9 กันยายน 2544 05:52 น.
ตะวัน
สวัสดี..เจ้าควายน้อย
บ่อยๆ เห็นเจ้าคอย แต่ถากไถ
ไม่เห็น เจ้าเคยพร่ำ หรือร่ำไร
แต่ไย สายตาฟ้อง เบื่อท้องนา
ไม่หนาวหรือไร?เจ้าควายน้อย
เมฆคล้อย ปรอยฝน จากบนฟ้า
เห็นเจ้า ยังเคล้าฝน บนร่องนา
ทอดสายตา ฝ่าละออง มองฟ้าไกล
สวยนักหรือไร?เจ้าควายน้อย
องค์ประกอบ ขอบถ้อย รอยฟ้าใส
ไยเจ้า เฝ้าเหม่อ ละเมอไกล
สิ่งใด เรื่องไหน เจ้าเฝ้ามอง
ฉันหรือ?เจ้าควายน้อย
มนุษย์ คล่อยคล้อย ลอยละล่อง
คงแปลก แผกผัน จากครรลอง
เจ้าจึง เฝ้าจ้อง มองทั้งวัน
งั้น..ไปไหม?เจ้าควายน้อย
ไปละล่อง ละลอย สอยสวรรค์
ปีนป่าย ทายท้า ดาราจันทร์
ปล่อยฝัน ผันผิน กับจินตนาการ
ขยับปีกสิ!เจ้าควายน้อย
ปลดปล่อย รอยไถ ให้พ้นผ่าน
ไปไขว่คว้า ฟ้ากว้าง สร้างตำนาน
ควายน้อย ผู้กล้าหาญ สู่การบิน
9 กันยายน 2544 04:43 น.
ตะวัน
คือจรัล มโนเพชร
ผู้เสกเพชรแห่งล้านนา
เจียระไนด้วยภาษา
อัจฉริยะคีตะกวี
เสกน้ำอันเป็นร้อย
และเสกดอยเป็นแสนสี
สว่างถิ่นพระธรณี
ปลุกล้านนาเปล่งลำนำ
เทิดชีพวิถีชน
แห่งหมู่เฮาดังค่าวฮ่ำ
เสน่ห์คนเสน่ห์คำ
คือคำเมืองเสน่ห์เมือง
ปลุกอารยธรรม
แลตำนานอันนองเนือง
ปลุกอดีตอันรองเรือง
แลปลุกปัจจุบันสมัย
ฟ้ามืดแล้วมัวหม่น
มาหลั่งล้นพระชลนัยน์
สายหมอกและดอกไม้
มาห่มดอยและดวงดาว
เมรุมาศประสาทไหว
ชันดอกไม้พิกุลสกาว
แก้วกิ่งไม้ชะจาว
มาบูชาประชุมประชัน
เสียงพระที่อ่านธรรม
กลางคำซอชะลอสุคันธ์
ไปดีเถิดจรัล..
เถิดจรัล มโนเพชร.
5 กันยายน 2544 08:18 น.
ตะวัน
อย่ากลับลืมคำเมื่อเธอย้ำสัญญา
อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป
ให้เธอหมายมั่นคง..แล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร
เดินทางไป..อย่าหวั่นไหวใครกางกั้น
มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง
กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น
เป็นรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่..ให้เธอ
บนทางเดินที่มีขวากหนาม
ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ
ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ
เพียงตัวเธอ..ไม่หนีไปเสียก่อน
จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าวราน
จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน
จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน
คอยอวยพรให้เธอสมดังหวังได้..นิรันดร์
อีกหนึ่งบทพิสูจน์ความเป็นกวี..ของคนชื่อ จรัล
3 กันยายน 2544 10:21 น.
ตะวัน
เสียงสายซึงสะอื้น อาวรณ์
ราวสุดสิ้นภัสสร ส่องฟ้า
จรัลจักจำจร จากโลก
สวรรค์พรากแล้วผู้กล้า คู่ฟ้าคนเมือง
เสียงสะล้อโศกเศร้า เสียดาย
บุรุษผู้อุทิศกาย ก่อเกื้อ
ศิลปะแห่งความหมาย มอบแด่ ล้านนา
สำนึกในชาติเชื้อ บ่ล้าค่านิยม
เพลงโศกแว่วแผ่วพลิ้ว พัดผ่าน
ชีวิตถึงอวสาน สุดแล้ว
เหลือไว้แต่ตำนาน นามกระเดื่อง
จรัลจรัสดุจดวงแก้ว ส่องเรื้องล้านนา
อุทิศแด่...จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินคนเมืองอัจฉริยะ
2 กันยายน 2544 12:54 น.
ตะวัน
วาดลวดลายไกวกวัดฉวัดเฉวียน
ว่ายวนเวียนแหวกฟ้าถลาไถล
ไร้คนพร่ำจ้ำจี้พิรี้พิไร
แม่งสะใจเป็นบ้าได้ท้าได้ทาย
แต่เมื่อลองมองโลกเก่าที่เน่าที่เละ
คนฟ่อนเฟะเปะปะกระหื่นกระหาย
ฝันที่ปลูกถูกลมพัดกระจัดกระจาย
เป็นเพียงทรายกลางสายลมจนซมจนซาน
เริ่มรู้สึกนึกถึงฝันที่พันที่ผูก
เคยเพาะปลูกถูกผิดประสิทธิ์ประสาน
ล้อแดดกล้าท้าสายลมมานมมานาน
เพียงวันผ่านฝันถูกถมละลมละลาย
กลับมาส่ายว่ายเวียนเฉวียนฉวัด
โบยสะบัดกวัดไกวกล้ำทั้งคว่ำทั้งหงาย
แต่ความห่ามความบ้าเริ่มคลาเริ่มคลาย
ความเสียดายฉายภาพฝันคะยั้นคะยอ
ให้สำนึกตรึกตรองหนักกระอักกระอ่วน
สมองป่วนถูกผิดปะติดปะต่อ
ทบทวนกรอบชอบหรือเกลียดละเอียดละออ
ได้คำตอบคือบินต่อให้พอให้เพียง
อุตส่าห์หนีจากโลกมาโบกมาบิน
อุตส่าห์ผินขยับปีกเพื่อหลีกเพื่อเลี่ยง
จินตนาการคล่อยคล้อยมาร้อยมาเรียง
จะไม่เสี่ยงกลับโลกกว้างกระด่างกระดำ