6 กุมภาพันธ์ 2546 21:14 น.
ถนนสายเก่า รองเท้าคู่เดิม
อย่ากลัวอย่าหวั่น
เพราะฉันจะไม่มีทางทิ้งความผูกพันจากไปไหน
คล้ายเส้นด้ายบางๆแห่งสายใย
ที่มัดโยงสองหัวใจไว้ใกล้กัน
จะร้อยวันพันคืนตื่นหรือหลับ
ไฟแห่งรักไม่เคยดับจากใจฉัน
ยังคงลุกโชติช่วงอยู่ทุกวัน
เพราะรักเธอเป็นเปลวควันเป็นเชื้อไฟ
เส้นด้ายแห่งพรหมลิขิต
ผูกฉันไว้แล้วทั้งชีวิตจึงไม่คิดไปไหน
ตะวันจะนำรุ่งอรุณที่แดดงามมาทักทาย
ไม่เคยเปลี่ยนสีความมั่นคงที่ฉันมีต่อเธอได้ สักนาที
6 กุมภาพันธ์ 2546 21:02 น.
ถนนสายเก่า รองเท้าคู่เดิม
ให้ฉันได้รักเธออยู่อย่างนี้
ไม่สำคัญถ้าในใจที่เธอมีจะเป็นใครที่ไหน
ให้ฉันได้อบอุ่นเพราะรักมาเจือจุนหัวใจ
เธอจะรักและเห็นคุณค่าตรงนั้นหรือไม่ไม่สำคัญ
ขอแค่เธออย่าตัดรอน
ด้วยการหวงห้ามความอาทรแล้วปลูกความร้าวรอนลงในฝัน
อย่าขอให้ฉันอยากไปแม้เธอไม่อาจให้ความสำคัญ
ขอเถอะนะให้รักเธอไปแบบนั้น
เพราะนั่นคือสิ่งเดียวในชีวิตฉันวันนี้
6 กุมภาพันธ์ 2546 20:52 น.
ถนนสายเก่า รองเท้าคู่เดิม
ในคืนค่ำที่น้ำค้างครางเพลงดึก
ฉันใจหายในความรู้สึกที่เธอทิ้งขว้างไว้
เหมือนสุนัขหลงทางเมื่อเจ้าของไม่ต้องการมันก็ไร้ที่ไป
ได้แต่รอนแรมหาที่อาศัย--กับชีวิตเปื้อนฝุ่นไปแค่วันๆ
แล้วพรุ่งนี้จะมีฟ้าไหนให้หนุนนอน
ยังไม่คุ้นเลยกับชีวิตแรมรอนที่เธอเลือกให้ฉัน
กลางคืนหนาวกว่าเก่า--ดาวบนฟ้ายังแอบรำพัน
ทางที่เดินไม่รู้สึกเลยว่าสั้น----
เพราะความเดียวดายคอยกระซิบข้างหูทุกวันยังอีกไกล
5 กุมภาพันธ์ 2546 15:25 น.
ถนนสายเก่า รองเท้าคู่เดิม
ฟังสิคนดี..ฟังเสียงลมไหว
ได้ยินรึเปล่าเสียงใบไม้ไกว..ร่วงลงสู่ผืนหญ้า
แมลงปอกางปีกบินกลางแสงแดดบนนภา
ได้ยินคำรักหรือเปล่าที่ฉันกระซิบมาผ่านลมรำเพย
มองสิคนดี มองที่ผืนฟ้า
โปรดอย่ารินน้ำตากับความเหว่ว้า..เงียบเฉย
วันที่เธอเหงา--ฉันยังรอซับน้ำตาอย่างวันเก่าที่คุ้นเคย
เพียงเธอเอื้อนเอ่ย--
จะติดปีกบินไปในสายลมรำเพยเพื่ออยู่ข้างเธอ
4 กุมภาพันธ์ 2546 14:10 น.
