13 กุมภาพันธ์ 2555 14:01 น.

จ่ายรัก

ตราชู

จ่ายรัก

วิชชุมมาลาฉันท์ ๘

	จำรายจ่ายรัก
กรอถักกรองถ้อย
ส่วนรวมสวมร้อย
คำพร้อยคำแพรว
วามปลั่ง หวังปลิด-
ทุกข์นิตย์ทั่วแนว
แลถ้วนล้วนแถว
รุ้งถ่องรองทอ

	มากสีมีศึก
รุ่มฮึกโรมเหิม
จุ่งแต้มแจ่มเติม
ศรีเริ่มสันต์รอ
อย่าทำย้ำท้า
ยั้งบ้าหยุดบอ
ทรามข้อง ซ้องขอ
สูญแค้นแสนเคือง

	โลดส่าย หลายศก
เลือดตกไล้ติด
เข้มพ่นข้นพิษ
ชนปลิดชีพเปลือง
หนุนธรรมนำทาบ
เบิกลาภบูรเลือง
บุญถั่นบรรเทือง
สืบทางสร้างฐาน

	จำรายจ่ายรัก
ร่วมมรรคร่วมมิตร
ช่วยกอปรชอบกิจ
สัมฤทธิ์สำราญ
โศภิตสิทธิ์ผล
บันดลบันดาล
สื่อถ่ายสายธาร
สู่ท่านศานติ์เทอญ

(๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕)				
8 กุมภาพันธ์ 2555 12:52 น.

รักเถิด

ตราชู

รักเถิด

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

	รักนั้นอนันต์คุณอนรรฆ
ผิวรักผละกามเริง
รักหล่อมิล่อรชะเถลิง
ระอุล้นอนลลาม

	รักเถิดนะเทิดอุดมทัศน์
ธุวสัตย์ประหารทราม
รักคุมจะคุ้มภยบขาม
สติคิดพิชิตเข็ญ

	รักมั่นสมันต์พละสมาน
ภิทะพาลพลังเพ็ญ
รักยังระยั้ง กษิดิเย็น
ปิติยุคปะสุขยง

	รักศานติซ่านดิลกสุนทร์
พหุคุณสถิตคง
รักซั้นเสาะสรรค์หิตประสงค์
สิตะสมภิรมย์ทรวง

	รักจ่างฤจางรุจิระจ้า
ชุติดาริกาดวง
รักซึ้งลุซึ่งวิมลสรวง
อติทรัพย์ประดับศรี

	รักสรงก็ส่งมนเกษม
สุขเปรมประนังปรีดิ์
รักไว้ไสวสิริทวี
ตะละวันสวรรค์วาว

(๗ ถึง ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕)				
24 มกราคม 2555 16:36 น.

ระอาใจ

ตราชู

ระอาใจ

กลอน ๗ กลบทกบเต้นกลางสระบัว

	รุ่มเผาเร่าแผ่พิษแพร่รุ่ม
สูรร้อนซ้อนรุมสุดคุมสูร
กูณฑ์ซ้ำกำซาบซึมอาบกูณฑ์
เติมเข้มเต็มคูณอาดูรเติม

	ล้อมโอบโลภอาบ คนบาปล้อม
เสริมตรมซมตรอมรุมห้อมเสริม
เจิมเหลิงเจิ่งเลวหลอมเหลวเจิม
แรงโหมโรมเหิมต่อเติมแรง

	ไม่เซาเมาสุข โลกลุกไหม้
แย่งไขว่ใหญ่คว้าหิวหาแย่ง
แพลงร่านพล่านริกเลศพลิกแพลง
กรรม์เข็ญเก่นแข่งกลั่นแกล้งกัน

	ไล่ฆ่าล่าฆาตเกรี้ยวกราดไล่
ฝันใคร่ใฝ่ครองสำนองฝัน
พันนิตย์พิษนัวเนื่องพัวพัน
คาติดคิดตันแคบมรรคา

	แล้งใหม่ไล่มาจวนหน้าแล้ง
จ้าซ่านจ้านแสงแดดแรงจ้า
ราผ่อนร้อนโพยไม่โรยรา
ใจหล่นจนล้า.....ระอาใจ

(เขียนในยามบ่ายขณะแดดแผดกล้าสาหัส วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อคลายร้อนให้ตนเองครับผม)

