30 สิงหาคม 2553 17:39 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
....เกี่ยวเถอะนะแม่เกี่ยว โย้น โย้น
......... เกี่ยวเถอะนะพ่อเกี่ยว
.....อย่ามัวชะแง้ แลเหลียว เดียวเคียว...
.......จะเกี่ยวก้อยเอย.....
ธงปลายเสาลำไผ่ ไหวสะบัด
ระเบ็งซัด แซ่ส้อง ทำนองเสียง
เพลงเกี่ยวข้าว ครึ้กครื้น รื่นสำเนียง
หนุ่มสาวเคียง คนแก่เฒ่า เย้าหยอกเอิน
เหล่าแม่เพลง ท้าทาย ย้ายสะโพก
พ่อเพลงโยก หัวไหล่ซัด ไม่ขัดเขิน
ต่างเกี้ยวแก้ อวดลาย ร่ายลำเพลิน
บ้างกู่เชิญ ชวนท้า ว่าลวดลาย
บนลานดิน นวดข้าว คราวหน้าเกี่ยว
ความกลมเกลียว มิตรหมู่ สู่จุดหมาย
เปลี่ยนเรียวรวง เรืองรอง สีทองพราย
ให้กล่นกลาย เป็นฟ่อนฟัด มัดสัมพันธ์
ในวันพรุ่ง รุ่งสาง ทางที่หมาย
นามากมาย ร่วมใจ - แรง ลงแข็งขัน
คราเกี่ยวเสร็จ เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้ากัน
มอบกำนัล ผ้าผ่อน ก่อนอำลา
ธงปลายเสาลำไผ่ ไหวสะบัด
เครื่องสีกวัด ดังระงม ร่มฉำฉา
จากเรียวรวง เป็นเมล็ดงาม อร่ามตา
คือศรัธา ผืนดินทอง ท้องนาไทย
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ ถ้าความหมายของคำว่าสีกวัด
ผิดไปเพราะเขียนตามคำเรียก
เครื่องสีกวัด คือ เครืองจักรกลชนิดหนึ่งที่ทำด้วย
ไม้ ใช้ฟ่อนข้าวยัดลงไปเครื่องจะทำงาน คัดแยก
ฟางกับเมล็ดข้าว และจะเหลือแต่เมล็ดข้าวเปลือกไหลลง
ใส่ในกระบุง
...
26 สิงหาคม 2553 21:05 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
เห็นรอยไถ ค้างนา คราฝนฉ่ำ
เป็นแนวย้ำ ดินอ่อน เป็นลอนหลุม
ณ เวิ้งน้ำ กลางนา มัจฉาชุม
กระยางรุม จงอยปาก กระชากกิน
ลมเดือนเก้า เหงาหงอย คอยแต่คู่
กาเหว่ากู่ พธูห่าง ร้างถวิล
กล้าต้นอ่อน ชอนเปลือกบาง สล้างดิน
ลมระริน ถวิลเคียง ริมเถียงนา
ไผ่โยนกอ ล้อลม ที่พรมพร่าง
ริมฟ้ากว้าง ตะวันแดง สาดแสงสา
บัวริมบึง ดอกใบ ไสวตา
ริมคันนา ใครอ้อน นอนตักนาง
เคยเก็บผัก สุ่มปลา ริมท่าทุ่ง
เคยไล่ยุง ลอมไฟ จนใกล้สาง
เคยสัญญา รักเรา ไม่เบาบาง
คืนเมฆจาง ดาวพราย ร่วมชายชม
เห็นรอยไถ ค้างนา คราฝนฉ่ำ
ดุจรอยช้ำ หัวใจ ใยเฝื่อนขม
อีกไม่นาน รอยไถสิ้น กับดินตม
ใยระทม ยังเน้น ให้เห็นรอย......
