15 ธันวาคม 2550 15:03 น.

รก งดงามในความรู้สึก

ตึ๋งหนืด

ผมกลับมาบ้านหลังจากที่มีศึกษาที่ชลบุรี ที่มหาวิทยาลัยผมได้ใช้ชีวิตของตัวเอง หาค่าเทอมเอง เรียนเอง หาเพื่อนเอง

บ้านของผมนั้นยังเหมือนเดิม มันยังคงรก ระเกะระกะด้วยของที่วางอยู่อย่างกระจัดกระจาย ทุกมุมมองไม่มีมุมไหนที่มองไปแล้วโล่งตา หรือจรรโลงใจมากนัก

ผมพบคุณพ่อในร่างผอม น้ำหนัก 38 กิโลของท่าน แสดงให้เห็นว่าท่านผ่านการรอคอยการกลับมาของผมมาเป็นเวลานาน ... นาน และทรมาน

ท่านสูบบุหรี่ที่มุมเดิมๆ นั่นคือเตียงนอนที่ยุบลงไปด้วยการนั่งครั้งไม่ถ้วนของท่าน ผ้าห่มขึ้นรา ยังวางอยู่ที่เดิม เหมือนครั้งที่ผมจากบ้านนี้ไปเมื่อเดือนที่แล้ว

ผมโมโหมากที่ท่านสูบบุหรี่ ผมแพ้บุหรี่มากกว่าที่จะห่วงท่าน พลางต่อว่าท่านยกใหญ่ "ไปสูบข้างนอก" ผมบอกท่านอย่างไม่ไยดี

ท่านต้องพยุงร่างของท่าน ซึ่งแต่ก่อนเคยเลี้ยงดูผมมา ออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกที่หนาวเหน็บ เสื้อเก่าขาดๆของท่านถูกใส่ตรงที่เดิม ท่านนั่งสูบตรงนั้นที่เดิม ไม่ปริปาก

ผมหิวมากเท่าที่จำได้ ผมพยายามหาสิ่งที่พอจะกินได้ โดยไม่เหลียวไปมองกองขนมที่ครั้งหนึ่งผมเคยซื้อมากิน พลางเปิดประตูออกไปข้างนอกถามพ่อว่า มีอะไรกินบ้าง เพราะนี่เป็นเวลาดึกมากแล้ว ผมคงหิวมากทีเดียวถ้าไม่ได้ทานมื้อนี้

แล้วโชคชะตาก็พลิกชีวิตของผมอีกครั้ง...

ผมเหลียวไปมองกองขนมจำนวนมาก มากพอที่ผมจะอิ่มได้หลายวัน มันคือขนมที่ผมชอบ ผมถามตัวเองอย่างประหลาดใจ ท่านรู้ได้อย่างไร ผมไม่เคยบอกท่าเลย คงเป็นตอนที่ผมทานขนมเหล่านี้แล้วท่านก็ซักผมเสมอว่าชอบมั้ย ผมตอบไปด้วยความรำคาญว่าชอบ ตามเคย

บ้านของผมมันรกในความรู้สึก แต่ทุกมุมถูกซ่อนไว้ด้วยความรัก ความรักที่มีคุณค่าเหนือทุกสิ่ง ผมเฝ้าแต่บอกว่า ผมขาดความอบอุ่น ต้องการให้แม่กลับมา จนเมินความรกที่เดียวที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้น คือความรักจากทุกกองขนมของคุณพ่อ

ผมเหลียวหลังมองลอกหน้าต่างออกไป ท่านยังคงสูบบุหรี่อยู่ที่เดิม เมื่อวานท่านรอผม วันนี้ท่านรอผม พรุ่งนี้ล่ะ วันต่อจากวันพรุ่งนี้ล่ะ และวันต่อๆไปล่ะ โลกนี้มีคำว่าสาย ไว้เตือนความรู้สึกของผม ว่าที่ผ่านมาผมกำลังอกัญญูอย่างไม่มีเหตุผล

ผมออกไปกราบเท้าของท่าน และกำขนมไว้ในมือแน่น ผมยังไม่สายที่จะขอโทดท่าน .... 

บันทึกของวันที่ 9 /12 /07				
15 ธันวาคม 2550 14:34 น.

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า"บ้าน"

ตึ๋งหนืด

อารมณ์คิดถึงบ้านกลับมา ...
 
ทุกชาติทุกภาษาทุกแห่งที่มีมนุษย์ไป ต่างมีสิ่งที่เรียกว่าที่อยู่อาศัย
ถึงแม้ว่าจะมีภาษา มีนิยามกับที่ที่เราไว้พัก...พักอาศัย พักผ่อน
พักใจต่างๆกันก็ตาม
 
ผมเองเรียกสิ่งนี้ว่า "บ้าน"
 
มันแสดงถึงความมีตัวตนของผม การไม่ไดเป็นสูญญกาศ 
การไม่ได้อยู่โดยลำพังเปล่าๆและเปล่าเปลี่ยว 
หรือการปราศจากซึ่งอารมณ์ความรู้สึก
แต่... "ฉันอยู่ตรงนี้นะ" มีคุณค่าและมีความหมาย
 
มันแสดงถึงการมีชีวิตอยู่ ชีวิตที่ต้องเดินต่อไปและมีความหวัง
 
มันแสดงว่า it's gonna be allright. มันจะโอเค
มันจะดีขึ้น ตอนนี้.... เราเพียงห่มผ้า แล้วพักใจ
ของเราไว้ใต้ผ้าห่มแห่งความฝัน
 
 
บ้าน...
 
เป็นสิ่งที่เรามีตั้งแต่เกิด ประดุจของขวัญที่เราได้รับ
เป็นของขวัญกล่องแรกในชีวิต
 
มีบ้านให้นอนร้องไห้ มีบ้านใหเรายิ้ม หัวเราะ
มีบ้านที่เราถูกขัดเกลานิสัย มีบ้านที่เราจะเป็นตัวเรา
 
เราอาจกล่าวได้ว่า....
 
"จะหัวเราะจะร้องไห้ก็บ้านเรา....บ้านของเรา" 
 
เมื่อเวลาร้องไห้ หรืเศร้าใจครั้งใด จะมีเสียงหนึ่ง
เรียกผม "กลับบ้านเถอะลูก...มันจบแล้วคนดี"
 
ผมคิดถึงผัดหมี่ที่พ่อทำให้กิน ตอนผมยังเด็ก
ทว่า....ตอนนี้คงถึงคราวที่ผมจะทำให้ท่านทานบ้าง
 
ผมอยากกลับบ้าน บ้านของผม ที่ผมพักอาศัย
ที่พักใจ ที่พักความรู้สึก และปล่อยวาง
 
จดบันทึกของวันที่ 12/12/50
ขณะเรียนที่คณะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตึ๋งหนืด
Lovings  ตึ๋งหนืด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตึ๋งหนืด
Lovings  ตึ๋งหนืด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตึ๋งหนืด
Lovings  ตึ๋งหนืด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตึ๋งหนืด