10 พฤศจิกายน 2550 13:05 น.
ทานพอ
หญิงเขลา ชายชั่ว
ชาย : แม้นลวงตาพาฝันสู่ชั้นสรวง
อยากเด็ดดวงเด่นพธูมาสู่สม
ชมชิดเชยแช่มช้อยคล้อยอารมณ์
เพียงเสพสมรสกามยามต้องการ
หญิง : อย่าคิดไกลใช่สำคัญกับฉันยิ่ง
มันเป็นสิ่งลวงใจไร้แก่นสาร
ชายลามกตกอเวจีนาทีนาน
ยมบาลหมายหัวเพราะมั่วกาม
ชาย : การกระทำบอกแจ้งแถลงเหตุ
ว่าแก้วเกดคิดกระไรใคร่ขอถาม
ก็สายเดี่ยวเปลี่ยวสะดืออื้มอืมยาม
เดินผ่านข้ามพ้นหน้าผวาใจ
อีกเกาะอกเอวต่ำก็ล้ำเหลือ
ประหนึ่งเผื่อเศษกายชายหวั่นไหว
กระโปรงสั้นเกงสั้นเห็นชั้นใน
เสื้อบางใสเว้นว่างอย่างชุดนอน
ทั้งรัดรวบอวบอั๋นมันน่ากอด
อยากจะทอดกายอิงพิงเป็นหมอน
นี่หรือเธอสมวจีที่พร่ำวอน
แม่งามงอนช่างคิดผิดมิตรง
หญิง : ปากปีจอจริงนี่คุณพี่ชาย
ฉันแต่งกายออกจะดีมิมีหลง
เป็นแฟชั่นล้ำสมัยในเครื่องทรง
ช่างตาต่ำมองฝูงหงส์เป็นดงกา
ก็สายเดี่ยวแดดร้อนในตอนสาย
ไม่สบายกายกรุ่นพ่อคุณข๋า
สะดือลอยนิดหน่อยพออ่อยตา
อย่าปาก....วาจาไม่น่าฟัง
อีกเกาะอกดูดีมิมีสาย
เอวต่ำดังเด่นกายสบายหลัง
ชั้นในแย้มแต้นบ้างตามทางนั่ง
ลายชินจังฟังว่าน่ารักดี
กระโปรงสั้นเกงสั้นนั้นกระชับ
อีกเสื้อรับทรงรัดมิบัดสี
จะให้ยาวกวาดดินอายอินทรีย์
คงเหลือที่แทรกหินดินดำ
ชาย : สงสารใจชายอนาถจะขาดสิ้น
ด้วยถวิลดวงแขแม่งามขำ
หากมิแพงมากนักพอผักกำ
โคมเขียวคว่ำแขวนห้อยคอยคอยทาง
หญิง : ชายปากดีเดี๋ยวสีแซมมาแต้มปาก
ช่างพูดมากปากจัดเดี๋ยวหมัดถาม
ขอถามนิดที่คิดมาคนบ้ากาม
ฉันดูงามเหมาะไหมเครื่องใส่ตัว
ชาย :ถ้าจะถามความคิดฉันเอามั่นเหมาะ
จะขอเยอะเย้ยแขแม่ทูลหัว
เธอนั้นงามตามเขตเพศเมามัว
ที่ชายชั่วมั่วกายหมายชมเอา
ถือตาม ตกหมกมุ่นแลแต่แฟชั่น
มิเคยครั่นคิดคร้ามตามเมืองเขา
วัฒนธรรมเมืองเทศทุเรศเรา
ยังยึดเอาเยี่ยงแย่มาแปรไทย
ใช่ว่าฉันโบราณกาลนัก
พอน่ารักปกปิดกายจะได้ไหม
ไม่ต้องตามเทศเขาเพราะเราไท
นำสมัยยิ่งแล้วแว่วคำชม
หญิง : ค่อยปากดีมีกุศลมาดลปาก
ช่างถางถากใจฉันพลันขื่มขม
คิดว่างามชายแลแค่เอ่ยชม
มิคิดคู่สู่สมอารมณ์กาย
ฉันได้รู้ว่าเคยคิดผิดถนัด
ได้ฟังชัดชายแจ้งแถลงฉาย
ว่าชมแลแต่กามที่งามกาย
จิตนั้นร้ายมิหมายรักมาปักทรวง
ชาย : ชายรักหญิงจริงแน่เป็นแม่บุตร
ใช่แค่ชุดยั่วกายชายมิหวง
จะรักจริงยินยอมและพร้อมควง
แม่เด่นดวงดอกสะเดาเอาเป็นเมีย
ชาย หญิง : อันหญิงเขลาชายชั่วใช่มั่วเพศ
คิดมีเลสนัยเห็นเป็นเสื่อมเสีย
ชายจะชั่วเพราะหญิงเขลาเคล้าคลอเคลีย
จงตื่นเสียตัดเทศทุเรศไทย
อักษรการันต์ สุวรรณจินดารักษ์
4 สิงหาคม 2550 12:10 น.
