1 เมษายน 2554 14:18 น.
ทิพย์พิไร
อ่านประกาศวาดหวังอสังหา
ดูราคาค่างวดแล้วปวดหัว
ต้องเจาะลึกตรึกตรองสมองรัว
อาจพันพัวจั่วข่าวให้ร้าวราน
จึงประเมินเอิ้นหาเจ้าหน้าที่
รังวัดทีวจีโวรโหฐาน
เป็นทรัพย์สินดินเดิมเริ่มกบดาน
ลมพัดผ่านธารใสไหลรวมกัน
มองด้านหลังยังเห็นเป็นเนินราบ
แม้ปิดภาพคาบคาน่าขบขัน
ปลูกต้นงิ้วทิวยาวคราวประจัน
ท้าตะวันจันทร์แสงทิ่มแทงใจ
จะขอจองลองเผื่อเมื่อแก่เฒ่า
ช่วยคลายเหงาเปล่าเปลี่ยวเกินเที่ยวไหว
เพราะที่ว่างข้างกายสหายไร
สาวคลั่งไคล้ใฝ่ปองสยองแทน
6 เมษายน 2553 11:25 น.
ทิพย์พิไร
มองเห็นเธอเงียบเหงาดูเศร้าโศก
ดั่งว่าโลกจะแหลกแตกสลาย
ดูซึมเหม่อเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
หมดความหมายเมื่อฝันพลันจากลา
เพียงหลงภาพตามติดจิตหลอกหลอน
เมื่อโอนอ่อนคล้อยเข้าเงาเสน่หา
หมดสิ้นหวังพลังรักหมดศรัทธา
เล่ห์มายาพาหม่นทุกข์ล้นใจ
เหมือนเห็นเงาที่ทาบภาพสะท้อน
ความอาวรณ์ร้าวระคนเกินทนไหว
เก็บงำความช้ำชอกยากบอกใคร
เพียงเผยได้หน้าชื่นฝืนอกตรม
เฝ้ากอดตัวหัวใจไยชอกช้ำ
ทุกข์กระหน่ำซ้ำมาจนสาสม
ฤาถึงคราวร้าวลาญผลาญให้จม
จึงระทมถมทับกลับต้องยอม
ยากเกินที่หัวใจจะใฝ่ฝัน
ผ่านคืนวันรวยระรินโชยกลิ่นหอม
ปัจจุบันขื่นขมและตรมตรอม
ยังไม่พร้อมจากลายังอาทร
แสนสงสารกานต์ใจไห้โหยหา
รินน้ำตาคราจากสุดยากถอน
เสียงปลุกปลอบรอบข้างมิต่างวอน
จำเก็บซ่อนย้อนคืนแม้ฝืนทรวง