12 เมษายน 2549 08:25 น.
ทัดหทัย
น้ำใสใสซึ่งปริ่มริมตาเศร้า
สะท้อนเงารันทดเกินอดกลั้น
ความว้าเหว่อ้างว้างระหว่างวัน
มาตื้นตันเจิ่งตากลางราตรี
พร้อมกับทุกข์ท่วมใจในคืนท้อ
อกคนรอแปลบราวร้าวเหลือที่
คนของความคิดถึงซึ่งเคยมี
ป่านฉะนี้อยู่ไหนไม่มาเยือน
น้ำใสใสซึ่งปริ่มริมตาหม่น
เริ่มเอ่อล้นไหลนองสองแก้มเปื้อน
ตอนนี้ขวัญลอยคว้างฝันรางเลือน
รู้สึกเหมือนกำลังตายทั้งเป็น
คืออาการจากพิษความคิดถึง
จะหวังพึ่งยาใจก็ไม่เห็น
ตลอดวันตลอดคืนกลืนลำเค็ญ
คนเลือดเย็นลืมเหลียวมาเยียวยา
น้ำใสใสซึ่งปริ่มริมตาหมอง
แทนคำฟ้องว่าหัวใจร่ำไห้หา
พ้อถึงคนเคยรับซับน้ำตา
วอนเธอมาก่อนวันฉันสิ้นใจ
8 เมษายน 2549 13:34 น.
ทัดหทัย
โลกมีดอกไม้
สดใสสีสัน
อุ่นแสงตะวัน
วาดหวังยั่งยืน
มีหยาดน้ำค้าง
พร่างแพรวสดชื่น
เชื่อมฝันวันคืน
ตื่นตาตรึงใจ
มีเสียงกระเซ็นซ่าน
ของธารน้ำไหล
คลอเพลงนกไพร
พลอดพร่ำรำพัน
สรรพสิ่งสรรพเสียง
ร้อยเรียงรอยฝัน
เติมเต็มตื้นตัน
ต่อยิ้มยินดี
ลำนำบทหนึ่ง
แต่งซึ้งแต้มสี
เล่าความตามมี
ไม่หมดจดจาร
มองโลกสดสวย
ด้วยตาฉ่ำหวาน
ดอกรักผลิบาน
ตราบที่มีเธอ
14 กุมภาพันธ์ 2549 07:53 น.
ทัดหทัย
หยิบเคียวรุ้งเกี่ยวรักมาถักฝัน
ทอผูกพันอบอุ่นเติมคุณค่า
แต่งแต้มแววหวามหวานเต็มม่านตา
ให้เหมือนฟ้าพร่างพราวแสงดาวพราย
อยากบอกให้รับรู้อยู่เสมอ
เพียงมีเธอทุกนาทีมีความหมาย
หอมแห่งรักอบร่ำกรุ่นกำจาย
หัวใจคล้ายคับพองเต็มห้องทรวง
รักที่สุด..สุดที่รัก..ปักใจมั่น
เธอคือขวัญชีวีที่แสนหวง
ส่องแสงแก้วแววฟ้าสุดาดวง
มาโชติช่วงฉานฉายเป็นสายใจ
สิ่งที่เธอปรารถนา คือหน้าที่
เคยหรือมีการอิดเอื้อนสร้างเงื่อนไข
ฝากสัญญายืนยันนิรันดร์ไป
รักเพื่อให้ วางแนบแทบเท้าเธอ
26 มกราคม 2549 18:00 น.
ทัดหทัย
เหลืองสุพรรณิการ์จ้าอีกครั้ง
บานสะพรั่งพิมพ์ตาปลายหน้าหนาว
อวดกลีบฉ่ำน้ำค้างจนพร่างพราว
เริ่มเรื่องราวของวันฝันสวยงาม
พร้อมแดดสายปรายแสงมาแต่งสี
คือนาทีแห่งรักมาทักถาม
คนที่เฝ้าห่วงหามาทุกยาม
ส่งเสียงข้ามโค้งฟ้ามาโลมใจ
รินความหวานเติมวันอันอบอุ่น
ยิ้มละมุนจึงแต้มสองแก้มใส
แววตาเพียงดาวพร่างอยู่ข้างใน
คอยเงาใครทอฉานเต็มม่านตา
กระซิบจากฝ้ายคำย้ำว่าห่วง
แม้กลีบร่วงก็ไม่โรยแรงโหยหา
ฝากเยื่อใยโยงขวัญสุพรรณิการ์
เป็นสัญญาหัวใจเชื่อมไมตรี
เชื่อมแม่ปิงถึงฝั่งวังตะไคร้
ธารน้ำใจเราสองคนรักล้นปรี่
เหลืองลออทุกช่อนั้นเติมฝันดี
ปลอบใจที่แทบท้อการรอคอย
24 มกราคม 2549 10:33 น.
ทัดหทัย
พอรำเพยแผ่วพรมสายลมผ่าน
กังสดาลโมบายร่ายมนต์ขลัง
เป็นเพลงทิพย์แว่วไหวในภวังค์
ที่ยิ่งฟังยิ่งซึ้งเคลิ้มถึงเธอ
คิดถึงเสียงใสใสใครช่างอ้อน
กระซิบตอนหนุนตักว่ารักเสมอ
เปี่ยมความหวานแววตาเวลาเจอ
จนเฝ้าเพ้อโหยหาเวลาไกล
ฟังโมบายบรรเลงบทเพลงหวาน
ชดเชยการห่างกันลบหวั่นไหว
บอก รักนะ ยืนยันจนมั่นใจ
เพียงพอให้ดาวพร่างกลางแววตา
คำ รักนะ..รักนะ.. จะไม่เปลี่ยน
ช่วยกันเขียนและร่วมกันฝันเจิดจ้า
เสียงหวานจากโมบายเธอให้มา
ซาบซึ้งกว่าเสียงสวรรค์ร่ำบรรเลง