31 พฤษภาคม 2549 14:10 น.
ตราชู
คนตาใน
แรงบันดาลใจเกิดขึ้น เมื่อผมได้อ่านตัวอย่างบทกวี รุ้งสายอันรายสรวง (บทที่ ๙) ของ ท่านคมทวน คันธนู ครับ
โลกมันเพี้ยนเวียนผันทุกวันแผก
สรรพ์สิ่งแปลกปลอมแปลงจำแลงเปลี่ยน
วนวนวิ่ง ยิ่งวาย ยิ่งว่ายเวียน
ยิ่งหันเหียน ยิ่งห่าง ครวญครางฮือ
ไร้แก่นหนักหลักแนวอันแน่วนิ่ง
ต่างเชื่อสิ่งตาส่องว่าต้องซื่อ
ไม่เห็นเงาเฉางำให้ชำงือ
ไม่เห็นสื่อลวงซ้ำล่อส่ำทราม
คนเห็นที่ถี่ถ้วนทั้งมวลแท้
กลับย่ำแย่เยินระยำเขาย่ำหยาม
แยกเขี้ยวเข่นเข็ญขัดคอยตัดความ
หาว่าพล่ามพลาดแพลงสำแดงเพลง
ที่คนชั่วมั่วฉาวเมือกคาวกระฉูด
หมั่นพูดพูดพันผูกก็ถูกเผง
เจ้านายอวยช่วยเอื้อจุนเจือเอง
ปล่อยคนโว้งโหวงเหวงคว้างเคว้งวาย
คนหนาวนักหนักหนาสิ้นตานอก
เหมือนม่านพอกหมอกพันเมื่อผันผาย
มีตาในใจเนาเป็นเจ้านาย
เห็นกำจายจดจ้องจากห้องใจ
กลับยิ่งมืดยืดหม่น ยิ่งท้นหมาง
ขวัญเคว้งคว้างซ้ายขวาควานคว้าไขว่
เป็นเช่นนี้นี่หนาคนตาใน
คนอื่นไม่มองมา หันหน้าเมิน
โลกมันเพี้ยนเปลี่ยนผันทุกวันแผก
จึงจำแนกคนนั้นมานานเนิ่น
มีทุกข์ก่ายร้ายกาจ มีขาด, เกิน
ยังดำเนินอยู่นี่ เยี่ยงนี้นาน
(๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙)
_______________________________________________
30 พฤษภาคม 2549 08:54 น.
ตราชู
ช่วงนี้ เห็นใครๆกำลังตื่นเต้นฟุตบอลโลกกัน ผมก็สนุกไปด้วยครับ แต่อยากเสนอความเห็นส่วนตัวสักนิดว่า มนุษย์เราเล่นบอลโลกมิใช่สี่ปีครั้ง แต่เราเล่นกันทุกวัน โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามจะ เขี่ยโลก ไปตามอำเภอใจตน คิดจะเอาชนะโลก ในที่สุด เกมบอลโลกเกมนี้ มนุษย์เป็นฝ่ายแพ้ครับ แพ้นิรันดร์กาล
บอลโลก
เขี่ยโลกคล้ายลองของเล่น
ต่างเต้นต่างไต่ไล่ต้อน
หมายกำโลกไว้ในกร
ค้นศาสตร์ซับซ้อนแทรกซึม
ก่อความชอกช้ำธรรมชาติ
คิดคาดเคร่งคร่ำทำขรึม
โลกอ่วนครวญโอดอึมครึม
โลกครึ้มปั่นป่วนครวญคราง
หมายกุมโลกไว้ได้หรือ
ในเมื่อโลกคือผู้สร้าง
คนเป็นเพียงผู้อยู่กลาง-
เขตกว้างอักโขโลกัย
เขี่ยโลกราวล่อนบอลโลก
ทุกข์โศกจึงสุมทุ่มใส่
ใครรันทดบ้างชั่งใคร
กูใคร่ กูใคร่ ครอบครอง
เมื่อคนยังร่อนบอลโลก
จึงคนโสโครกขื่นข้อง
โลกเพี้ยนเปลี่ยนผันครรลอง
คนล้วนควรต้องรับกรรม
______________________
29 พฤษภาคม 2549 14:43 น.
ตราชู
มิคสัญญียุค
(ได้แรงบันดาลใจจากบทกวีชื่อ ที่ราบแล้ง ณ แหล่งลุ่ม ประพันธ์โดย ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จากหนังสือ เพียงความเคลื่อนไหว
โคลงสินธุมาลี
ฟ้าครืนครรชิตก้อง กาหล
บอกอุบาทว์อุบัติบน บดเบื้อง
คัคนานต์น่านมัวมน เมาห์ม่าน
เหลือหยุดยุดย้ายเยื้อง พิโยคภัย
บรรลัยในโลกไร้ พรมแดน
ฝังกรอบปัญญาแกลน กร่อนห้ำ
ตกเป็นทาสเขาแทน ทับข่ม
ไทยถูกยีย้ำช้ำ ชอกโทรม
เขาโหมเครือข่ายห้อม ห่มคลุม
มวลสื่อสารกำกุม เก็บเกลี้ยง
ใช้วัยรุ่นเป็นขุม ทรัพย์เขื่อง
เงินนับล้านล้านเลี้ยง หล่อหลอม
มายาปลอมแปดเปื้อน ปนแปม
เสริมถ่อยสรรค์ทุกข์แซม ทุ่มซ้อม
สาวหนุ่มรุ่มร้อนแถม ทุเรศราค
กามมั่วหมกร้ายล้อม เร่งผลาญ
อินทรวิเชียรฉันท์ 11
ฝูงขายก็ขายค้า
ขณะบ้าอบายบาน
โกยเงินประกอบงาน
เละเทะง่วนระงมงำ
ฝูงซื้อก็ซื้อสุม
ธนะทุ่มอธรรมทำ
หวังสุขสนุกสัม-
บุรณ์แสนมิแกลนซวย
วัยรุ่นระเริงร่าน
อุระอานเพราะเอออวย
อิ่มแสงแสดงสวย
พิศวาสประดาษเวร
หลงหลุมละเลงแหลก
ตะกระแดกกะกากเดน
จ้านจัดถนัดเจน
จิตะจ่อผิว์พอใจ
ศีลธรรมบส่องถึง
ภภอึ้งกระอักไอ
อ่อนล้ามนาลัย
สรโอดกระอักโอย
กองกรานเถกิงกรุ่น
พิษวุ่นวะวายโวย
ด้าวดินจะภินท์โดย
ภยดื่นไผทแดน
โคลงสินธุมาลี
เมืองแมนมามอดม้วย มลายพัง
เมืองนรกปกคลุมขลัง ไม่แคล้ว
ซาตาลพล่านรุงรัง เรืองรุ่ง
เสียงสวดมนต์แจ้วแจ้ว จืดเสียง
(เขียนปี พ.ศ. 2546)
29 พฤษภาคม 2549 13:06 น.
