13 มิถุนายน 2550 09:44 น.
ท่องเมฆา
คือลิ่มที่ตอกย้ำอย่างซ้ำซาก
เกิดแล้วยากเลือนกลบลบความหมอง
เมื่อยุติไม่ต้องธรรมตามครรลอง
เสียงเรียกร้องย่อมระงมทั่วแผ่นดิน
ความเป็นธรรมตามใบสั่งคือพลั้งพลาด
แผลลึกบาดยิ่งตอกย้ำคำติฉิน
ฤา อยากให้แผ่นดินเดือดเลือดไหลริน
รอยราคินจารึกไว้ในพสุธา
ยุติธรรมเกิดจากใจใช่กระดาษ
ถือเปรื่องปราดหลบจริงสิ่งกังขา
แม้จะยกโวหารย้ำพร่ำพรรณา
คนธรรมดาย่อมตระหนักประจักษ์ใจ
แหละ! แผ่นดินย่อมแยกแตกเป็นสอง
คือสิ่งปองคือสิ่งฝันนั่นใช่ไหม
ต่างสุดขั้วหรือคือประชาธิปไตย
ผลัดเป็นใหญ่ผลัดจองล้างตามทางเดิน
เมื่ออำนาจและฉ้อฉลคือบรรทัด
ราษฎร์ข้องขัดชั่วหยิ่งยิ่งหงส์เหิน
เจ้าสูงส่งข้าต่ำเตี้ยเสียเหลือเกิน
ย่อมยับเยินเพราะความต่างระหว่างกัน
ฤา ความมีศิวิไลซ์ต้องไร้ขั้ว
ต่างความเชื่อคือความชั่วเฝ้าเดียดฉันท์
จึ่งบดขยี้บีฑาเข่นฆ่ากัน
ร่ำเรียกร้องสมานฉันท์เพื่อสิ่งใด
ลิ่มที่ตอกลงไปไร้สภาพ
เหล่ารามราพณ์โหมพังภินท์แผ่นดินไหว
คชสารเข้าโรมรันย่อมบรรลัย
ไว้อาลัยยุติธรรม...ไม่ดำรง
29 พฤษภาคม 2550 09:00 น.
ท่องเมฆา
หยิบตำราใคร่ครวญคำนวณเหตุ
ภัยอาเพศมีหรือไม่ในพรรษา
สามสิบนี้ดิถีพุธพฤษภา
วันโลกาวินาศไซร้...ไม่ยินดี
พิเคราะห์ดาวเคลื่อนคลาราศีจักร
เสริดมณฑ์พักรมีหรือไม่...ใจขวัญหนี
เสาร์ทับจันทร์พรั่นนองเลือดเดือดปฐพี
กว่าสองปีหลากเรื่องร้ายจึงคลายลง
ดาวพฤหัสศุภเคราะห์ไม่เหมาะสม
เดินจ่อมจมภพมรณะ...ยากละหลง
กว่าจะฟื้นปัญญาช่วยม้วยปลิดปลง
ราษฎร์ก็คงเยินยับลงกับดิน
ศุกร์ศัตรูกับเสาร์เดินเข้าใส่
จันทร์คลาไคลปะทะครูดูโหดหิน
พุธราหูลมโถมถั่งยิ่งพังภิณฑ์
อังคารบิ่นสูรย์ช่วยบีบหนีบลัคนา
ดาวแปดดวงเป็นไพรีมีสี่คู่
จำเพาะอยู่ปะทะกัน...ชั่วหรรษา
สามสิบนี้ฟ้าคงร่ำนองน้ำตา
มหาโลกาวินาศย้ำพร่ำอาดูร
เถิด...พี่น้องผองเพื่อนล้าเลือนลับ
ความย่อยยับควงคู่กับความดับสูญ
ชั่วชื่นชอบดีชอกช้ำ ฤา...จำรูญ
แหละ...กองกูณฑ์ คือปลายทางที่สร้างเอง
19 กุมภาพันธ์ 2550 09:52 น.
