12 กรกฎาคม 2549 09:19 น.
ตราชู
บูชเป็นพ่อมึงคนหนึ่งหรือ??
(แรงบันดาลใจในการเขียน จากบทกวี คำสาปเดือนสิบเอ็ด ในหนังสือ เพียงความเคลื่อนไหว ของ ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และบทกวี โหมโรงมหาฤกษ์ จากหนังสือ เพลงขลุ่ยเหนือทุ่งข้าว ของ ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เช่นกัน
ครั้นพอย่างเดือนแปดฟ้าแผดเปรี้ยง
ผ่าเพียงภูว์พกจะผกผัน
กลองรบรัวเร้าระเร่ารัน
เพลงรบตระหลบลั่นเลื่องบรรเลง
บูชเป็นพ่อมึงคนหนึ่งหรือ?
จึงอ้างชาติ, ออกชื่อมันโฉงเฉง
เขียนหนังสือสื่อพล่ามไปตามเพลง
ตะกายเกาะกางเกงอเมริกา
บูชเป็นพ่อมึงคนหนึ่งหรือ?
จึงไหว้มันสองมือทรามกว่าหมา
เลือนคุณแผ่นดินมารดา
นำเรื่องนานาไปบอกนาย
บูชเป็นพ่อมึงคนหนึ่งหรือ?
จึงลืมชาติ, ลืมชื่อ, ความเลวฉาย
ไขอรรถคัดเอ่ยไม่เคยอาย
รนร้อน, เลวร้าย, สร้างเรื่องราว
บูชเป็นพ่อมึงคนหนึ่งหรือ?
จึงซื่อบื้อซบบาทเหมือนเซื่องบ่าว
โน่นฝรั่ง, นี่ฝรั่ง ทุกครั้งคราว
ยอมโจราตาน้ำข้าวเข้าข่มไทย
ไทย เลือดนักสู้ซ่านสู่สิง
ไทย ศักดิ์ยงยวดยิ่งและยิ่งใหญ่
ไทย คงความเป็นชาติฉกาจไฉกร
ไทย ไม่ยอมให้ใครเข้าครอบงำ
เถอะ สองมือกูนี้จักกุมพร้า
ห้ำหั่นโหงห่าบ้าระห่ำ
เถอะ ทั้งสองมือกูจักสู้กรำ
พันตูตรากตรำจนหลับตา
รบโหมโรมฮึกรำลึกหาญ
แกร่งกร่างกร้าวกร้านทั้งแกล้วกล้า
ถึงกูหน้าดำ คนธรรมดา
ขอฝากชื่อลือชาว่าเลิศชาย
ครั้นพอย่างเดือนแปดฟ้าแผดเปรี้ยง
พลพฤณฑ์พรั่งเพรียงพร้อมผันผาย
ตรัยรงค์ริ้วริ้วเป็นทิวราย
มวลชนมากมายย่อมมีชัย
______________________________________________________________
11 กรกฎาคม 2549 10:30 น.
ตราชู
ถวายเทียน
บรรจงจุดเทียนแจ้งส่องแสงทั่ว
ขับความมืดขุ่นมัวที่ข้นหมอง
แล้วลงนั่งนิ่งตรึกลองนึกตรอง
พิจารณ์จ้องโดยใจเข้าใจจริง
จึงเห็นตน เห็นตัวดีชั่วชัด
เห็นโศกซ้ำกรรมซัดกำสรวลสิง
เห็นคนไทยไร้ผู้ให้พักพิง
ข้าวของยิ่งยื้อแย่งแข่งราคา
หมายพึ่งรัฐ รัฐเล่าก็เปล่าประโยชน์
คนจนโอดร้องโอยวายโวยผวา
ต้องสูญเสียทรัพย์สินไม่สิ้นซา
ทนซีดหน้าแสนนานทุกวารวัน
ถวายเทียนพรรษาบูชาสงฆ์
เพื่อถอดปลงทุกข์ทิ้งทุกสิ่งสรรพ์
ขอบุญพร่ำอำไพชาติไทยพลัน
ให้พ้นอับคับขันครอบนาคร
ขอแสงเทียนส่องปัญญาแก่นายกฯ
อย่าแลบลิ้นปลิ้นตลกละเลงหลอน
ให้เห็นผิดเห็นถูกในทุกตอน
เลิกตีต้อนประชาตกลงเตียนตาย
พิรุณหลั่งถั่งมาพรรษาใหม่
ราคีไข้แค้นขัดกำจัดหาย
ขอแสงเทียน แสงธรรม เจิดกำจาย
เชิดชูฉายเฉิดฉินทั่วถิ่นเทอญ
(เขียนไว้ตั้งแต่ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘)
9 กรกฎาคม 2549 11:04 น.
