19 ตุลาคม 2548 13:17 น.
ท่องเมฆา
ได้ยินเสียงต่อสู้กันพลันตื่นขึ้น
ความครึกครื้นโครมครามสะท้านไหว
เรื่องสนุกเช่นนี้ขาดข้าได้อย่างไร
รีบโผล่ไปนอกโรงเตี๊ยมเยี่ยมเยี่ยมมอง
นั่นสหายของข้าหนอ..ชอลิ้วเฮียง
จันทราเคียงเหินพลิ้วปลิวละล่อง
ชักกระบี่แทงค้างคาวทำตาพอง
ด้วยทั้งสองเหินชิดสนิทกัน
โอ้จันทราแทงข้าข้าไม่ว่า
แต่ไยมาเคลียคลอ..ชอฯ..สุขสันต์
มันเจ็บแปลบกว่าร่างกายโดนฟาดฟัน
ค้างคาวนั้นจึงฮึดฮัดอัดอั้นใจ
จันทร์เจ้าเอ่ยเรื่องราว..ค้างคาวเอ๋ย
ขอทรามเชยขังเจ้าอย่าไปไหน
ค้างคาวถามแล้วเรื่องเราเล่าทรามวัย
เรื่องหัวใจไยกลับกลอกหลอกลวงกัน
เบญจมาศโดดปราดเข้ามาช่วย
ก็หวังด้วยช่วยค้างคาวคราวโศกศัลย์
แต่ก็ติดที่คุณชอฯเคยล้อกัน
กระบี่นั้นจึงเหมือนหลอกหยอกคุณชาย
ข้าจึงสั่งกับแกล้มมาสุราด้วย
น้ำจิ้มบ๊วยแกล้มทอดมันมันส์เหลือหลาย
ปล่อยพวกเขาเข้าฟาดฟันกันหญิงชาย
เรื่องบานปลายเพราะแง่งอนจนอ่อนใจ
โอวฑิฮวย..อย่างข้ามือไม่บอน
มา..ท่านหนอนสุราข้ารินให้
เขาฟาดฟันปวดเมื่อยจนเหนื่อยใจ
จึงค่อยไปคำนับน้อม...มาล้อมวง
18 ตุลาคม 2548 20:02 น.
ท่องเมฆา
เมื่อวานมีโอกาสไปเยี่ยมบริษัทหนึ่ง
เขาเชิญวิทยากรมาอบรมวิธีการจำให้พนักงาน
ผมได้เข้าร่วมฟังด้วย
วิธีของเขาแปลกดี...น่าสนใจ
แต่สิ่งที่ประทับใจผมกลับเป็นคำพูดหนึ่ง
คำพูด,ข้อเขียนของคนๆหนึ่งบอกอะไรได้สามอย่าง
1. บอกภูมิความรู้.....ว่า.....มาก หรือ น้อย
2. บอกวิสัยทัศน์.....ว่า....กว้าง หรือ แคบ
3. บอกภูมิธรรม......ว่า........สูง หรือ ต่ำ
ผมก็ได้แต่.....อึ้ง.....ประทับใจ
เลยเอาข้อความมาฝากทุกคน
ขอโทษครับที่ไม่ได้เขียนเป็นกลอน
14 ตุลาคม 2548 17:11 น.
ท่องเมฆา
เป็นเอี้ยก้วยนั้นดีที่ตรงไหน
ชายเสื้อไร้แขนซ้ายมาเคียงคู่
คอยปกป้องตัวเขาเจ้าก๊วยฮู
แต่คุณหนูตัดแขนข้า...สุดช้ำใจ
ยามเมื่อรักเปิดม่านหวานดวงจิต
เหมือนมิ่งมิตรอิงแอบจนหวามไหว
ยามเมื่อรักปิดฉากจากทรวงใน
โอ้อกไฉนกลายกลับแค้น...แน่นอุรา
รู้จักคนรู้จักหน้าแต่ใจเล่า
สุดคาดเดาลึกซึ้งจากดวงหน้า
รัก-แค้น คือสิ่งใดในพสุธา
ร้องเรียกหาสิ่งใด...ให้ระทม
จิตใจเจ้าก๊วยเซียงแสนบริสุทธิ์
ความผ่องผุดภายในไร้ขื่นขม
ดาบที่แทงข้างหลังให้เจ้าตรม
มันเพาะบ่มจากใคร...ให้ตรองดู
......มือข้างหนึ่งแทงข้างหลัง
อีกมือยังช่วยซับน้ำตาท่าสุดหรู
ใจเจ้าเอย..ก๊วยเซียง..ไฉนเคยรู้
มือทั้งคู่คือมือใคร...ที่ข้างกาย
ลมโบกโบยแขนเสื้อซ้ายปลิวไสว
ยังส่งใจใกล้ชิดมิตรสหาย
รัก-แค้น สลับเปลี่ยนให้เวียนว่าย
ไหนคนร้ายไหนใจร้าย...คนไหนกัน
จงอย่าเป็นเช่นข้านะก๊วยเซียง
ฟังความเพียงคนชิดใกล้ให้โศกศัลย์
คิดนะคิดตรองดูรู้เท่าทัน
จากเอี้ยก้วยนั้น..คนนี้..ที่หวังดี
6 ตุลาคม 2548 01:29 น.