ท่องเมฆา
เสียงรำพันวันวานยังหวานแว่ว
สื่อสำเนียงเพียงแผ่วแผ่วอยู่ในฝัน
จะไม่พรากจากไปไกลสุริยัน
"รุ้งตะวัน" จะร่วมเคียงเรียงร้อยใจ
จะจากไปเมื่อฟ้าหายคลายความเศร้า
เรื่องรุมเร้าเริ่มเเลือนลางกระจ่างใส
รุ้งเรืองรองมอดมลายลับหายไป
เป็นความนัยผูกพันคือสัญญา
ณ วันนี้ ฟ้าคืนคลายหายวิโยค
มุ่งแสงธรรมลืมโศกเลิกครวญหา
ไม่มีบ่วงดวงตะวันหรือจันทรา
เดินมุ่งหน้าท่ามแสงทองผ่องอำไพ
ยี่สิบห้ากุมภาพันธ์คือวันแต่ง
กุหลาบแดงมอบเพื่อปรุงรุ้งสดใส
ขออวยพร"รุ้งตะวัน"จอมขวัญใจ
มีความสุขตลอดไปชั่วนิรันดร์
ณ มุมหนึ่งกาลเวลามาบรรจบ
ซาบซ่านซึ้งมิเคยลบจากความฝัน
เส้นเวลาพาพานพบประสบกัน
อาบอบอุ่นแม้แสนสั้นมิลืมเลือน
เสียงหวีดหวิวกลายหวานแหวววะแว่วผ่าน
ความร้าวรานจางริ้วรอยเมฆคล้อยเคลื่อน
ใจเหน็บหนาวคราวไออุ่นละมุนเยือน
คนเคียงรุ้งคงคอยเตือนอยู่เคียงครอง
เพลงใบไม้ติดตราตรึงซึ้งดวงจิต
ไมตรีมิตรเรียวรุ้งกลบลบรอยหมอง
ฟ้าสีครามโอบโค้งคุ้งรุ้งเรืองรอง
ฟ้าสีทอง...รุ้งตะวัน...คือฝันงาม......
18 กุมภาพันธ์ 2549 01:37 น.
ท่องเมฆา
อยากจะซ่อนเธอเอาไว้ในใจฉัน
อยากจะซ่อนไม่ให้จันทร์นั้นส่องแสง
อยากจะซ่อนดารารายมิให้แสดง
อยากจะซ่อนสุริย์แสงใต้เมฆา
ลงแพน้อยลอยล่องท่องเหนือเขื่อน
หมอกบางบางดูลางเลือนเหมือนค้นหา
มิตรภาพของบางใครที่ได้มา
แค่สบตานิดหนึ่งก็ซึ้งใจ
เสียงเพลงแว่วขานขับรับเสียงคลื่น
เสียงครืนครืนของฟ้าฝนปนหยดใส
เสียงนกร้องบนเกาะเสนาะไพร
เสียงเรไรจั๊กจั่นร้องก้องกังวาน
ประสานเสียงเพลงคลอล้อลมคลื่น
หอมสดชื่นกลิ่นพฤกษ์ไพรได้ความหวาน
พระจันทร์หลับตาพลันมิทันนาน
เสียงขับขานเงียบสงบจบราตรี
ฉันจะซ่อนเธอเอาไว้ในส่วนลึก
ฉันจะซ่อนความรู้สึกมีสุขศรี
ฉันจะซ่อนความห่วงใยใจหวังดี
ฉันจะซ่อนทุกนาทีที่เคียงจันทร์
27 พฤศจิกายน 2548 23:28 น.
ท่องเมฆา
กราบหลวงปู่สอนสั่งนั่งสมาธิ
จะเลิกริเรื่องรักมักสับสน
มองฟ้าให้กว้างกว้างอย่างอดทน
ไม่ร้อนรนไม่เพ่งจ้องมองเบาเบา
ใช้ใจมองให้เห็นเป็นฟ้ากว้าง
เปลี่ยนภาพจางเป็นแจ่มชัดไม่อับเฉา
ฟ้าสีขาวสว่างจ้าท้าใจเรา
แล้วจึงเอาจิตมองรอบฟ้าครอบดิน
มองเห็นภาพตนนั่งอยู่บนพื้น
ดินเรียบลื่นจรดฟ้าปราศโขดหิน
ท้องฟ้ากว้างใจกว้างกว่าไร้ราคิน
"ฟ้าจรดดิน" มองเห็นชัดวัดใจกัน
จิตสงบนิ่งตั้งมั่นอยู่กลางอก
ไร้เรื่องรกจิตใจไม่หวาดหวั่น
ความรู้จิตรู้ทั่วฟ้าท้าแสงตะวัน
ไร้สิ่งอันปกปิดมืดมิดมัว
ฟ้าที่เห็นคือฟ้านี้ใช่หรือไม่
กล้าเปิดใจมุ่งตามหยุดความสลัว
ทำได้ไหมก้าวออกมาท้าความกลัว
ความมัวซัว...จะสว่างจ้า...ฟ้าเดียวกัน