ตราชู
พระธรรมจักร
วสันตดิลกฉันท์ 14
อาสาฬหวารพระชินสี-
หบดีเผด็จมาร
ทรงแจงแสดงวจน์ประทาน
บถธรรมสี่มี
หนึ่งทุกข์สถิตบมิสบาย
มนกายแหละโศกี
ยงยุทธ์ประทุษฐ์ทุรกลี
กระอุผ่าวประเล่ห์เพลิง
สองคือสมุททยะจะผ่อน
ฤดิร้อนระแรงเริง
รู้เหตุเทวษสิขิเถกิง
ก็เพราะตัญหะตัวนำ
สามโสตถิ์นิโรธกษยทุก-
ขะกระอุกระกำกรรม
ความพ้นพยาธิพะกระทำ
ปิติแท้หทัยเปรม
สี่มรรคประจักษ์ปรมอัฏฐ์
ปรมัตถ์มนุญเอม
แปดองค์ประสงค์สิริเกษม
สุขล้ำตลอดแล
ธรรมจักรเจริญรุจิรวัฒ-
นพิพัฒน์ผดุงแด
ราวโรจน์ประโชติรชนิแข
ขณะเพ็ญโพยมยล
โอวาทนุศาสน์พระชินวร
ประลุพรพิบูลย์ดล
จงเทิดพระธรรมถิรถกล
ฐิตะมั่นนิรันดร์เทอญ
(เขียนปี พ.ศ. 2546)
6 กรกฎาคม 2549 11:42 น.
ตราชู
เพื่อนๆทุกท่านครับ งานชิ้นนี้ ผมเขียนไว้ก่อนบท เฉททรชน โดยแต่แรก คิดจะแต่งฉันท์เล่น เนื่องจากวันนั้นเป็นวันหยุด และผมยังไม่ง่วงนอนพอเริ่มเขียน เรื่องการเมืองก็แวบเข้ามา ทำอย่างไรได้เล่าครับ ผมชอบเอามือไปซุกตรวนอยู่แล้ว ก็เล่นจนจบเพลงเลย แต่งสัททุลวิกกีฬิตฉันท์ไว้ก่อน แล้วจึงแต่งภุชงคประยาตฉันท์ทีหลัง แต่ในการร้อยสัมผัสนั้น ผมขอนำภุชงคประยาตฉันท์ขึ้นก่อนนะครับ ทั้งนี้ อาศัยการเรียนจากตำราชื่อ กฎบนกลบท ของท่านมหากวี คมทวน คันธนู ซึ่งผมเชิดชูบูชาท่านเสมอมา ทั้งในด้านลีลา และปณิธานอันมั่นคง คือ กล้าชน กับความอยุติธรรมทั้งมวลครับ
ไม่มีสัจจะในคณะรัฐบาล
ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒
สลดมัวสลัวม่าน...........................โพยมพานพยับพูน
จรัสศรีสุรีย์สูญ..............................สยอนโศกวิโยคซวน
คระไลหมองคระลองหมาง...........อะดักครางอดูรครวญ
ถวิลหาทิวาหวน.............................ณ คราวหรรษะครันเห็น
สมัยนี้มิมีหนอ..............................กุศลพอกสานติ์เพ็ญ
กิเลศค้ำก็ลำเค็ญ.............................อธรรม์ฮึกอธึกหาญ
ขย้ำโกงโขยงกาจ...........................อุราราษฎร์อุราราน
เพราะรัฐฯ โซมระโรมซาน...........กระทุ่มแทรกกระแทกแซง
ละวารผัน, ละวันผิน......................ตะบิดปลิ้นตะแบงแปลง
กระเสพฝันกระสันแฝง.................จะลือเฟื่องจะเลื่องฟู
นราทนทุรนทาส............................ประดังดาษประเดดู
ปิศาจพล่านพิศาลผลู.....................ทวีปเขตเทวษเคือง
มโนขัดมนัสข้อง..........................ธุมางค์หมองทะมึนเมือง
นิพัทธ์หล้านภาเหลือง..................กระอ่วนคลั่ก ณ อัคคี
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
ใครฤาคือคณะสรรค์สนั่นเสนาะสุภี
ศรีไพเราะวาที.................................วิถาร
หว่านทั่วภูมิประเทศธเรศ ณ พสุธาร
