30 กรกฎาคม 2550 21:40 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
รั้วมะขามเทศ
สอยไม่ถึงช่วยดึงให้หนูหน่อย
เด็กหญิงน้อยร้องบอกปอกมะขาม
ใส่ปากเคี้ยวหวานอร่อยค่อยเดินตาม
หนึ่งสองสามนับไปใส่ถุงพลัน
พี่กับน้องสามคนโคนมะขาม
ร้องขับขานเพลงคลอตะขอฝัน
เกี่ยวฝักงามมะขามเทศเขตรั้วกัน
หวังแบ่งปันคงมากพอตะขอยาว
หล่นตุ๊บตั๊บหลายฝักปักหลักนิ่ง
สามเด็กหญิงเก็บก้มในลมหนาว
ฝักไหนฝาดให้ยายแกงแจงเรื่องราว
ฝักใดขาวจะต้องมันแบ่งกันกิน
ลมยังลู่โลมไล้ใบมะขาม
ใต้ฟ้าครามหมู่วิหคยังผกผิน
สามเด็กน้อยเติบร่างกางปีกบิน
อดีตสิ้นพร่ามัวริมรั้วเรือน
30 กรกฎาคม 2550 21:20 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
สะพานดาว
สะพานไม้ริมคลองพี่น้องนั่ง
ดูดาวพรั่งพราวตาบนฟ้าใส
อยากไขว่คว้าดาวแนบแอบในใจ
สุดอาลัยไปไม่ถึงซึ่งดวงดาว
มือน้อยน้อยชี้ดาวที่กราวเกลื่อน
กลางแสงเดือนนวลตาฟ้าสีขาว
ที่สะพานริมน้ำถามเรื่องราว
ส่องสกาวแสงเดือนเป็นเพื่อนคุย
มาวันนี้สะพานดาวร้าวแหลกร่วง
คืนเดือนดวงแหลกลงเป็นผงผุย
ด้วยพี่น้องจากไกลไร้คนคุย
มองดูปุยเมฆนวลครวญอีกครา
ยังคงนั่งริมธารสะพานไม้
เหมือนคลับคล้ายอดีตฝันหวั่นผวา
ฟังเสียงหริ่งขานขับรับพนา
คืนเดือนลานำตาร่วงในทรวงเรา
ทิพย์โนราห์
30 กรกฎาคม 2550 20:54 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ในชีวิตเรียบง่ายร่ายอักษร เป็นบทกลอนจากใจไกลเกินฝัน
หลงไขว่คว้าเหน็บหนาวร้าวรำพัน สัมผัสจันทร์หล่นไหลไกลจากมือ
หากมีเราเคียงกันในวันพรุ่ง จิตมาดมุ่งฝ่าไปดั่งใจถือ
หนึ่งคนล้มหนึ่งประคองเต็มสองมือ เพียงคำลือหรือจะทำให้ช้ำใจ
ออกเดินทางท่องไปในไพรกว้าง ชมเดือนพร่างฟ้าพราวดาวไสว
คืนเหน็บหนาวเมฆหม่นฝนรำไร หนทางไกลใจสองดวงยังห่วงกัน
ณ กระท่อมริมทางที่กลางป่า หมู่ดาราเป็นพยานจะสานฝัน
ร้อยความรักความเข้าใจในผูกพัน คืนชมจันทร์เคียงใจในราตรี
น้ำค้างพรมลมไล้บนใบหญ้า อีกดาราเดือนดวงลับล่วงหนี
ณ ความช้ำกับหัวใจไร้วลี หนึ่งราตรีได้ชมจันทร์กลับหวั่นใจ
ในชีวิตเรียบง่ายร่ายอักษร ทนแรมรอนผ่านฝันแสนหวั่นไหว
ด้วยอยากคว้าจันทร์ชมให้สมใจ สุดอาลัยใจปวดร้าวคราวมองจันทร์
ทิพยโนราห์
30 กรกฎาคม 2550 20:34 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ยามเช้าณทุ่งข้าว
สายลมย้อนพร่างพรมชมยอดหญ้า
หมูวิหคผกผินบินลับตา
สู่ขอบฟ้ากว้างไกลผ่านไอเย็น
ณ ตรงนี้มีฉันอยู่รู้หรือเปล่า
ยังคอยเฝ้าดูแลใจใยไม่เห็น
ริมขอบฟ้าแสงทองทาบอาบไอเย็น
ห่วงเพียงเพ็ญจะเลือนลับไม่กลับคืน
น้ำตาเทียนในลมหนาว
ลมพัดลู่กู่มาฟ้าเริ่มสาง
ไหวกิ่งยางไก่แก้วแว่วเสียงใส
เย็นน้ำค้างร้าวรอนถอนในใจ
ใต้เงาไฟแสงเทียนพร่าน้ำตาริน
ลมก็ครวญใจก็ครางไม่ห่างหาย
ระริกพรายหมู่วิหคเริ่มผกผิน
หนาวลมรักร้างลาใจชาชิน
ไหลโรยรินอ่อนล้าน้ำตาเทียน
กระถินดง
กระถินดงดอกพราวขาวแซมเขียว
ลมพัดเกรียวดอกอ้อล้อลมไหว
สุรีย์พร่างน้ำค้างพราวหนาวจับใจ
เหม่อมองไกลใจเหงาเขาไม่มา
ดั่งกระถินสิ้นค่าราคาน้อย
หมดสิทธิร้อยมาลัยพวงให้ห่วงหา
มิอาจสู้มะลิรื่นชื่นอุรา
ขืนไขว่คว้าคงต้องตรมจึงข่มใจ
ทิพย์โนราห์