28 ตุลาคม 2552 11:54 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ลมหนาวครวญ ครางเร้า เย้าใบไม้
ระคนคล้าย เอื้อนเอ่ยรับ กลับคืนถิ่น
หมอกอาลเคล้า เบาบาง ร้างฝนริน
ดั่งอาจินต์ เหมือนวันวาน เคยผ่านมา....
ฝนลาลับ ห่างตา พฤกษาโศก
เคยชุ่มโชก ด้วยหยาดริน ถวิลหา
รอฝนหลั่ง รสสราญ ผ่านอีกครา
หลงมนต์ตรา ในวสันต์ จึ่งมั่นคอย....
พฤกษ์ไพรพันธ์ เคยสด สลดแสลง
เดียวดายแดง น้ำตาลทอ หงอเหงาหงอย
ด้วยแรงราน ตะวันเพลิง ที่เหลิงลอย
พรมลบรอย แห่งวสันต์ ที่ผันลา....
ยามลมเร้า หยอกล้อ พ้อใบไม้
ฟังดูคล้าย เพลงแห่งใจ ที่ใฝ่หา
กี่หนาวเอย ที่รอ ต่อสัญญา
เอ่ยวาจา แล้วใย ไฉนลืม...
ลมหนาวครวญ ครางเร้า เย้าใบไม้
ในอกซ้าย หนาวภวังค์ รังแต่ฝืน
ด้วยเดียวดาย ในมุมช้ำ ทุกค่ำคืน
ทนเก็บกลืน ขืนรอวัน ที่สัญญา.....
ทิพย์โนราห์ พันดาว
26 ตุลาคม 2552 16:02 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ใจรอนแรม ผ่านร้าว คราวเคยรัก
ร้างเพิงพัก หลบร้อน ผ่อนให้หาย
ฝ่าไอร้อน แดดฝัน วันเดียวดาย
จนเดือนพราย แจ่มฟ้า ราตรีชม
ระหกเหิน เดินทาง กลางความฝัน
รักต่างผัน ผ่านกราย คล้ายสุขสม
กี่วันคืน ในเส้นทาง อ้างว้างตรม
ความระทม ตามท้าทาย จนหน่ายแรง
พบเพิงพัก ผุพัง ฝังใจจิต
บุปผาพิศ งามระยับ ยามขับแสง
ส่งกลิ่นอวล หอมเย้า เคล้าลมแรง
หมู่แมลง แย่งคลอ พนอชม
หยุดเดินทาง หมายจอง ปองเพิงพัก
หวังให้รัก ซ่อมซากทราม ให้งามสม
ทาสีใหม่ ให้คนลือ ระบือชม
ต่างนิยม คือเพิงฝัน นิรันดร
พลันพายุ จากแห่งใด ดูไหวหวาด
กระหน่ำฟาด เพิงพับ ลงกับขอน
พิรุณแรง โถมใส่ ไร้อาวรณ์
ปล่อยคนจร เคว้งคว้าง กลางพฤกษ์ไพร
มือกอบเศษ ไม้ซาก จากเพิงพัก
เสียดายนัก โอ้ตัวฉัน แค่ฝันใฝ่
เพียงเก็บเศษ ไม้เก่าชม มิสมใจ
จะเหลือใด ให้หวัง ยามฝังกาย
ละเศษไม้ จำจาก ซากเพิงเก่า
ใจคงเหงา ไร้สวาท ที่มาดหมาย
นับแต่นี้ ชีวีฉัน แห่งบั้นปลาย
คงเดียวดาย คราละโลก ต้องโศกเดียว
ทิพย์โนราห์ พันดาว
13 ตุลาคม 2552 15:56 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
เย็นลมหนาว พัดพา จากฟ้าฝั่ง
อุ่นความหลัง อดีตฝัง ยังถนอม
คิดถึงเธอ วันพราก ทุกฉากตอน
ความอาวรณ์ วันจาก ยังฝากเตือน
ครึ้มเมฆฝน คล้ายลา ดูฟ้าเศร้า
เบียดบังเงา สุริยัน ให้ผันเคลื่อน
กันยาจาก พรากมา ตุลาเยือน
