8 ตุลาคม 2551 05:45 น.
ถ. ดอกฝิ่น ม่อนเงาะ
สรรพสิ่งวิ่งตามกระแสโลก
วิปโยคจิตใจไร้แก่นสาร
เกิดโลภหลงตามกิเลสคิดไม่ทัน
ใจต้องการสิ่งใดมิใคร่ครวญ
หลงศรัทธาศาสนาไม่กล้าคิด
คนสอนผิดครรลองศาสนา
สาวกชั่วตัวการหลอกศรัทธา
ปรารถนาจะยิ่งใหญ่ไร้คุณธรรม
เกิดเป็นคนค้นหาตนให้พบก่อน
มิได้สอนแต่เตือนใจให้ได้คิด
ศาสนาสอนคนไม่ทำผิด
แต่พวกศิษย์สาวกมารนั้นมันเลว
ใช้เหลี่ยมเล่ห์เพธุบายในคำสอน
รู้จุดอ่อนของคนอยากพ้นทุกข์
ต้องการเดินทางลัดพบความสุข
ลืมสิ่งถูกทุกคนไม่พ้นกรรม
มีศรัทธาไร้ปัญญาพาลุ่มหลง
เพียงประสงค์มักง่ายไม่เฉลียว
เดินตามทางเขาลวงติดบ่วงเกลียว
คิดอย่างเดียวหวังพึ่งบุญบารมี
มีความรู้บ่สู้มีปัญญา
รู้วิชาเชี่ยงชาญแขนงไหน
จะร่ำรวยสูงส่งมากเพียงใด
หากจิตใจไร้ซึ่งสติกัน
เกิด แก่ เจ็บ ตาย กาย สังขาร
ความต้องการดุจเช่นสัตว์เดรัจฉาน
กิน ขี้ บี้ นอน สุขเท่านั้น
ความต้องการเหล่านี้มีในคน
เลวกว่าสัตว์มากมีที่กิเลส
น่าสมเพทยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน
เรียนทุกอย่างรู้ทุกอย่างเท่าเทียมกัน
แต่สันดาลนั้นแก้ไขไม่ได้เลย
โลภโกรธหลงอำนาจทำร้ายชาติศาสนา
หลงศรัทธาบ้าบิ่นยินขลาดเขลา
หลงแบ่งชนชั้นวรรณะตัวเขาเรา
คนเสียเปล่าไม่เข้าถึงสัจจะธรรม
ฆ่าตัวตาย ฆ่าสายเลือด ฆ่าผู้มีพระคุณ
มั่วหมกมุ่นในกามไร้ศักดิ์ศรี
ไม่เลือกเพศไม่เลือวัยคนหรือนี่
แล้วคนมีอะไร ที่ไม่ทำ
ทั้งทำลายธรรมชาติที่เกื้อกูล
ความสมดุลธรรมชาติต้องขาดหาย
พวกคนเลวเก็บเกี่ยวทั้งทำลาย
ที่พวกเรานั้นได้อะไรกัน.......
4 ตุลาคม 2551 05:55 น.
ถ. ดอกฝิ่น ม่อนเงาะ
คิดอะไรใต้จิตสำนึก
ไม่ยั่งลึกฤาจะเห็นสิ่งซ่อนได้ไฉน
มองภายนอกแลจะลึกถึงภายใน
หลบลี้ลับไร้รอยหลบเร้นลวงเรา
ใจเอยเคยยั่งตามได้ไฉนนั่น
ยอกย้อนเย้ยหยันเยือกเย็นแท้
อยามอยู่อย่างสงบสุขฤาแล
เพิ่งรู้ทาสแท้แม้ปิดได้ใจคง
เคยสงสารอดสูรู้ยั่งหาถึง
ตกจิตคิดยังทึ่งใจหนา
บทบาทละครย้อนยุคครา
แสดงหาตัวจับได้ไร้เงื่อนงำ
จดจำจับจิดสนิทแน่ครานี้ใจเรา
เคยคิดติดตามเจ้าแม้เงาบ่เห็น
ใจเอยใจหยุดพอเพียงนี้ไม่จำเป็น
คิดอะไรซ่อนเร้นเล่นเอาเราร้าราน