11 ธันวาคม 2547 17:38 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. เขียนกวี เพื่อเสาะหา ค่าความหมาย
ในอักษร เรียงราย ณ เบื้องหน้า
สร้างผลงาน เพื่ออยากเห็น ความเป็นมา
ที่เขาว่า รักกวี อยู่ที่ใด...
**.. ถามหารุ้ง คุ้งดาว ณ ราวฝัน
เก็บกลั่น ถ้อยกวี ที่สดใส
แสวงหา สัจธรรม ความเป็นไป
ถามหา หัวใจ ในกวี...
**.. และถามหา ที่สุด แห่งจุดหมาย
คนมากมาย ไขว่คว้า มาที่นี่
เธอตามหา สิ่งใดเล่า เจ้าคนดี
หวังจักมี ชื่อเสียง เพียงนั้นฤา...
**.. เขียนกวี ถามไถ่ ในตัวตน
หวังยล ชื่อเสียง เพียงนั้นหรือ
ผลงาน ฝากไว้ ให้ระบือ
เพียงนี้ เองหรือ คือหัวใจ...
**.. เขียนกวี เพื่อสิ่งใด อยากใคร่ถาม
สุดปลายฟ้า สีคราม อยู่หนไหน
และปลายฟ้า ฟากฝัน วันแสนไกล
เธอก้าวไป ด้วยศรัทธา หรือว่า เงิน...**
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร
29 พฤศจิกายน 2547 16:13 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. แสงดาว.
เธอแวววาว ระยิบระยับ ประดับหล้า
แต่ดวงใจ ทั้งห้วง และดวงตา
เธอเหว่ว้า หวั่นไหว ในคืนวัน
**.. หมอก ล้า
รอยน้ำตา รินไหล ใครท้อฝัน
เห็นโลกกว้าง ร้างไร้ ใครเงียบงัน
ใยรวดร้าว รำพัน อยู่ทำไม
**.. สายลม ห่มฟ้า
แสงจันทร์ เลือนฝ้า ณ ฟ้าไหน
จะถามบอก หยอกเหย้า กระเซ้าใจ
ว่าเช่นไร เธอเศร้า เธอเหงาทรวง
**.. จันทร์ ดาว หมอก ลม ที่ห่มหล้า
จึงเอื้อนเอ่ย วาจา ใจหนักหน่วง
เหงาเหงา ในโลกหวัง อยู่ทั้งปวง
สู่ห้วงอ่อนล้าณ ราตรี
**.. โดยเดียวดาย หาคำ เพียงฉ่ำหวาน
เพียงหนึ่งเสียง เพื่อเป็นทาน อันล้นปรี่
เพียงหยาดคำ ร่ำร่าย จากใจกวี
รอเพียงเสียง ใครคนนี้ . สุดที่รัก
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร
31 ตุลาคม 2547 20:14 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. วันนี้.
เธอเดินตาม สิ่งที่ ฝันหรือไม่
สะพานโค้ง คุ้งดาว อันยาวไกล
รอเพียงใคร ถึงยัง ณ ฝั่งนั้น
**.. ถามหาวันวาน..
อุดมการณ์ เหือดหาย แห่งใดนั่น
จะทนดู คนหนาว ร้าวรำพัน
ต่อไปได้ อย่างไรกัน นะคนดี
**.. มองดูโลก กว้างใหญ่ ใบนี้เพื่อน
ใครร้างเลือน เบือนบ่าย ใครหน่ายหนี
โลกทั้งใบ สุขทุกข์ปน ล้นทวี
เธอย่อมมี สิทธิ์สร้างสรรค์ ทุกวันไป
**.. โลกเหน็บหนาว ร้อนรน ใครทนทุกข์
ความสุข และความดี อยู่ที่ไหน
ความหวัง ความหวาน เป็นอย่างไร
เดือดร้อน เห็นใจ เล่าใครกัน
**.. ถามหาฝัน แห่งวันวาน
รุ้งสะพาน เลือนหาย ในสายฝัน
โลกแสนงาม สดใส ในคืนนั้น
ก็ตายพลัน ทับถม อุดมการณ์
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร
24 กันยายน 2547 21:19 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. แม้มิใช่ ดวงเดือน ลอยเลื่อนฟ้า
หวังเพียงหนึ่ง ดารา พาเฉิดฉันท์
มิอาจเป็น ห้วงนภา อันลาวัณย์
เป็นเมฆน้อย คล้อยฝัน นิรันดร์ไป
**.. มิใช่ดวง ตาวัน อันเจิดจ้า
ซึ่งทอดทอ จากฟ้า อันกว้างใหญ่
เป็นหนึ่งดวง หนึ่งแสง หนึ่งแรงไฟ
เพียงเทียนไข สว่างเห็น ก็เป็นพอ
**.. มิอาจเอื้อม คว้าดาว เด่นพราวแสง
เพราะอ่อนแรง คว้าไขว่ อย่างใดหนอ
สิ่งที่ซ่อน ความเรียบง่าย ไม่รั้งรอ
อยู่ในกอ หญ้างาม คือความจริง
**.. มิใช่ทุก ความร่ำรวย หรือสวยสรรค์
มิใช่พัน ร้อยหมื่น ดาษดื่นสิ่ง
มิใช่บ้าน หลังใหญ่ ให้พักพิง
เป็นเพียง.. ฉัน .. ให้แอบอิง พิงพักกาย
**.. ฉันนั้นคือ ความงาม ในความเรียบ
เป็นความเงียบ แต่งาม ในความหมาย
เป็นความเสีย- สละให้ ด้วยใจสบาย
เป็นความหมาย เป็นความหวัง เป็นทั้งมวล
**.. แม้มิใช่ ดวงเดือน ลอยเลื่อนฟ้า
หวังเพียงหนึ่ง ดารา อย่าเหหวน
อยู่อย่างเห็น เป็นอย่างง่าย จงใคร่ครวญ
แม้ค่าล้วน จากฟากฟ้า สู่ .. สามัญ ..
ปล. จากสูงสุดคืนสู่สามัญ บางครั้งก็อย่าไปใฝ่ฝันอะไรที่เกินความจริง
ฝันและทำดีที่สุด... ทุกๆคน
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร
11 กันยายน 2547 17:19 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. ในท่ามเสียง ร้องดัง ทั้งสี่ห้อง
เสียงใครพ้อง เพ้อไป ใจห่วงหา
ไม่พบพักตร์ นานแล้ว หนอแก้วตา
เพียงวันลา ร้างโรย โหยรำพัน ......
**.. ประโยคย้ำ เตือนตรึง คำนึงว่า
ถ้ามิหมด วาสนา นำพานั่น
จะกลับหวน ทวนหา พบหน้ากัน
อยู่อย่างฉัน รักใคร่ ใจยินดี ......
**.. เมื่อวันหวัง หวานในจิน- ตนาการ
เพื่อพบพาน พบพ้อง พักตร์น้องพี่
ยังแรมรอน นอนร้าง ห่างนานปี
ยังห่างหัน จวบวันนี้ กี่ปีแล้ว ......
**.. จึงส่งสาร เสียงใจ ในสี่ห้อง
ให้กึกก้อง ให้รู้ว่า ข้าแน่แน่ว
หากใยดี ไม่มีซึ้ง จึงสิ้นแนว
อย่าให้ใจ ไร้แวว เลยแก้วตา ......
**.. เพียงเพื่อฝัน เป็นจริง สิ่งที่หวัง
เพียงเพื่อฝัน เป็นดัง ที่หวังว่า
เมื่อมิหมด ผลบุญ จักหนุนพา
วาสนา พาสองใจ ให้พบกัน ......
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร