15 สิงหาคม 2550 18:48 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
...วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ข้าพเจ้ามีความสุข หรือเรียกว่าความสุขได้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งก็ว่าได้ หลังจากไม่ได้สุขอย่างนี้มาเกือบ 5 ปีแล้ว มันยาวนานมากใช่มั้ยอันเนื่องมาจากข้าพเจ้าจะได้ไปดูงานแสดงภาพเขียนที่หอศิลปถนนเจ้าฟ้า ซึ่งเป็นการเสพงานศิลปที่ข้าพเจ้าโปรดปรานมากที่สุด โดยไม่รอช้า รีบจัดแจงลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าหลังจากได้จัดการอุปสรรคทุกอย่างให้ลงตัวตั้งแต่เมื่อเย็นวาน สรุปวันนี้ข้าพเจ้าโสดและหนทางโล่งโปร่งสบายอย่างที่สุด
............เมื่อเมคอัพหน้าอย่างเต็มที่แล้ว ก็บรรจงแต่งตัวให้ผู้คนรอบข้างมองว่าใช่เลยนี่คือศิลปินหรือเพื่อชีวิตอะไรทำนองนั้นแหละ แล้วก็บรรจงเยื้องย่างลงบันไดบ้านอย่างเงียบกริบ เนื่องจากกลัวลูกจะตื่นมาเจอแล้วถามว่า "แม่ไปไหน หนูไปด้วย"ซึ่งคำคำนี้ข้าพเจ้าไม่อยากได้ยินเลยถ้ายังอยู่ในบรรยากาศหนีเที่ยวแบบนี้ บอกได้เลย มันเซ็ง......มาก
ครั้นพอถึงสถานีรถไฟที่ข้าพเจ้าจะต้องใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ปรากฎว่า วันนี้เป็นวัน หยุดรถ หกโมงเช้าไม่มี มีแต่ รถ เจ็ดโมงครึ่ง โอ้ยจะบ้าตาย ข้าพเจ้าเดินวนเวียนอยู่หน้าสถานี ฉับพลันสมองอันปราดเปรื่องของข้าพเจ้าก็คิดขึ้นมาได้ว่า ไปหาอะไรกินรองท้องก่อนดีกว่า ช่างแม่มมัน สายก็สาย จึงขับพาหนะคู่ใจไปตลาดใกล้ ๆสถานีเพื่อหาข้าวต้มรองท้องก่อน ...............
......เมื่อข้าวต้มร้อนๆลงกระเพาะ เรียบร้อยแล้วความเซ็งก็หายไปทันทีเมื่อกินอิ่มและร่ำลาป้าที่ขายข้าวต้มแล้วซึ่งมีการหยอกเอินกันเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ เพราะคุ้นเคยกันมาก่อน ข้าพเจ้าจึงขับพาหนะคู่ใจกลับมาที่สถานีรถไฟ ฝากรถไว้กับอาแปะใจดี โดยบอกว่าเย็น ๆจะกลับ อาแปะมิได้ปฎิเสธข้าพเจ้าแต่อย่างใด เพียงแต่พูดยิ้มๆ ว่า" ม่ายเปงลาย ห้าบากอั้วจะลูแลให้อย่างลีเลย" ข้าพเจ้าควักสตางค์ให้ตามความต้องการของอาแปะแล้วก็อดที่จะชำเลืองดูฟันทองของอาแปะไม่ได้ พลางนึกในใจว่า ทำเป็นโชว์ฟันทอง อั้วก็มีวัยทองยังไม่โชว์เลยแปะเอ้ย............
........ข้าพเจ้ารออยู่ที่สถานีรถไฟประมาณครึ่งชั่วโมงรถไฟก็มา ส่งเสียงดุดันมาแต่ไกลแล้วก็จอดสงบยิ่งอยู่ตรงหน้ารอให้ข้าพเจ้าขึ้น วันนี้คนเข้ากรุงเทพไม่ค่อยเยอะ อาจเป็นเพราะว่ายังเช้าอยู่ เมื่อหาที่นั่งได้แล้ว ข้าพเจ้าก็ตั้งหน้าตั้งตานอน และก็นอน จนรถไฟแล่นมาถึงอยุธยา โบ้กี้ที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ก็มีฝรั่งหัวแดงคู่หนึ่งเป็นผู้หญิงกับผู้ชายขึ้นมา และมีคนไทยตามขึ้นมาสองสามคนและเด็กผู้หญิงอีกหนึ่งคน พอคุณฝรั่งขึ้นมาปรากฎว่าที่นั่งเต็ม คุณหรั่งก็เลยยืน แต่ขอโทษไม่รู้ว่าเมื่อคืนจะต่างคนต่างหลับกันหรือย่างไร เพราะว่าคุณหรั่งพอตั้งตัวได้ ก็ตั้งหน้าตั้งตาจูบกันกันใหญ่เลย เดี๋ยวจูบ เดี๋ยวจูบอยู่อย่างนั้น หน้าด้านสิ้นดี ข้าพเจ้าคิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป กลัวว่าจะหลับไดยไม่ได้ตั้งใจ ฝรั่งคู่นี้จูบกันตลอดเวลา โดยที่ไม่อายสายตาคนรอบข้างเกือบ ห้าสิบคนที่นั่งอยู่ในโบกี้นี้ แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ก็ยังตะลึงแม่หนูคงไม่คาดคิดละมั้ง ว่าจะเจอเหตุกราณ์อย่างนี้บนรถไฟ จึงได้แต่ยืนมองตาปริบ ๆ ถึงข้าพเจ้าจะไม่ใช่คนขี้อาย แต่ข้าพเจ้าก็อายที่จะแสดงความรักต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ และถ้าข้าพเจ้าทำ บรรพบุรุษของข้าพเจ้าคงไม่ให้อภัยอย่างเด็ดขาด นึกขอบคุณศาสนาพุทธที่สอนให้ละอายต่อบาป และก็ขอบคุณประเทศไทยของเราที่ไม่มีวัฒนธรรมแบบนี้ในประเทศ เพราะถือว่าเป็นการทำอนาจารอย่างร้ายแรง ว่าแต่จะไปว่าฝรั่งผู้ชายซะทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะว่านังฝรั่งผู้หญิงก็เผยอปากปากเชิญชวนซะขนาดนั้น แล้วผู้ชายที่ไหนมันจะอดใจได้ มันน่าให้แมลงวันบินเข้าปากนัก เหมือนตอนนางกุลาหลับแล้วฝันว่าได้จุมพิศกับสามีของนางโสนน้อยเรือนงาม ซึ่งชื่ออะไรก็ไม่รู้ ข้าพเจ้าจำไม่ได้ เนื่องจากเคยอ่านตั้งแต่เรียนอยู่ช้นมัธยม จนบัดนี้ลูกสองแล้วก็เลยลืม จำได้แต่สามีของตัวเอง ข้าพเจ้าและคนบนรถไฟเลิกสนใจฝรั่งคู่นั้นแล้ว เหตุเนื่องจากได้เกิดอาการชินตาก็เลยนั่งมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถไฟ มองออกไปเห็นดอกบัวหลวงสีชมพู สีขาว กำลังโชว์ดอกและกลีบอันงดงาม ล้อลมไสวอยู่ในคูริมทางรถไฟ นึกอยากจะคว้ากระดานมาวาดเก็บเอาไว้ แต่ต้องยอมจำนนเพราะไม่ใช่ที่บ้าน ก็เลยได้แต่บันทึกไว้ในความทรงจำเท่านั้น เสียงสัญญานหวูดรถไฟดังอยู่ข้างหน้า เป็นระยะ ระยะ แสดงว่าใกล้ถึงที่หมายแล้ว ข้าพเจ้าเตรียมเก็บของใส่ยามใบเท่ แล้วยกสะพายไว้บนไหล่ ก่อนจะเดินออกมารอตรงบันไดหน้าประตูทางลง................ต่อภาค 2 นะจ๊ะ