ทิพย์โนราห์ พันดาว
20 สิงหาคม 2553 18:51 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
แดดอ่อนอ่อน แสงสาย ในบ่ายคล้อย
หมู่เด็กน้อย หัวเราะเย้า เงาไม้ใหญ่
บ้างดำน้ำ ว่ายแซง แข่งกันไป
กรรเชียงหงาย ว่ายเรียง เสียงอื้ออึง
บ้างเก็บบัว ค่อยหัก ถักเป็นสร้อย
บรรจงร้อย สร้อยขวัญ ที่ฝันถึง
ตุ้มเป็นดอก งามรับ ก้านกลมกลึง
สายใยตรึง ฝันน้อยน้อย สร้อยสายบัว
มุ่นเมฆหม่น ปลายนา ริมฟ้าสวย
ลมระรวย ตะวันลา ฟ้าสลัว
กรุ่นเรียวรวง สาปควาย รอบกายตัว
ยังวนทั่ว ในรู้สึก ยามตรึกตรอง
ในเรือนชาน แสงตะเกียงเสียงหริ่งหรีด
แว่วโหยหวีด อื้ออึง ริมบึงหนอง
ลมกลางคืน พัดพราย ผ่านชายคลอง
จันทร์นวลครอง เวิ้งฟ้า สง่าไพร
เก็บดอกบัว ค่อยหัก ถักเป็นสร้อย
บรรจงร้อย สร้อยฝัน วันสดใส
บัวชมพู งามสคราญ ทั้งก้านใบ
แม้ร่มใน ตะแบกบัง ยังงดงาม
ทิพย์โนราห์ พันดาว
20 สิงหาคม 2553 18:30 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
จูบแรกคือห่วงใย จูบต่อไปแทนคิดถึง
จูบสามแทนคำนึง หวานถ้อยซึ้งหนึ่งรำพัน
กอดแรกแทนผ้าห่ม ยามทุกข์ตรมในทางฝัน
กอดสองคือแบ่งปัน รักข้ามมาจากฟ้าไกล
กอดสามในยามคิด ว่ามิ่งมิตรเธออยู่ไหน
อ้อมแขนแทนหัวใจ ที่โหยไห้ทุกเวลา
อิงแรกคืออิงอุ่น ไอละมุนที่โหยหา
มิลืมคืนสบตา ระเบียงจันทร์ฉันมีเธอ
อบอวลในรู้สึก คอยรำลึกอยู่เสมอ
ยังหวังวันได้เจอ ซบใหล่อิงผิงกองไฟ
รักนะรู้หรือเปล่า คนเหงาเก่าจำได้ไหม
ฟ้ากว้างหนทางไกล กลัวเนื้อใจจะเปลี่ยนแนว
ดอกหญ้าบานระยับ รอเธอกลับอยู่เป็นแถว
ร่มสนตลอดแนว คอยฟังเสียงเราเคียงเดิน
บัวขาวพราวอวดฟ้า คูข้างนาล้าขอดเขิน
เปลยวนเก่า แขวนเหงาอยู่บนเนิน.......
เฝ้าหยอกเอินกับสายลม.....
กระจิบน้อยเอียงคอมอง ส่งเสียงร้องคลอผสม
เจื้อยแจ้วแว่วกับลม ดับระทมพอบรรเทา
ถามใจในยามนี้ บอกคนดีคืนถิ่นเก่า
หยาดฝนหล่นบางเบา ยังไร้ เขา คนคุ้นเคย
ทิพย์โนราห์ พันดาว
19 สิงหาคม 2553 17:49 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ปากก็บอก ว่าหยิ่ง หญิงอย่างฉัน
ชายอย่าฝัน เคียงครอง จอง อย่าหวัง
ต้องมีรถ มีบ้าน งานและตังค์
ตัวลำพัง แม้เสี้ยว ไม่เหลียวมอง
มีเงินเดือน ให้ฉัน วันหลายร้อย
มีขี้ข้า ว่าพลอย คอยสนอง
มีแหวนเพชร เม็ดโต โซ่สร้อยทอง
มีซีตรอง วอลโว่ โชว์สังคม
แต่พอเหล้า เข้าปาก สำรากถ้อย
มารยาร้อย เล่มเกวียน เพี้ยนผสม
ความเย่อหยิ่ง วิ่งสลาย กับสายลม
ปล่อยชายชม หลงเหลิง เพลิงโลกีย์
พอสมใจ ชายจาก ทิ้งซากเน่า
เหลือแต่เถ้า กามา น่าบัดสี
เพราะหลงรส เมรัยธาร ร่านราคี
อิสตรี ที่ควรเป็น ไม่เห็นทาง
แล้วก็บอก ว่าหยิ่ง หญิงอย่างฉัน
ชายอย่าฝัน จับจอง จะหมองหมาง
วันนี้ใย ไหงออก นอกหนทาง
ปากบางบาง กับเนื้อใจ ใยไม่ตรง...กัน
ทิพย์โนราห์ พันดาว