29 เมษายน 2546 21:03 น.
ตู่นุดี
:+:: บทไหว้ครู ::+:
สักวาไหว้คุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ในทุกทุกที่
ไหว้ทุกคนที่ยึดมั่นคุณความดี บารมีปกป้องครองกายา
ให้เล่นเรื่องนางสิบสองสำเร็จล่วง ไม่มีห่วงกังวลดีหนักหนา
ให้ผู้ฟังเป็นสุขทุกเวลา มีคุณค่าต่อสังคมคนชมเอย
:+:: นางเภา ::+:
สักวานางเภาผู้เป็นน้อง คนสุดท้องของนางทั้งสิบสอง
สวยจิ้มลิ้มพริ้มเพราชายหมายปอง แต่หม่นหมองนางยักษ์ควักลูกตา
อยู่ในถ้ำคลอดลูกแสนลำบาก ต้องอดอยากทนทุกข์โหยหิวหา
รถเสนแสนดีมีเมตตา หาข้าวปลาให้แม่และป้าเอย
:+:: นางยักษ์ ::+:
สักวายักษิณีนี้คือข้า ลูกเลี้ยงมาทรยศอดไม่ไหว
อยากฆ่ามันทั้งสิบสองให้บรรลัย แต่ทำได้แค่ควักตาแย่งสามี
ยังเหลือลูกของมันคือรถเสน จะประเคนความตายให้เป็นผี
ที่ไหนได้กลับไปรักกับเมรี ทำบุตรีข้าตายเศร้าใจเอย
:+:: พระรถเสน ::+:
สักวารถเสนมีไก่ป่า ได้มาจากพระอินทร์ปิ่นสวรรค์
ท้าชนไก่ได้ข้าวน้ำเป็นรางวัล มาแบ่งปันให้มารดาและป้ากิน
โตเป็นหนุ่มรูปงามนามไพเราะ เข้าในเมืองคราวเคราะห์ยังไม่สิ้น
นางยักษ์ส่งไปให้เมรีกิน ได้พระฤๅษีทรงศีลแปลงสารเอย
:+:: พระฤๅษี ::+:
สักวากล่าวถึงพระฤๅษี มีอิทธิฤทธีเป็นหนักหนา
ถือศีลอาศัยในพนา มีเมตตาประจำจิตคิดช่วยคน
จึงแกล้งแปลงเปลี่ยนสารรถเสน ถึงเช้าเพลเมื่อใดไม่สับสน
ให้เมรีมาเป็นภรรยาตน ให้สองคนสุขสันต์นิรันดร์เอย
:+:: นางเมรี ::+:
สักวาเมรีผู้อาภัพ ได้พบกับรักแท้ที่ยิ่งใหญ่
แต่ต้องพลันพลัดพรากจากกันไป น้ำตาไหลรินหลั่งดั่งธารา
ก่อนขาดใจในรักที่ร้าวราน อธิษฐานลาทีแค่นี้หนา
ชาตินี้น้องมีกรรมตามพี่มา ในชาติหน้าขอพี่ตามน้องบ้างเอย
28 เมษายน 2546 19:39 น.
ตู่นุดี
ยามอาทิตย์อัสดง เฝ้ามองไปตรง
ยอดพระเจดีย์เสียดฟ้า
แห่งกรุงศรีอยุธยา ผ่านรอยน้ำตา
แห่งความอาดูรโศกศัลย์
ฟากฟ้าที่ข้าเห็นนั้น คงเป็นแผ่นเดียวกัน
กับยามที่กรุงชะตาขาด
เห็นนิมิตรวิปลาศ ดั่งสายฟ้าฟาด
ลงที่กลางหัวใจข้า
พระราชวังอลังการ์ สลายลงพริบตา
วัดหลวงราษฎร์ถูกทำลาย
เปรียบประดุจดังฝันร้าย ชาวบ้านล้มตาย
กรุงศรีรามเทพสิ้นลง
แต่ตอนนี้ที่มองตรง สิ่งที่เหลือคง
คือความงดงามไม่เสื่อมคลาย
25 เมษายน 2546 20:13 น.
ตู่นุดี
ไม่ต้องรีบต้องลุกเช่นทุกเช้า
เสื้อนักเรียนตัวเก่าแขวนข้างฝา
ได้ปิดเทอมก็ดีแล้วนี่นา
อุตส่าห์รอวันนี้มานานเป็นปี
แต่เหตุใดหัวใจฉันกลับเหงา
เสื้อนักเรียนตัวเก่าเปรอะเปื้อนสี
ลายมือใครเป็นใครจำได้ดี
เมื่อวานนี้ร้องไห้กันวันอำลา
กลายเป็นเช้าที่เปล่าเปลี่ยวกว่าทุกเช้า
เสื้อนักเรียนตัวเก่าเหงาหนักหนา
เคยหยอกล้อเล่นสนุกสุดเฮฮา
จึงได้รู้เมื่อวันลาว่าผูกพัน
จะเก็บไว้ตลอดไปนะรูปถ่าย
ที่เพื่อนเพื่อนแจกจ่ายให้กับฉัน
ที่ข้างหลังเขียนไว้ว่า...อย่าลืมกัน...
แม้ไม่เขียนอย่างนั้น...ไม่ลืมเธอ
จะให้ลืมเพื่อนลงได้อย่างไร
เพื่อนมีค่าในใจฉันเสมอ
ไม่จำเป็นที่เราต้องพบเจอ
เพราะจดจำว่า..รักเธอ..เสมอเอย
25 เมษายน 2546 18:39 น.
ตู่นุดี
เหลืองเอ๋ยใบยอ หอมช่อกระดังงา
ปีนี้ใครเอ็นท์ฯ ใจเย็นเย็นเถอะหนา
จะได้รู้กัน อีก 10 วันข้างหน้า
ม.ธรรมศาสตร์ หรือไม่พลาด จุฬาฯ
แล้ว ม.เกษตรฯ หมอมีเกรด รามาฯ
เอาน่า..สู้ทน อดรนฟันฝ่า
เอ๊ะ..นั่นอะไร ? แสงไฟลอยมา
ว้าย! เปลวเทียนนี่หว่า เศร้าเอย
4 เมษายน 2546 16:10 น.
ตู่นุดี
ชีวิตของนักเรียนชั้น ม.ปลาย
เมื่อต้องกลายจากเด็กเป็นผู้ใหญ่
ต้องเติบโตเป็นนิสิตมหาวิทยาลัย
ก้าวเดินไปตามเส้นทางที่ผูกพัน
อนาคตต่อไปในภายหน้า
ใครจะมาลิขิตชีวิตฉัน
คงไม่มีแน่แท้ใครคนนั้น
ต้องสร้างสรรค์ลิขิตชีวิตเอง
ชีวิตใหม่ใช่มีแต่ความสุข
อาจมีทุกข์อุปสรรคมาข่มเหง
เปรียบดังท่วงทำนองของบทเพลง
ที่บรรเลงสุขเศร้าเคล้ากันไป
ก้าวเดินตามเส้นทางที่มุ่งหวัง
ด้วยพลังแห่งฝันอันยิ่งใหญ่
แม้หนทางข้างหน้าอีกยาวไกล
แต่หัวใจหมายปองต้องลองดู
เฝ้ารอคอยวันถือช่อดอกไม้
พร้อมสวมใส่เสื้อครุยที่สวยหรู
แทนพระคุณพ่อแม่และคุณครู
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความฝันเรา