24 มีนาคม 2552 03:54 น.
ทรายกะทะเล
กาลเวลาพาให้วัยคนเปลี่ยน
สังขารหมุนเวียนเปลี่ยนตามกฎ
เริ่มอดีตปัจจุบันอนาคต
ตามกำหนดตามกรรมธรรมดา
วัฏฏะจักรแก่เจ็บตายในมนุษย์
ไม่สิ้นสุดเวียนว่ายในสังขาร์
ดับแล้วเกิดเกิดแล้วดับลับโลกา
ตามวาจาพุทธองค์คงข้อมูล
เมื่อตายแล้วถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
มวลสังขารสิ้นลับเมื่อดับสูญ
เหลือเพียงชื่อทิ้งไว้ให้อาดูร
ร่างคลุกเคล้าปฏิกูลบนมูลดิน
แต่กิเลสภายในใจมนุษย์
์ใครจะหยุดยั้งได้ใคร่ถวิล
กาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนอาจิน
แต่กิเลสไม่สิ้นเกาะกินใจ
กาลเวลาพาให้วัยเปลี่ยนผัน
ก่อนดับขันธ์ดับกิเลสต้นเหตุใหญ่
จงบรรเทากิเลสชั่วตัวต้นภัย
อย่าปล่อยวัยสายเกินกว่าชราลง
24 มีนาคม 2552 03:52 น.
ทรายกะทะเล
เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง
เหมือนนกยูงมีดีที่แววขน
ถ้าใจต่ำเป็นได้แต่เพียงคน
ย่อมเสียทีที่ตนได้เกิดมา
ใจสอาดใจสว่างใจสงบ
ถ้ามีครบควรเรียกมนุสสา
เพราะทำถูกพูดถูกทุกเวลา
เปรมปรีดาคืนวันศุขสันต์จริง
ใจสกปรกมืดมัวและร้อนเร่า
ใครมีเข้าควรเรียกว่าผีสิง
เพราะพูดผิดทำผิดจิตประวิง
แต่ในสิ่งทำตัวกลั้วอบาย
คิดดูเถิดถ้าใครไม่อยากตก
จงรีบยกใจตนรีบขวนขวาย
ให้ใจสูงเสียได้ก่อนตัวตาย
ก็สมหมายที่เกิดมาอย่าเชือนเอย
24 มีนาคม 2552 02:55 น.
ทรายกะทะเล
ขออนุญาติ คัดเป็นร้อยแก้วพื่อประโยชน์สุขของคนทั่วไป
พรหมวิหาร4:-
เมตตา-ช่วยเหลือผู้อื่นให้เป็นสุข
กรุณา-ช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์
มุทิตา-ยินดีเมื่อผู้อื่นมีสุข
อุเบกขา-การวางเฉยเมื่อผู้อื่นมีทุกข์ ไม่ซ้ำเติม
สังคหวัตถุ4
ทาน-คือรู้จักการให้ทานนอกจากจะเป็นการฝึก/พัฒนาตนเองไม่ให้เป็นคนเห็นแก่ตัวแล้วยังเป็นการชวยทำให้คนอื่นมีสุขและคลาทุกข์ได้อีกด้วย มีข้อสังเกตให้คิดว่า การให้คือการได้ หรือ ขาดทุนคือกำไร ถ้ามีโยนิโสมนสิการ คือคิดเป็นคิดถูกวิธี เราก็จะมีความสุขจากการให้เสมอ อนึ่งสังคมส่วนรวมจะอยู่ได้ก็ด้วยการที่คนในสังคมมีจิตใจช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันและกัน เช่นคนมีมากก็แบ่งให้คนมีน้อยคนเก่งมากก็รู้จักสอนรู้จักฝึกให้คนเก่งน้อย มิใช่ใช้ความเก่งของตนเพื่อเล่ห์เหลี่ยม ตักตวง เอารัดเอาเปรียบคนอื่นหรือดูถูกดูแคลนคนอื่นที่ด้อยกว่า
ปิยะวาจา-รู้จักการพูดดีมีประโยชน์หมายถึง การรู้จักใช้วาจาคำพูดที่ไพเราะเสนาะหู จะพูดจะจากับใคร เมื่อใดและที่ไหนก็เป็นคำพูดที่จริงใจตรงไปตรงมามีความสุภาพอ่อนโยน ทำให้เกิดมิตรไมตรี ผู้ได้รับฟังก็มีความรู้สึกประทับใจ พึงพอใจคล้อยตามและสามารถนำไปคิดพิจารณาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไปได้
อัตถจริยา-รู้จักทำตนให้เป็นคนมีคุณประโยชน์ต่อคนอื่นต่อชุมชนสังคมประเทศชาติ คนที่มีจิตสำนึกในการทำตนให้เป็นประโยชน์ เจาจะรู้จักวางแผนจัดแบ่งเวลาของตนที่จะร่วมมือร่วมใจและเต็มใจในการช่วยเหลือคนอื่น และเขายังจะชักชวนส่งเสริมให้คนอื่นเกิดการเรียนรู้ที่จะเสียสละช่วยเหลือสังคมส่วนรวม ตามแนวทางที่ถูกต้องชอบธรรมของจริยธรรมและคุณธรรมอีกด้วย
สมานัตตา-รู้จักวางตนให้เหมาะสม มีความเสมอต้นเสมอปลายและร่วมทุกข์ร่วมสุขคือการวางตนได้อย่างเหมาะสม กลมกลืนเป็นอย่างดีทั้งในหมู่ชนกาละเวลา สถานที่ วัฒนธรรมและ
หิริ คือความละอายต่อความชั่ว
โอตัปปะ คือความเกรงกลัวบาป
พุทธโอวาท
ในวันเพ็ญเดือนมาฆะ เอหิภิกขุ อุปสัมปทา 1,250 รูป มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายพระพุทธเจ้าได้ทรงให้โอวาทปาฏิโมกข์ มีใจความสำคัญ 3 ข้อคือการ ไม่ทำความชั่ว ให้ทำแต่ความดี และการทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส
1.การไมทำชั่ว
ทางกาย-ไม่ทำร้ายหรือเบียดเบียนผู้อื่น ไม่ทรมานกักขังสัตวไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดในกาม ไมทำลายวัตถุสิ่งของอันเป็นที่รักของผู้อื่น
ทางวาจา-ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ และไม่พูดโกหก
ทางใจ-ไม่คิดอยากได้ของคนอื่น ไม่คิดพยาบาทปองร้าย คือคิดแก้แค้น ไม่เห็นผิดเป็นชอบ ไม่หลงงมงายกับความคิดที่ผิด 2.ให้ทำความดี
ทางกาย-ให้มีความเมตตากรุณาช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ถือเอาสิ่งของอื่นมาเป็นของตนมความสำรวมกาย
ทางวาจา-ให้พูแต่ความจริง พูดแต่คำที่ช่วยส่งเสริมความสามัคคี พูดแต่ตำที่อ่อนหวาน ไม่พูดคำหยาบ และพูดแต่คำที่มีสารประโยชน์
ทางใจ-พอใจแต่ของที่ได้มาโดยชอบธรรม แผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งปวงทั้งหลาย มีความสุข มีความเห็นชอบตามทำนองคลองธรรม3.การทำจิตใจให้แจ่มใส คือการทำจิตใจให้หมดจากเรื่องเศร้าหมองหมายถึงการทำใจให้ปราศจากสิ่งต่อไปนี้
ความไม่โลภ คือหมั่นฝึกอบราจิตใจตนเองให้สามารถระงับความอยากได้ คนที่ไม่อยากได้ของของผู้อื่น ย่อมจะไม่กระทำความชั่วทั้งปวง
ความไม่โกรธ ไม่ประทาร้ายคือพยายามฝึกจิตใจของตนให้เป็นคนที่มีเมตตา ปรารถนาที่จะเห็นผู้อื่นทีความสุขเบียดเบียนกัน ผู้ปราศจากโกรธ ย่อมไม่ทำร้ายผู้อื่น มีด่าคำหยาบ และไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน
ความไม่หลง รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้บาป บุญคุณโทษ ผู้ปราศจากความหลงย่อมมีชีวิตอยู่อย่างผาสุก มีความเจริญก้าวหน้าไม่มัวเมาอยู่กับอบายมุข
ธรรม5
-เมตตากรุณา
-สัมมาอาชีวะ
-รักครอบครัว
-ซื่อสัตย์
-มีสติสัมปชัญญะ
ฆราวาส4
-สัจจะ-
-ธรรมมะ
-ขันติ
-จาคะ
20 มีนาคม 2552 17:36 น.
