25 ตุลาคม 2553 20:33 น.
ตะเบงชเวตี้
เรื่อยรินไหล ไหลรินเรื่อย เรื่อยเรื่อยไหล
เชี่ยวเชี่ยวไหว ไหวเชี่ยวเชี่ยว เปรียวกระแส
คะนองเอ่อ เอ่อน้ำนอง สองฝั่งแคว
ท่วมท้นแผ่ แย่ทุกย่าน ม้านอุรา
จั้กจั้กจั้ก จั้กจั้กจั้ก จั้กจั้กจั้ก
ฝนตกหนัก ทะลักล้น จนผวา
น้ำขึ้นปรี่ รี่ท่วมไว ในพริบตา
สวนไร่นา บ้านจมหาย ใจระทม
น้ำตานอง นองเหมือนน้ำ ช้ำสุดช้ำ
ฟ้าใจดำ ยังย้ำเติม เพิ่มขื่นขม
เทฝนสาด ราดฝนมา แสนห่าพรม
ของที่จม ก็จมอีก ฉีกหัวใจ
โอ้หมดสิ้น สินเนื้อ เหลือแต่ตัว
ทุกข์ถ้วนทั่ว ที่ท่วม อ่วมเกินไข
จำนั่งเศร้า เอาเท้าก่าย หน้าผากไป
นับหนึ่งใหม่ ต้องไหวหนอ ท้อต้องทน..
23 ตุลาคม 2553 19:20 น.
ตะเบงชเวตี้
เหว่ว้าเหว่ วาบหวิว สยิวหนาว
อกแสนร้าว ร้าวระทม ขมขื่นขม
ใจหนอใจ ไหวสะเทือน มิเลือนตรม
ช้ำระบม เหลือนัก รักละวาง
ข้าพเจ้า เขียนกลอน ตอนว้าเหว่
ด้วยหัวใจ เกเร สุดแต่งสร้าง
จะเสแสร้ง เข้มแข็ง ก็หมดทาง
เพราะอ้างว้าง เหลือล้ำ ช้ำอุรา
โอ้ความรัก ความใคร่ ในมนุษย์
สุดแสนสุด ห้ามจินต์ ถวิลหา
แม้นเจ็บปวด หัวใจ อาบน้ำตา
ยังเฝ้าคว้า เฝ้าใฝ่ หมายครอบครอง
ข้าพเจ้า จบกลอน ตอนว้าเหว่
ปรุงหัวใจ เกเร ให้ผยอง
แล้วยิ้มรับ ความผิดหวัง อย่างปรองดอง
ละเหลียวมอง รักที่ผ่าน เลิกซานซม
เหว่ว้าเหว่ วาบหวิว สยิวหนาว
อกแสนร้าว ร้าวระทม ขมขื่นขม
ใจหนอใจ ไหวสะเทือน มิเลือนตรม
ช้ำระบม เหลือนัก จักละวาง