หมายเหตุ:

	กลบท กบเต้นกลางสระบัว มีปรากฏทั้งในวรรณคดีไทย เรื่อง สิริวิบูลย์กิตติ์ รจนาโดย ท่านหลวงศรีปรีชา (เส้ง) แหละในประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ผมเรียนรู้แบบอย่างจากหนังสือกวีนิพนธ์ชื่อ รอยทราย ของท่านอาจารย์วันเนาว์ ยูเด็น ควบคู่ไปกับหนังสือรวมบทนิพันธ์กวีนาม กฎบนกลบท ซึ่งท่านอาจารย์คมทวน คันธนู ผจงรังสรรค์ไว้ ครับผม				
21 มกราคม 2555 16:43 น.

คำขอต่อนักเขียนใหม่ (บางท่าน)

ตราชู

คำขอต่อนักเขียนใหม่ (บางท่าน)

๑.	โคลงสี่สุภาพ

ครืนครืนเวหาสครึ้ม		ครางครวญ
กาลสู่กรรมกำสรวล		โศกไข้
สงสารเมื่อเมืองซวน		สูญสุข
ใครขัด ใครคัดไค้		ข่มค้านคดีฉล

	ลางตนโลดไต่เต้า	ตามทมิฬ
โกงเก็บกำไรกิน			กอบ ป้อน 
กังฉินกับกังฉิน			เชิงฉกาจ
มันเสกมายาซ้อน		ซ่อนเร้นเลวเสมอ

	ทวยเธอ เธออย่าทิ้ง	ปณิธาน
ยืนเหยียดโดยวิญญาณ		หยัดโต้
นักเขียนใหม่ ควรขาน		คำกล่าว
เลิกหลบ เลิกหลีกโล้		เลี่ยงลี้หนีหาย

	ใครขายชาติขุดเค้น	เข็ญความ
ไหนนั่นคนไหนนาม		หนักหล้า
ปากกาใช่ปากกาม		กวนกิเลส
ยอมเถิดยอมยุทธ์ท้า		อย่าท้อทอดถอน

๒.	อีทิสังฉันท์ ๒๐

วรรณกรรมสวาทอนาถนิวรณ์
สล้างสลับประดับสลอน
มิราลง

	มัวระเริงสวาทพิลาส พะวง
เถลไถลไฉนนะหลง
ถลำเลย

	ดูสิแดนอุบาทว์นิราศเสบย
ฉะนี้ตริเชือนเลอะเลือนละเฉย
ฉะนั้นหรือ?

	วรรณสารระบายขยายระบือ
ผิมุ่งสมิทธ์ประสิทธิ์เพราะมือ
สมานสรรค์

	เพื่อพสุนธรารุจานิรันดร์
พลังอธึกพิลึกอธรรม์
ฤถอยหนี

๓.	กาพย์ยานี ๑๑

วาดฝัน วารวันใฝ่
นักเขียนใหม่ นั้นคงมี
เที่ยงแดถ่องแท้ดี
เพียงแพรวดาวผ่องพราวดวง

	น้ำเน่านานเนานิตย์
กอดทรัพย์ติด กักสินตวง
ยิ่งหอมยิ่งห้อมหวง
ชนมี่ไห้ชักไม่เห็น

	น้ำรักอันหนักฤทธิ์
พาลืมคิดผู้ลำเค็ญ
ล้อมหมกลามกเหม็น
โปรดดูใหม่ โปรดได้มอง

	คิด เขียน ควรเฆี่ยนค้าน
ทำลายพาลที่ลำพอง
ศิลป์มิ่งลบสิ่งหมอง
ย่อมสูญหมาง ย่อมสร้างเมือง

๔.	กลอน ๖ กลบทกบเต้นสามตอน

เข้ารณ ค้นเรียนเขียนร้อย
ถี่บ่อยถ้อยบุกทุกเบื้อง
แตกหน่อต่อนานต้านเนือง
ร่ำอยู่ รู้เยื้องเรื่องยาว

	ทั่วกล่นท้นเกลื่อนเถื่อนกล้า
มิจฉามาชั่วมั่วฉาว
อย่าถ่อมยอมทู้อยู่ทาว
พึงรู้ ภูว์ร้าวผ่าวรุม