ทรายกะทะเล
การได้มาซึ่งเป็นเอกฉันท์
การนั้นต้องมาจากประชากร
การเลือกตั้ง ในการเป็นองค์กร
ได้แต่อาวรณ์ ขออย่าให้เราเป็นหนี้ก็พอใจ
ไปเป็นอะไร ที่มาจาก ความอยากนั้น
ขอเป็ฯกลางทางสายกลางไม่สงสัย
ขอให้ยุบยุติมาจากคนเมืองไทย
ขอเลือกใหม่อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน........
18 มีนาคม 2552 01:48 น.
ทรายกะทะเล
ตั้งแต่แรกที่คบเป็นเพื่อนมาก่อนแต่ง
เธอสำแดงตัวตนมาเกาะฉัน
แต่แล้วเธอนั้นก็ด่าคนอื่นที่ดีกับฉันนั้น
ว่ามาเกาะฉันพลันไม่เป็นจริง
แมงดาปีกทองของเธอนึกว่าปีกแข็งแล้ว
คงไม่แคล้วเวรกรรมผีตามสิง
นึกว่าตัวเองรวยนักก้ไม่จริง
แล้วมาหยิ่งนึกวาแน่แพ้ภัยตัว
ฉันมันโง่ที่สงสารเอาเธอมาเป็นพ่อของลูก
นึกว่าถูกแล้ว ชายปีกทองของเธอที่เป็นผัว
สงสารลูกตาดำดำมีพ่อเป็นเช่นอย่างเธอเมามัว
ว่าคนอื่นวาชั่วแล้วตัวเป็นอย่างไร
น้ำตานองตกในมากขอลาจาก
วันใดพรากอย่าตามมาให้ฉันต้องผลักใส
ขอฉันไปตามทางที่ฉันเป็นสุขชของฉันไซร้
แล้วอย่าไปโทรหาพ่อของฉันให้ท่านโทรม
ลิ้นของเธอนั้นฆ่าคน มามากแล้ว
เพื่อนของฉันตายเพราะเธอมาฮึกโหม
วิญญาณเขาคงไม่ให้อภัยเธอแน่มาจู่โจม
ฉันทำบุญกรวดน้ำส่งให้เธออย่ามาพาล
เราต่างคนต่างอยู่กันดีกว่า
ไม่มีท่าว่าจะไปที่ไหนใหญ่ไพศาล
คนอย่างเธอดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่นน่ารำคาญ
อันธพาลเค้าว่า...เงิน เธอเอาของฉันไปทำไม
ชีวิตที่เหลืออยู่อีกครึ่งพึ่งไม่ได้
แล้วมาให้ฉันต้องช้ำคนเดียวขังไปใหญ่
สงสารพ่อแม่ของฉันบ้างพรางท่านว่าฉันสุขใจ
ที่แท้นั้น คนอย่างเธอมาแต่ตัว
วัวลืมตีนอย่างเธอคงไม่รุ่ง
ขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันเกิดใหม่ของฉัน
ปล่อยฉันไปตามทางไม่รับผิดชอบครอบครัวกัน
แล้วให้ฉันลำบากอยู่ได้ ไม่ปล่อยไป....
คนอย่างฉันหากใครไม่มาทำร้ายฉันก่อน
ขอบ้านกลอนช่วยโปรดให้แนะนำให้อาศัย
ไม่เลี้ยงดูครอบครัวมัวแต่เที่ยววันวันไป
ความสุขไม่เกิด แล้ว กำเนิดลูกมาทำไม?????????????????
วัวลืมตีน......