมตรมหนักหนา
กว่าดอกรั กจะเบ่งบานกาลเวลา
ต้องฟันฝ่าเท่าใดใยไม่จำ
ยามเอื้อนเอ่ยคำรักสลักจิต
เธอเคยคิดบ้างไหมนะคมขำ
บอกแล้วถอนวอนให้ใจระกำ
หทัยช้ำเพราะคำว่า "ลาจากกัน"
เหมือนสายฟ้าฟาดลง ณ ตรงนี้
ดวงฤดีเป็นสายฟ้าพาโศกศัลย์
คำบอกลาพร่าผลาญทรวงดวงชีวัน
ลาจากกันด้วยเหตุใด...ไม่เข้าใจ
อยากขอถามสายรุ้งจรุงจิต
ทำความผิดสิ่งใด...ใจอ่อนไหว
จึงแง่งอนถอนรัก..หักอาลัย
สะท้านไหวสะเทือนจิตมิ่งมิตรเอย
22 กันยายน 2548 15:22 น.
ท่องเมฆา
ฟากฟ้ากว้างยังเห็นเป็นสีฟ้า
แสงทาบทาทอทองคล้องใจฝัน
บันไดเมฆ ... เสกไว้ให้ใครกัน
ฤๅอาจดั้นสู่แดนสรวงแห่งห้วงใจ
[บทแรกนี้ได้จาก คุณฟ้า สหายของแดดเช้า]
แดดยามเช้าสาดส่องต้องขอบฟ้า
สาดแสงมาเยี่ยมเยือนเตือนจิตใส
คลายความหมองของดวงจิตสนิทใน
เป็นแก้วใจส่องธรรมตามครรลอง
รุ้งแสนสวยอวดแสงใสในเจ็ดสี
เอ่ยวจีปลอบใจให้คลายหมอง
เป็นทรงกลดรอบสุริยาสวยน่ามอง
รุ้งจึงครองใจฟ้าท้าตะวัน
สายน้ำใจไหลเย็นฉ่ำยามได้เห็น
สายน้ำเป็นแรงใจในห้วงฝัน
สายน้ำแอบส่งใจให้สุริยัน
สายน้ำนั้นคือสายใจคลายตรมตรอม
ดอกแก้วหอมส่งกลิ่นฟุ้งจรุงจิต
ใครได้ชิดจึงรู้ค่าว่ากลิ่นหอม
กลีบเจ้าบางสีเจ้าขาวเจ้างามพร้อม
เตือนจิตน้อมให้เห็นจริงในสิ่งดี
จันทร์ที่เห็นเป็นจันทร์ใดในอิมเอี๊ยง
ช่างร้อยเรียงคำกลอนอักษรศรี
กระแทกบ้างกระทั้นบ้างในบางที
เหมือนรู้ดีในนิทานตำนานไพร
บันไดเมฆ.. เสกไว้คลายโศกเศร้า
ขอเชิญก้าวตามมาลาหลงใหล
ย่างมาสิก้าวข้ามตามบันได
มั่นคงไว้ในไฟฝัน..นิรันดร์กาล
16 กันยายน 2548 10:53 น.
ท่องเมฆา
"ทำไมหนอชีวิตของข้าจึงพบแต่ความผิดหวัง"
ข้ารำพึงรำพันแล้วหลับฝันไป
.....ในชาติหนึ่งชีวิตข้าคงเป็นเช่นนี้.....
เป็นแม่ทัพกลับปองสององค์หญิง
จึงมีสิ่งข้องขัดสัตยาธิษฐาน
ไม่อาจเลือกหนึ่งใดในนงคราญ
เคยสราญกลับรักขมตรอมตรมใจ
จะเลือกพี่หรือก็เสียดายน้อง
ให้ขัดข้องในดวงจิตพิศมัย
จะเลือกน้อง..พี่ก็มองอย่างอาลัย
คงเสียใจในพี่น้องทั้งสองคน
ศึกประชิดติดเมืองเรื่องข้องขัด
มิเร่งรัดเรื่องส่วนตัวมัวสับสน
เพียงได้ชัยด้วยเผาผลาญมารผจญ
จึงเวียนวนมาเลือกเจ้าไม่ร้าวราน
ในการทำบุญก่อนไปรบ....
ข้าได้วาง "ดอกกุหลาบสีแดง" ทับบนดอกไม้ที่พวกเธอทำบุญ
ข้าได้ตั้งสัตยาธิษฐาน " ดอกไม้อธิษฐาน "
วางดอกไม้บูชาแด่องค์พระ
ด้วยสัจจะของข้าขออธิษฐาน
ขอให้ได้ประสบพบดวงมาลย์
จิตชื่นบานทุกภพชาติตราบนิรันดร์
ข้าหวังว่า " สัจจะบารมีที่ข้าสั่งสมมาชั่วชีวิต "
คงดลบันดาลให้ข้าได้สมหวังดังที่ตั้งใจ
...แต่ข้าคงพลีชีพในการรบครั้งนั้น
เพราะข้ามองไม่เห็นเลยว่าเหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นเช่นไร
ต่อจากนั้นทุกๆภพทุกๆชาติกลับเป็นดังนี้
....และก็เป็นดังเช่นอธิษฐาน
ได้พบพานนวลนุชแสนสุขสันต์
แต่ไม่อาจครอบครองไว้ชั่วนิรันดร์
ผ่านคืนวันสุขสมกลับตรมทรวง
ได้พบแล้วพลัดพรากจากที่รัก
จึงตระหนักถึงความผิดอย่างใหญ่หลวง
ด้วยจิตมุ่งปรุงแต่งสิ่งทั้งปวง
ต้องช้ำทรวงเพราะเพียงพบประสบเธอ
อันวาสนาคนทั้งหลายทั้งชายหญิง
ยังมีสิ่งกำกับฟ้าชะตาเสมอ
บุญที่ทำกรรมที่แต่งให้มาเจอ
จะเลิศเลอสมหวังต้องตั้งใจ
ร่วมทำบุญกุศลสร้างอย่างดียิ่ง
ทั้งชายหญิงร่วมกันอย่างฝันใฝ่
อธิษฐานด้วยความรักอย่างปักใจ
จึงจะได้สมหวังดังจินตนา.......
ใครหนอจะบอกข้าได้ว่าทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นเช่นนี้
เหตุใดข้าจึงมีวาสนาเพียงได้พบเธอแล้วพลัดพราก....
เป็นดังนี้ทุกๆชาติ.....
เป็นเพียงฟ้า ที่มา คอยปกป้อง
เธอทั้งสอง อยู่ดี หรือไฉน
รวิวรรณ จันทรา เคลื่อนคลาไป
ฟ้าคงได้ เพียงคุ้มครอง ทั้งสองนาง
" ฟ้า " ...ปกป้อง...คุ้มครอง...แต่........ไม่อาจครอบครอง......
....หรือ ข้าคงต้องลิขิตชะตาชีวิตตนเองใหม่....
................................................