ปลายฝนเลือน เหน็บหนาว ก้าวทดแทน
เหมือนชิงรัก ชิงฝัน ในวันก่อน
ใจหนึ่งจร จากเรา เหงาเหลือแสน
ใจหนึ่งอยาก คว้าไขว่ ใครทดแทน
ใจหนึ่งแค้น เคืองขัด คอยมัดใจ
ทิฐิบอก คงมั่น ฉันอยู่ได้
ถึงจะไร้ ใครเขา เอาใจใส่
ศักดิ์ศรีบอก ฉันคือฉัน ทุกวันไป
แค่หัวใจ โหยห่วง ในห้วงลึก
ฝากลมฝน พัดไกล เสียงใจสั่ง
เรื่องความหลัง อย่าใส่ ในรู้สึก
ปิดแผลใจ คราวรันทด กดให้ลึก
ทุบผนึก ที่แกร่ง ต้องแข็งใจ
ไม่ให้คิด ผูกพัน ไม่ฝันเฟื่อง
ให้สิ้นเปลือง อารมณ์ ให้ตรมไหม้
ไม่ให้หวัง ไม่มั่น ฝันจากใคร
อาวรณ์ใด ใครยื่น อย่าชื่นชม
จะขออยู่ ในโลก แม้โศกเศร้า
เพียงบางเบา ขอรู้สึก แค่สุขสม
ไม่หวังครอง รักใด ให้ระทม
หวังนิยม สนุกใจ... ไร้ผูกพัน
ทิพย์โนราห์ พันดาว
12 ตุลาคม 2552 18:45 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
...บัดนั้นนวลนางลำหับ พิสมัย
..ครั้นรุ่งรางสร่างแสงอโณทัย..
...ทรามวัยแต่งตัวไม่มัวมอง....
.....สวมมะกล่ำ กำไล สายสร้อย.... ตุ้มหูพวงห้อย
....ดอกไม้หอม..........
.....จากพระราชนิพน์เรื่อง... เงาะป่า....
ณ เพิงน้อย ร้อยรัก สมัครสมาน
คือตำนาน เงาะไพร ในพฤกษ์ผา
ด้วยความรัก ทุกข์ทน ดั้นด้นมา
จำนรรจา ขอน้อง คู่ครองเรือน
มอบสินสอด น้องยา ผ้านุ่งห่ม
ยามหนาวลม ดั่งพี่ อยู่เป็นเพื่อน
ผลไม้ หลายหลาก มากเต็มเรือน
เจ้าอย่าเบือน หน้าหน่าย โปรดชายตา
พี่มารับ ขวัญน้อง ไปครองรัก
จะฟูมฟัก ดูแลขวัญ อย่าหวั่นหนา
จะออกป่า ล่าเนื้อ เพื่อขวัญตา
ถ้อยวาจา ไม่กระทำ ให้ช้ำใจ
มาเถอะน้อง งามขำ ขนำพี่
โถคนดี จะกล่อมนาง ไม่ห่างไหน
มีดอกแดง ชบาซ้อน อ้อนดอกไกว
พร้อมเรไร ร้องขับ รับขวัญนาง
กระท่อมน้อย คอยนาง ร้างนานนัก
อยากได้รัก เคียงฝัน ร่วมสรรค์สร้าง
ยามหนาวลม อุ่นใจ ยังใกล้นาง
อรุณราง มีน้อง ประคองนอน
ณ เพิงน้อย ร้อยรัก สมัครสมาน
คือวิมาน พงป่า พนาขอน
ตำนานเงาะ หนุ่มสาว ไม่ร้าวรอน
เปี่ยมอาทร อ่อนหวาน วิมานไพร
ได้พบเห็นได้ฟัง วิวาห์เงาะ ของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง
คือ เฒ่ายาว สาวบินหลา สินสอดคือ ผ้าแดง 2 ผืนพร้อมผลไม้มากมาย
เจ้าสาว อายุ 13 ปี เจ้าบ่าว ไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด ประมาณ 20 เศษ
รู้สึกประทับใจ กับความเรียบง่าย ของความรัก เลยเขียนเป็นบทกวี
เพื่อถ่ายทอด ความรู้สึก......