สารถ้วนประมวลขาน.....................คะนึง
ขึงนำบ่วงกลิแล้ผิว์แลยลสะพรึง
ซึ่งพรานระรานถึง.........................ไผท
ภัยทาบทั่วมหิภูวดูพิพิธภัย
ไทยผองก็หมองใจ..........................วิจล
วนจิตวนอุระผ่าวระร้าวเพราะทุรพล
รนแผ่พะแดลน...............................หละหนอ
ล่อหน่วงลวงกลเผยเฉลยมธุระพอ
รอเพื่อจะเชื่อรอ..............................ระราน
ร่านร้ายคราวชนเชื่อก็ใช้พลวชาญ
หวานชิมกระหยิ่มหวาน.................ชิวี
ชีวิตอื่นน่ะระทมระงมภยทวี
ที่หวังมลังมี.....................................มลาย
หมายแลแลวิถิเลี่ยนประเล่ห์ชิวะกระจาย
กลายจมระดมหลาย........................ระลวง
ร่วงลงเมื่อวจิพูดพิสูจน์ทุผลพวง
ลวงเพื่อจะเถือทรวง.......................ซะหนำ
ซ้ำหน่วงโศกวิปโยคระโยงเคราะหระยำ
ร่ำยามปะทรามกรรม......................ก็ทน
กลถ่อยพวกรฐบาลก็บานสถิตบน
ตนเบ่งเขม็งผล................................สุภา
ซ่าพิษซ่านกระอุสุมระรุมมนมิซา
มาสิ้นก็ชินชา..................................และเฉย
เลยฉลลิ้นตะละคำกระทำวิกลเคย
เลยไขไถลเลย...............................จะลวง
จ้วงเล่นเป็นซะฉะนี้แหละนี่หละพหุปวง
ห่วงปากกะท้องตวง........................ณ ตัว
นัวติดในบุระหล้านภาพิภพมัว
พัวม่านมหันต์พัว..........................เพราะมัน
________________________________________________
5 กรกฎาคม 2549 13:55 น.
ตราชู
ยิ่งหลงตวง ลวงตน ยิ่งหล่นเตียน
โอ้รายทุกข์รุกท่วมเอ่อร่วมท้น
จิตจำนนจนนำใจจำหนาว
โลกเหน็บย้ำหนำเยิ่นแลเนิ่นยาว
ทุกครั้งร้าวคราวราทุกคราโรย
ยามยศสิ้นยินทรามเหยียดหยามซ้ำ
หื่นคร่าห้ำคร่ำหวนเคร่าครวญโหย
คอยฆ่าเบียดเคียดเบียนคอยเฆี่ยนโบย
แพ้พ่ายโดยโพยได้เพียบภัยแด
เดิมสูงสรรพทรัพย์สินดั่งสิ้นเศร้า
ถ้วนเพื่อนเหล่าเผ่าหลายทุกภายแหล่
มาดเขื่องหล้าค่าล้นมากคนแล
ดูงามแท้แง่เทินด้วยเงินทอง
แช่มชื่นเลิศเฉิดล้ำชั่งฉ่ำล้น
เที่ยวข้ามพ้นคนผู้เทียบคู่ผอง
ยิ่งใหญ่จริงหยิ่งจังอยู่ยั้งจอง
เห็นทรัพย์มองส่องมาหรรษามาน
อยู่สูงดอยสอยดาวยืนสาวได้
ส่องแสงชัยใสช่วงเทริดทรวงฉาน
ยื่นหยิบเดือนเยือนเด่นแย้มเย็นดาล
สุขสำราญศานติ์ร่ำศรีสำเริง
พอพ้องฟ้าผ่าฝันผกผันฟาด
ก็เคลื่อนลาดคลาดลอยเลิกคล้อยเหลิง
ฉินท์ชีพปาณฉานป่นเฉกชนม์เปิง
ราวแรงเพลิงเริงพลุ่งโรจน์รุ่งพลัน
สูญสุขภาพสาปภินท์สูญสิ้นเพื่อน
กลับกลายเยือนเกลื่อนยลกลุ้มกล่นหยัน
ยิ่งดิ่งย้ำด่ำแย่ย่อมแดยัน
ยิ่งโศกบั่นศัลย์บ่มสั่งสมเบียน
โลกทุกข์ล้นท้นหลายทักทายล้วน
มีผิดหวนผวนหันมากผันเหียน
ยิ่งหลงตวงลวงตนยิ่งหล่นเตียน
มัวผันเวียนเพี้ยนวน ไม่พ้นวาย
(๕ ก.ค. ๒๕๔๙)
__________________________________