ถนนสายเก่า รองเท้าคู่เดิม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ดอกไม้และใบ้ไม้ยังไม่ได้รวมอยู่บนต้นเดียวกันอย่างเช่นทุกวันนี้
มันต่างก็แยกกันอยู่ อีกทั้งเหล่าใบไม้ก็ไม่ได้มีแต่สีเขียว
หากแต่มีหลากหลายสีสันงดงามนัก แต่ดอกไม้กลับมีเพียงสีขาวเท่านั้น
ใบไม้รวมอยู่กับหมู่ใบไม้ด้วยกัน มีแต่ความร่าเริง มีนิสัยรักสนุก
ต่างจากดอกไม้ที่อยู่อย่างเงียบเหงาเดียวดาย
แม้จะอยู่รวมกันคุยกันกับหมู่ดอกไม้ด้วยกัน
แต่ดอกไม้แต่ละดอกต่าง มีความคิด และวาดฝันเป็นของตัวเอง
เธอเฝ้ารอบางสิ่งบางอย่างที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
บ่อยครั้งที่เธอมองไปที่ใบไม้แล้วนึกอยากเป็นส่วนหนึ่งของสีสันสวยงามนั้นบ้าง
แต่ดอกไม้ ดอกเล็กและเสียงเบาเกินกว่าที่จะเรียกใบไม้ให้หันมา
กระทั่งวันหนึ่ง ...
ใบไม้เกิดรู้สึกเบื่อสีสันของตัวเองขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นดอกไม้น้อยสีขาวบริสุทธิ์ดอกหนึ่งเข้า
ใบไม้ไม่รู้จักสีขาวมาก่อน เขาไม่รู้ว่าสีขาวเป็นอย่างไร
เพราะใบไม้ต่างก็มีสีสันกันทุกใบ
ใบไม้เกิดหลงใหลในความอ่อนหวานละมุนละไมของดอกไม้น้อยในทันที
แต่ในความอ่อนหวานนั้นดูเหมือนจะมีความเหงาแฝงอยู่ด้วย
ใบไม้จึงเข้าไปถามดอกไม้ว่า
ดอกไม้ เธอช่างมีสีขาวสวยเหลือเกิน
แต่ทำไมเธอจึงดูเงียบเหงาอย่างนี้เล่า
ดอกไม้น้อยแหงนมองใบไม้กิ่งใหญ่แข็งแรงก่อนจะตอบกลับไปว่า
สีขาวซีดอย่างนี้หรือสวย ฉันอยากจะมีสีสันอย่างเธอบ้างจัง
มันคงจะทำให้ฉันมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ใบไม้ได้ฟังแค่นั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นหน้าที่ของเขา
ที่จะต้องช่วยเหลือดูแล และปกป้องดอกไม้น้อยดอกนี้
เขาจึงบอกเธอไปว่า มาซิดอกไม้ ฉันช่วยเธอได้นะ
ถ้าเพียงเธอมาอยู่กับฉัน ฉันจะทำให้เธอมี ชีวิตชีวาขึ้นเอง
ดอกไม้น้อยไม่รอช้ารีบตอบตกลงในทันที
เมื่อดอกไม้ไปอยู่กับใบไม้แล้ว ใบไม้ก็ให้การดูแลเธออย่างดี
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำเพื่อเธอ
ถ่ายทอดออกมาเป็นสีสันสวยงามให้กับดอกไม้
แล้ววันหนึ่งเมื่อดอกไม้น้อยมองลงไปในลำธาร
เธอก็เห็นเงาตัวเองเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีสวยที่มีชีวิตชีวา
แต่เมื่อหันไปมองที่ใบไม้ เขากลับกลาย เป็นสีเขียวที่ดูอบอุ่นนัก
ดอกไม้น้อยถามใบไม้ว่า ใบไม้ นี่ฉันแย่งสีสันในชีวิตเธอมารึเปล่านะ
ใบไม้ยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า ไม่หรอก ทุกวันนี้เธอคือสีสันในชีวิตฉัน
ฉันไม่ต้องการสีสันอะไรอีกแล้ว
ฉันมีเพียงความสบายใจที่ได้เห็นเธอมีความสุข
จากนั้นมา ดอกไม้กับใบไม้ก็อยู่ร่วมกันเป็นต้นไม้ที่อบอุ่น
บนรากของความรัก ที่หยั่งลึกลงไปในผืนดินของหัวใจ
ด้วยเหตุนี้ ใบไม้จึงมีสีเขียว
สีเขียวที่มองแล้วให้ความรู้สึกสบายตา เพราะเมื่อเรามองดูสีเขียวเมื่อไร
เราจะรับรู้ได้ถึงความสบายใจของใบไม้ที่เห็นดอกไม้น้อยของเขามีความสุข
ส่วนดอกไม้ ขาวที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ อ่อนหวาน ละมุนละไมนั้น
ดอกไม้คงไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้หายไป
จึงยังคงมีดอกไม้สีขาวให้เราเห็นมาจนทุกวันนี้ด้วยเช่นกัน ...