22 พฤศจิกายน 2548 16:37 น.
ท่องเมฆา
ความรักเธอคืออะไรนะดอกไม้
ฟังคล้ายคล้ายคำพ้อรอแสงฉาย
ยามอรุณรุ่งแจ้งแสงแพรวพราย
เจ้าก็ชายตามองจ้องตะวัน
ยามพระพายโบกโบยลมโชยพัด
เจ้าก็กวัดกิ่งใบเพรียกร้องเรียกฝัน
ปล่อยน้ำค้างที่เกาะเจ้าเคล้าแสงจันทร์
ทิ้งตัวพลันร่วงหล่นบนผืนดิน
ยามเจ้าเงยขึ้นมองบนท้องฟ้า
คือมองหาสุริยันที่ผันผิน
ยามสายัณต์สุริยาลาลับดิน
หวังพังภิณท์กับขอบฟ้าจำลาไกล
กี่ความหวังพลั้งพลาดเธอวาดฝัน
ปีเดือนวันผ่านไป..มิสดใส
ทานอะไรก็ไม่ทนทานน้ำใจ
ทานตะวัน..ธารน้ำใจ..ใยต้องทน..นะคนดี
17 พฤศจิกายน 2548 13:41 น.
ท่องเมฆา
เมื่อวานนี้ไปเหนือเขื่อนหาเพื่อนเก่า
อยากจะเอาแพล่องต้องเดือนฉาย
แสงจันทร์นวลชวนฝันพรรณราย
ระยิบพรายระยับพราวคราวคืนเพ็ญ
แพน้อยน้อยลอยวนบนผิวคลื่น
ไม่อยากตื่นหลับตาฝันเมื่อพลันเห็น
จันทร์กลมนวลชวนใจไร้ลำเค็ญ
แสงโสมเย็นสาดสบกระทบใจ
เหนือเขื่อนนี้มีความหลังครั้งเก่าก่อน
คราวร้าวรอนจากรวิวรรณที่หลงใหล
จากเจ้ามาสู่ป่าเขาลำเนาไพร
หนทางไกลเจ้าจึงพรากต้องจากกัน
ผืนน้ำกว้างแต่ใจอ้างว้างกว่า
เย็นธาราเยือกดวงจิตคิดโศกศัลย์
สะทกคลื่นสะท้อนครวญหวนจาบัลย์
ระลึกวันรวิหวานรานร้าวทรวง
รวิร่วงลับฟ้าจำลาจาก
ศศิพรากในคืนผ่องต้องแดนสรวง
ดาราเจ้าจากไกลไร้คู่ควง
ฟ้าจะทวงสัญญาใจจากใครดี
ค่ำคืนเพ็ญเหนือเขื่อนกับเพื่อนยาก
คำลาจากบอกลำเค็ญเพ็ญผ่องศรี
แพน้อยน้อยลอยวนบนวารี
ดุจชีวีต้องลอยวน..บนรอยกรรม
15 พฤศจิกายน 2548 11:15 น.
ท่องเมฆา
แสงจันทร์นวลผ่องสาดส่องฟ้า
จันทราแจ่มใจอยู่ในฝัน
หลับตาหนใดเหมือนใกล้กัน
บุหลันลอยเลื่อนมาเตือนใจ
รัศมีศศิสบกระทบผิว
คลื่นน้อยคล้อยลิ่วระริกไหว
ใจฟ้าเคลื่อนคล้อยลอยตามไป
คลื่นใจคลื่นจริงวิ่งลอยลม
เพ็ญนี้ไร้เพื่อนเดือนสิบสอง
หมายปองเดือนเด่นไม่เห็นสม
อธิษฐานด้วยจิตคิดตรอมตรม
ขื่นขมขัดข้องคงต้องลา
ใบตองต้นกล้วยมาประดิษฐ์
ดอกไม้เรียงชิดเทียนแพหนา
มะลิดาวเรืองปทุมา
จิตฟ้าบรรจง..กระทงใจ
จุดไฟลอยน้ำตามประทีป
มิเร่งมิรีบมิหลงใหล
ค่อยค่อยคอยส่ง..กระทงใจ
ตราบจนคลาไคลสุดสายตา
กระทงจงนำดวงดอกไม้
เคลื่อนไปทะเลที่ข้างหน้า
ธูปเทียนจุดไฟด้วยเจตนา
บูชาคารวะ..พระอุปคุต
19 ตุลาคม 2548 13:17 น.
ท่องเมฆา
ได้ยินเสียงต่อสู้กันพลันตื่นขึ้น
ความครึกครื้นโครมครามสะท้านไหว
เรื่องสนุกเช่นนี้ขาดข้าได้อย่างไร
รีบโผล่ไปนอกโรงเตี๊ยมเยี่ยมเยี่ยมมอง
นั่นสหายของข้าหนอ..ชอลิ้วเฮียง
จันทราเคียงเหินพลิ้วปลิวละล่อง
ชักกระบี่แทงค้างคาวทำตาพอง
ด้วยทั้งสองเหินชิดสนิทกัน
โอ้จันทราแทงข้าข้าไม่ว่า
แต่ไยมาเคลียคลอ..ชอฯ..สุขสันต์
มันเจ็บแปลบกว่าร่างกายโดนฟาดฟัน
ค้างคาวนั้นจึงฮึดฮัดอัดอั้นใจ
จันทร์เจ้าเอ่ยเรื่องราว..ค้างคาวเอ๋ย
ขอทรามเชยขังเจ้าอย่าไปไหน
ค้างคาวถามแล้วเรื่องเราเล่าทรามวัย
เรื่องหัวใจไยกลับกลอกหลอกลวงกัน
เบญจมาศโดดปราดเข้ามาช่วย
ก็หวังด้วยช่วยค้างคาวคราวโศกศัลย์
แต่ก็ติดที่คุณชอฯเคยล้อกัน
กระบี่นั้นจึงเหมือนหลอกหยอกคุณชาย
ข้าจึงสั่งกับแกล้มมาสุราด้วย
น้ำจิ้มบ๊วยแกล้มทอดมันมันส์เหลือหลาย
ปล่อยพวกเขาเข้าฟาดฟันกันหญิงชาย
เรื่องบานปลายเพราะแง่งอนจนอ่อนใจ
โอวฑิฮวย..อย่างข้ามือไม่บอน
มา..ท่านหนอนสุราข้ารินให้
เขาฟาดฟันปวดเมื่อยจนเหนื่อยใจ
จึงค่อยไปคำนับน้อม...มาล้อมวง
18 ตุลาคม 2548 20:02 น.
ท่องเมฆา
เมื่อวานมีโอกาสไปเยี่ยมบริษัทหนึ่ง
เขาเชิญวิทยากรมาอบรมวิธีการจำให้พนักงาน
ผมได้เข้าร่วมฟังด้วย
วิธีของเขาแปลกดี...น่าสนใจ
แต่สิ่งที่ประทับใจผมกลับเป็นคำพูดหนึ่ง
คำพูด,ข้อเขียนของคนๆหนึ่งบอกอะไรได้สามอย่าง
1. บอกภูมิความรู้.....ว่า.....มาก หรือ น้อย
2. บอกวิสัยทัศน์.....ว่า....กว้าง หรือ แคบ
3. บอกภูมิธรรม......ว่า........สูง หรือ ต่ำ
ผมก็ได้แต่.....อึ้ง.....ประทับใจ
เลยเอาข้อความมาฝากทุกคน
ขอโทษครับที่ไม่ได้เขียนเป็นกลอน