ท่องเมฆา
ทุกถิ่นที่ย่างเหยียบไปในทุกก้าว
แฝงปวดร้าวหนาวร้อนซ่อนขื่นขม
ทุกร้อยก้าวราวร้อยเขื่องเรื่องระทม
ความตรอมตรมทุกย่างเหยียบ..เปรียบสิ่งใด
สุดขอบฟ้าอยู่แห่งไหนอยากไปถึง
ฟ้าเคียดขึ้งเร้นร้างห่างไปไหน
ทีละก้าวทุกก้าวย่างห่างออกไป
ตามหาใจสุดขอบฟ้า...จันทราเดียว
ไร้สหายไร้สุราคราลาจาก
ต้องจำพรากจากดวงใจไม่แลเหลียว
เหม่อมองฟ้ามีข้าอยู่แต่ผู้เดียว
เพียงจันทร์เสี้ยวแขวนฟ้า..ลาจากกัน
มือกำดาบเย็นเฉียบใจยะเยียบ
หนาวใดเปรียบหนาวหทัยไร้เสกสรรค์
ตัดสิ่งใดไม่ย่อท้อขาดโดยพลัน
แต่สะบั้นสายใยรัก..เจียนขาดใจ
สายน้ำใจมวลมิตรสนิทสนม
กลายกลับขมสายใจให้หวั่นไหว
สายน้ำจิตมิตรสหายมลายไป
เหตุผลใดกลายช้ำชอก..โปรดบอกมา
ใครนะใครเผลอร่ำพร่ำบ่นถึง
เพ้อรำพึงถึงใคร..ดวงใจข้า
สุดขอบฟ้าจะหาใด.." ใจจันทรา"
ดาบของข้า..ใจของข้า..ล้าแล้วเอย..
1 ตุลาคม 2548 14:00 น.
ท่องเมฆา
ยามเป็นไฟอยู่ใต้นภาฟ้าแสนสวย
จิตหลงด้วยดวงจันทราน่าหลงใหล
ปีกเจ้าหักเพราะรักเร้าเจ้านกไฟ
กายมอดไหม้ใจมอดม้วยด้วยหยุดปอง
รุ้ง "จะอยู่เคียงคู่เจ้ากว่าเศร้าหาย
จะโอบกายกอดใจหายมัวหมอง
จะยิ้มให้จนกว่าฟ้าสีทอง
รุ้งเรืองรองก็จะหายมลายไป"
ได้ยินเสียงสำเนียงมุ่งจากรุ้งสวย
พลันตื่นด้วยคลายดวงจิตคิดหลงใหล
เพราะ รัก-หลง จิตคงร้อนดั่งฟอนไฟ
สำนึกได้หายโศกเศร้าคราคราวครวญ
ยามเป็นฟ้าอยากเป็นฟ้านภากว้าง
มองหนทางสว่างไสวไร้จิตหวน
ฟ้าสดใสไร้เมฆใจไม่เรรวน
จึงชี้ชวนด้วยจิตหวังสั่งความนัย
ฟ้า "ฟ้าคงไม่หายวิโยคโศกกำสรวล
รุ้งโปรดชวนชี้พ้นจนฟ้าใส
ฟ้าแอบยิ้มให้รุ้งกอดยอดดวงใจ
โอบรุ้งไว้เคียงคู่หล้าฟ้าสีทอง"
รุ้งจ๋ารุ้ง...จรุงใจไฟใต้ฟ้า
ฟ้าหนอฟ้า...แกล้งไม่หายคลายหม่นหมอง
แสงหนอแสง...อรุณรุ่งรุ้งเรืองรอง
ทองหนอทอง...คล้องดวงใจ...คลายโศกตรม...