	เธอซื่อถือส่ำธรรมสรรพ
คือทัพขับถ่อยคอยทุ่ม
เสริมหมู่สู้มองส่องมุม
แรงสุมรุมซ้อนรอนทราม

	ก่อแนวแก้วนำกำเนิด
เที้ยรเลิศเทิดลักษณ์ถักหลาม
ช่วงโรจน์โชติรัฐชัดราม
คงอยู่คู่ยามคามยง

(ร่างเดิม ๑๘ ถึง ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ แก้ไขบางถ้อยคำ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ครับผม)

หมายเหตุ

๑.	กลบท กบเต้นสามตอน มีปรากฏทั้งในวรรณคดีไทยเรื่อง สิริวิบูลย์กิตติ์ รจนาโดย ท่านหลวงศรีปรีชา (เส้ง) แหละในประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ผมศึกษาเรียนรู้จากหนังสือทั้งสองเล่มดังกล่าว รวมถึงหนังสือกวีนิพนธ์ชื่อ รอยทราย ของท่านอาจารย์วันเนาว์ ยูเด็น ครับ
๒.	งานเขียนชิ้นนี้ ได้แรงบันดาลใจจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนวมิตรท่านหนึ่งผ่านทางเฟสบุ๊ก เธอเล่าให้ฟังว่า ตลาดนวนิยายบ้านเรายุคปัจจุบัน เรื่องแนวตบจูบ กับเรื่องอันมีฉากรักวาบหวิวจะจำหน่ายดี ผมฟังแล้วเกิดความหดหู่ขึ้น จึงขออนุญาตสะท้อนถ่ายความรู้สึกสักหน่อยครับผม				
19 มกราคม 2555 14:08 น.

จุ่งไข

ตราชู

จุ่งไข

โคลงจิตรลีลา กลบทอักษรสลับ

	หืนเผ่าเฮี้ยน			พันธุ์โหง
โกยสินโกง				สืบก้าว
ยังสิงโยง					เสพใหญ่
เรือนเหย้าร้าว				แย่งรุม

	สุมม่าห์ซ้อน			เมือกสอ
ภุญช์ยากพอ				ย่างผ้าย
ยกพจน์ยอ				พวกหยาบ
รวมเพี้ยนร้าย				เพิ่มแรง

	แสงถ่องสิ้น			ธรรมสูญ
โขเมฆคูณ				มืดข้น
มลทินมูน				ถมหมัก
คืนย้อนค้น				ยิ่งคาว

	พราวเล่ห์พริ้ง			ลวงพราง
อวดสำอาง				ศักดิ์โอ้
มากชนหมาง				ชีพหม่น
มันฟุ้งโม้					ฟ่องเมือง ฟูมเมือง

	เรืองดั่งรุ้ง			โดยรวย
เสริมมาดสวย				หมั่นแสร้ง
เอาเงินอวย				งามเอี่ยม
โลภ, บ้า แล้ง				บุญหลอม

	ยอมแทตย์ย้ำ				ทนไย
จำนงใจ					แน่วจ้อง
ทุนสาไถย				ทรัพย์ถั่ง
เพียบแล้วพ้อง				เหล่าผี

	มีสิ่งม้าง				สางมนต์
โดยแรงดล				รอบด้าน
เห็นรายหน					รวมเหตุ
เขียนแจ้งค้าน				จุ่งไข จริงไข

(ร่างเดิม ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุง ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ครับผม)

หมายเหตุ:
	โคลงจิตรลีลา เดิมเรียก โคลงห้าพัฒนา กวีผู้คิดค้นฉันทลักษณ์นี้ขึ้นคือ ท่านจิตร ภูมิศักดิ์ ต่อมา ท่านคมทวน คันธนู บัญญัตินามว่า โคลงจิตรลีลา เพื่อเชิดชูเกียรติแด่กวีต้นแบบครับ ส่วนกลบทอักษรสลับนั้น เป็นมรดกของโบราณาจารย์กวีไทยท่าน ผมอาศัยศึกษาจากวรรณคดี มี โคลงดั้นเรื่องปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เป็นอาทิ รวมทั้งงานกวีร่วมสมัย เช่น หนังสือโคลงเรื่อง ชักม้าชมเมือง รจนาโดย ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ หนังสือ กฎบนกลบท ซึ่งท่านอาจารย์คมทวน คันธนู ผจงลิขิตไว้ครับผม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตราชู