18 กันยายน 2547 15:48 น.
ตะแหง่ว
ที่รู้จักกันมา
เคยพูดคุยให้คำปรึกษาไม่ว่าเรื่องไหน
เวลาสุข เศร้า เหงา หรือมีเรื่องราวไม่สบายใจ
ต่างฝ่ายต่างรับฟังได้...ให้กำลังใจแก่กัน
มาวันนี้เราห่างกันไปช่วงหนึ่ง..
ฉันก็ไม่เคยนึกถึง..ว่ามิตรภาพของเราจะเปลี่ยนผัน
เพิ่งมารู้..เมื่อเธอบอก...คิดว่าฉันจะหลอกกัน..
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น...หรืออย่างไร
ไม่รู้..ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ..
ทั้งๆที่เธอก็เป็นเพื่อนที่แสนดี..ที่ฉันจะมีได้..
ห่วงใยเธอจริงๆ...ไม่ได้แกล้งทำทุกสิ่งให้เธอเชื่อใจ
แต่ก็ไม่เป็นไร...เพราะฉันคงเป็นเด็กไม่เอาไหน..
...เป็นเพื่อนกับเธอคงไม่ได้..แต่ยังไงก็อยากเป็น..
16 กันยายน 2547 09:15 น.
ตะแหง่ว
เงียบหายไปเลยน๊า...
ไมไม่ติดต่อมาบ้างล่ะนี่
โทรศัพท์ก็ม่ายดัง...เมล์ก็ไม่เคยส่งมาซักที
ปล่อยให้ฉันรออยู่อย่างนี้ได้ยังไง..
เอ...รึว่าไม่ค่อยว่าง..
แต่น่าจะส่งข่าวมาบ้าง..ธุระยุ่งนักใช่ไหม..
รึว่าลืมไปแล้ว ว่าทางนี้ยังมีใคร
ที่คอยอยู่อย่างตั้งใจ...เป็นห่วงความเป็นไปของเธอ
อืมม์...ก็ไม่เป็นไรนะ
ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ..อย่าพลั้งเผลอ
ก่อนนอนห่มผ้าหนาๆ..แล้วหลับตาฝันดีนะเธอ
ถ้าอ่านกลอนนี้แล้วไม่โทรมานะเออ...
...ฉันก็ขอให้เธอโดนผีหลอกทั้งคืน..
10 กันยายน 2547 11:28 น.
ตะแหง่ว
เกิดเป็นคนธรรมดาค่าน้อยนิด
หนึ่งชีวิตหนึ่งจิตใจที่ไหวอ่อน
อยู่ในโลกหลอกเร้นเช่นละคร
แต่ละตอนน้ำเน่าเคล้าน้ำตา
มีหน้าที่ตอกย้ำจำใจเล่น
เดี๋ยวให้เป็นอย่างนั้นมากปัญหา
ความอึดอัดขัดเต็มห้องของอุรา
ใจอ่อนล้าพากายให้อ่อนแรง
แม้นต้องทำตามบทอดทนไว้
ยิ้มสู้ไปให้ใจได้เข้มแข็ง
แต่ข้างในเจ็บดังมีดมากรีดแทง
ฝืนทำแกร่งทั้งที่เจ็บหนาวเหน็บใจ
หน้าเวทีแม้ไม่มีที่พิงพัก
แต่หลังฉากตระหนักซึ้งถึงความหมาย
มีแม่พ่อก่อเกื้อเอื้ออุ่นกาย
ความอึดอึดกองไว้ณ..หน้าเวที