18 กรกฎาคม 2550 16:53 น.
ทิวไม้และปลายสน
.........................ตอนจบของเรื่องนี้มีคนตาย............................
"ผม ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งแค่นั้นล่ะครับ ถ้าจะใช้คำพูดให้เข้าใจง่ายก็เป็นประเภท เดินดินกินก๋วยเตี๋ยว(ผมไม่ชอบข้าวแกงครับ) แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าผมแตกต่างจากคนอื่น ก็ตรงที่คิดอะไร ทำอะไร ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า"
" เห้ย ! ทิว เมื่อไหร่จะเลิกฝันบ้าๆซักทีวะ"
ประโยคแบบนี้ผมฟังจนชินแล้วครับ หลายคนที่ตั้งหน้าตั้งตาจะเป็นนักเขียนคงได้ยินบ่อยๆ ผมขอไม่ขยายความให้เปลืองหน้ากระดาษ(หน้าจอ) และเป็นธรรมดาของนักเขียน(อย่างผม) ที่มักมีอารมณ์อ่อนไหวกับสิ่งรอบข้าง โดยเฉพาะ ......ความรัก
......13 ปีก่อน........
"พี่ทิวคะ เสาร์นี้เราไปเที่ยวกันนะ"
"ได้ค่ะ ตอนเช้าเจอกันที่เดิมนะคะ"
ผมมักใช้คำพูดแบบนี้เสมอ เวลาพูดกับหวานใจ...น้องแก้ม
ผมกับแก้มรู้จักกันมาได้สักระยะหนึ่ง แต่ก็เพียงพอที่ร่วมกันปลูกต้นรักให้งอกงามในหัวใจของเราสองคน แก้มเป็นคนน่ารัก ช่างเอาใจ และช่างเข้าใจผมไปหมดทุกอย่าง
เพียงแค่วันแรกที่พบกันผมก็ตกอยู่ในห้วงแห่งรักพาหัวใจเข้าไปขังในหัวใจเธอด้วยตัวผมเอง
"ขอโทษนะคะ มีปากกามั๊ยคะ"
ถ้าผมเป็นคนที่คิดเข้าข้างตัวเองมากกว่านี้ ผมคงคิดว่าเธอกำลังจีบผม ก็แหม! เห็นชัดๆว่าผมกำลังนั่งเขียนหนังสือ(ด้วยปากกา) อยู่ ยังมาถามแบบนี้ แต่นี่ล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของความรัก....ความรักของเราที่วันหนึ่ง..........................
"นี่ครับ" ผมส่งปากกาให้เธอ " ตอนคืนช่วยแนบเบอร์โทรฯมาให้พี่ด้วยนะ " ผมพูดทีเล่นทีจริง แต่เธอทำจริงๆครับ ผมซะอีกทีอายจนแก้มแดง
"แก้มครับ แก้มคิดว่าดาวอะไรสวยที่สุดครับ"
"ไม่รู้สิคะพี่ทิว แก้มไม่ค่อยมีเวลามานั่งดูดาวหรอกค่ะ"
"ก็ดาวในตาแก้มไงครับ มันสดใสจนพี่อดใจสั่นไม่ได้เวาลอยู่กับแก้ม" พ่อผมเป็นลิเกครับ ได้วิชามานิดหน่อย
"พี่ทิวอ่ะ" แก้มเอาน้ำยาอุทัยทิพย์มาทาแก้ม(ของแก้ม)
"พี่ทิวรักแก้มครับ" ในที่สุดผมก็พูดออกไปจนได้
"แก้มก็รักพี่ทิวค่ะ" ผมเทน้ำยาอุทัยทิพย์ราดหน้าตัวเองเลยครับ
และคงเป็นเพราะเราต่างเป็นคนเปิดเผยนี่ล่ะครับ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เราสองคนกลายเป็นช้อนกับส้อม ที่ต้องใช้คู่กันเวลาขาดอะไรไปสักอย่างจะรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนยืนอยู่กลางท้องฟ้าเพียงลำพัง.......
"แก้มครับ ถ้าวันหนึ่งพี่ทิวตายไปแก้มจะเสียใจนานแค่ไหนครับ"
"แก้มบอกไม่ได้ค่ะพี่ทิว แก้มบอกได้แค่ว่าแก้มดีใจมากที่แก้มได้รู้จักพี่ทิว ได้รักพี่ทิว พี่ทิวเป็นรักแรกของแก้มค่ะ"
-----------------(เซ็นเซอร์) แล้วเราสองคนก็สูญเสียจูบแรกให้กันและกันในวันนั้น
9 โมงเช้าแล้ว ผมมานั่งรอแก้มที่ศาลาริมทาง ที่เรามักนัดหมายกันเป็นประจำ วันนี้เรามีนัดไปดูหนังกัน แน่นอนว่าเป็นหนังรัก โรแมนติก (รักจัง) ผมอดคิดไปไกลไม่ได้ว่าวันนี้ระหว่างดูหนังแก้มจะซบหน้าลงกับไหล่อบอุ่นของผมให้คนอื่นอิจฉาเล่น
10 โมง ..... แก้มไม่เคยมาช้ากว่าเวลาขนากนี้นี่นา ผมกดโทรศัพท์ ไปหาแก้ม .....................ไม่มีสัญญาณตอบรับ...................
11 โมง ผมยังนั่งรอที่เดิม ที่ความกระสับกระส่ายมากขึ้น โมโหมากขึ้น คอยดูนะ จะงอนซะให้เข็ด ความรู้สึกตอนนี้โกรธมากที่โดนผิดนัด ก็เรากำลังฝันหวานนี่นานา สรุปวันนี้ผมกลับบ้านโดยไม่รอให้แก้มมาง้อ ซึ่งเธอก็ไม่มาจริงๆ
............วันรุ่งขั้น................................
........ผมยืนอยู่หน้าเสาธง ฟังคำบอกเล่าของอาจารย์ใหญ่ เรื่องอุบัติเหตุที่พรากเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งไปจากเรา ..........
.....13 ปีผ่านไป ผมใช้เวลาส่วนใหญ่เขียนถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆในชีวิต ผมเดินตามความฝันของตัวเอง แต่ในฝันของผม ยังมีเงาของเธอ "รักครั้งแรก" ของผม เป็นแรงบันดาลใจที่ยังคงอยู่ในความทรงจำและในทุกเรื่องราว
"หลับเถอะนะแก้ม หลับอยู่บนดวงดาวที่สดใสดวงนั้น แล้วสักวัน พี่ทิวจะไปเป็นดวงดาวอีกดวงลอยอยู่เคียงข้างแก้ม...ตลอดกาล"