ทานพอ
อกร้าว
เสียงคลองกลืนคลื่นครืนครืนสะอื้นเศร้า
ดั่งอกร้าวรักแรกร้างช่างห่างเหิน
เมื่อเธอจากไกลแสนทำแคลนเมิน
มิขัดเขินขวยอายปรายน้ำตา
เคยร่วมเรียงเคียงข้างสำอางอ่อน
เคยเว้าวอนซ่อนกลิ่นถวิลหา
เคยหนุนตักต่างหมอนตอนหลับตา
เคยวาจาสื่อสารกับหวานใจ
เมื่อมีชายหมายแลแม่ขวัญจิต
แจ่มจริตชัดกระจ่างสว่างใส
ว่าเธอพร้อมยอมจากฝากอาลัย
ให้ชายเขลาเอาใจไปใส่ยา
จำไว้เถิดชายชาญทหารโง่
สตรีโหลเอ่ยเห็นเป็นภาษา
ว่าแรกรักเริ่มใช้แต่ไรมา
ประหนึ่งยาพิษป้ายปลายปลายใจ
นาย ทานพอ
20 กรกฎาคม 2550 17:43 น.
ทานพอ
เพ้อไปตามอารมณ์
อร่ามเหลืองเรืองรองงามผ่องผุด
เปรียบประดุจทองทาประสาศิลป์
ทิวแถวทางข้างถนนอยู่บนดิน
ไม่เคยสิ้นกลิ่นหวนให้ชวนชม
ภมรหอมตอมถึงคนึงจิต
ให้หวนคิดถึงลำดวนนวลงามสม
มวลหมู่ชายหมายมากอยากเชยชม
อยากดอมดมเด็ดดวงพวงสีทอง
ย่างเย็นย่ำค่ำแล้วแว่วปักษา
ส่งเสียงมาร่อนเรียงเคียงคู่สอง
แอบอิจฉาว่าปักษีมีคู่ครอง
แต่เราหมองยืนมองนกร้องเพลง
ห้วงแห่งกาลผ่านผันนั้นกำหนด
เป็นเกณฑ์กฏโรยร่วงพวงโหวงแหวง
เหลือเพียงก้านคดข้องอตัวเอง
ตามบทเพลงแห่งเวลานั้นพาเดิน
ภมรหายเห็นเรียงรายแค่ปลายกิ่ง
ด้วยไร้สิ่งเย้ายวนชวนสรรเสริญ
จึ่งหน่ายแหนงแครงหนีทำทีเมิน
ดั่งร่อนเหินห้วงหาวไปดาวไกล
นาย ทานพอ
14 กรกฎาคม 2550 07:45 น.
ทานพอ
มนุษย์
หวนคำนึงถึงมนุษย์สุดอนาถ
เทียบชั้นชาติผงาดเหนือเวหา
สัตว์ประเสริฐงามเลิศเฉิดกายา
กลับสิ้นค่าต่ำช้าเพราะอารมณ์
เดียรฉานที่คลานขนานพื้น
มีดาษดื่นถูกยื่นชื่อคือขม
เดียรฉานผู้คลานติดโคลนตม
กลับไม่บ่นความชั่วให้มันตน
ลองคิดดูหมู่ชนคนประเสริฐ
ผู้งามเลิศเกิดสูงทุ่งเวหน
เทวดาเดินดินแต่ถิ่นบน
ทานประเสริฐเลิศล้นที่หนใด
นาย ทานพอ
13 กรกฎาคม 2550 20:18 น.
ทานพอ
คิดถึง
จับปากกาบรรเลงเพลงอักษร
แม่งามงอนตอนนี้เธออยู่ไหน
จากกันมาคิดถึงบ้างหรือไม่
จำจากไกลหัวใจคิดถึงเธอ
หรีดหริ่งเสียงสำเนียงเพียงประสาน
นั้นบันดาลเรียงร้อยถ้อยคำศิลป์
ฝากลมพาไปหาแม่ยุพิน
ว่าพี่กินน้ำตาเป็นอาจิณ
นาย ทานพอ