ตราชู
เพื่อนๆที่รักทุกท่านครับ ร้อยกรองบทนี้ต้องเรียกว่าบังเอิญจริงๆ เมื่อวาน วันอาทิตย์ ผมอยู่ว่างๆ ก็เลยคิดจะเขียนโคลง ๕พัฒนา กลบทบัวบานกลีบ เล่นดู (โดยได้แรงบันดาลใจจากโคลงกลบทบานกลีบต่อดอก ในหนังสือ กฎบนกลบท ของท่านคมทวน คันธนู) แรกเขียนไว้ ๖ บท พอตกกลางคืน ยังไม่ถึงเวลานอน ก็เอามาตรวจดู แล้วเขียนเติม มิหนำ ยังแต่งฉันท์ ๔๐ (ซึ่งท่านคมทวนเป็นผู้คิดขึ้นเช่นกัน) เสริมเข้าไปด้วย แหละนี่ คือผลจากการนั่งต่อจิ๊กซอของผมครับ
รักใคร เพื่อใคร
โคลง ๕ พัฒนา กลบทบัวบานกลีบ
รักครุ่นเพ้อ เพื่อใคร
รักย่อมใจ จ่อเฝ้า
รักเรืองใส หรือโศก
รักย้อมเคล้า เคลือบแด
รักแม่นี้ นี่หนอ
รักแผ่พอ แผ่นฟ้า
รักสวยทอ สานถัก
รักแพร้วจ้า เจิดลออ
รักพ่อเพี้ยง แผ่นดิน
รักโสภิน เพียบแปล้
รักเฉิดฉิน ฉายฉาบ
รักแท้แท้ ที่เห็น
รักไป่เร้น รักครู
รักเรียนชู ชีพฟื้น
รักตราตรู ตรึงติด
รักเอื้อนอื้น เอ่ยพจี
รักที่ตั้ง เพื่อตน
รักย่อมรน เร่าร้อน
รักมองหน เห็นแคบ
รักซ้ำซ้อน สั่นสะเทือน
รักเพื่อนพ้อง ผูกพัน
รักเฉิดฉัน ช่วยชี้
รักเกื้อกัน เกิดแก่น
รักล้นนี้ อเนกคุณ
รักครุ่นน้อม นำประชา
รักยื่นหา ยื่นให้
รักหรรษา สุขห่ม
รักแม้นได้ ดื่มธาร
รักผ่านขั้น ควรตรอง
รักควรครอง ครอบเข้า
รักควรมอง ประเมินค่า
รักเรื้องเร้า เร่งขยาย
ฉันท์ ๔๐
อยู่ที่วิถีทัศน์ สามรรถจะมองมุ่ง
ความรักประจักษ์รุ้ง หรือโรยประโปรยราย
อยู่ที่วิถีทาง ทอดวางฤถอดวาย
มากมีวิธีหมาย มาดลกมลดาล
รักแม่ซิ่แท้มั่น แบ่งสรรคละบรรสม
อิ่มหนำเพราะน้ำนม อกหนุนละมุนนาน
รักเลี้ยงประเคียงลูก ฝังปลูกประคองปราณ
รักฉายประกายฉาน ทอชีพประทีปโชน
ใจภักดิรักพ่อ รักก่อเพราะเก่งกาจ
พ่อนำ ณ อำนาจ องอาจมิเอนโอน
รู้พิศพินิจผ่อน รู้หย่อนแหละอ่อนโยน
รักหาญทะยานโหน ห้วงหาวอะคร้าวเหิน
รักครูเพราะรู้ครบ บรรสบวิชาสร้าง
แลทิศลิขิตทาง ด้นดั้นจรัลเดิน
พากเพียรเสถียรพร่ำ เรียนร่ำลุจำเริญ
พานำผิว์ดำเนิน เห็นมากปะหลากมุม
รักราคะพารัก แน่นักพะวงหน่วง
หวังสรรค์สวรรค์สรวง ซึ่งครอบประกอบคลุม
สมหวังภวังค์ไว้ เรืองไรก็เรืองรุม
หวังศูญสิกูณฑ์สุม โศกเศร้ามิเซาซา
รักเพื่อนมิเลือนผล อำพนประไพแผ้ว
รักเกลอเสมอแก้ว ก่องแวว ณ ชีวา
สุขสวมก็ร่วมสุข ถึงทุกข์ก็ศรัทธา
ไม่เหเสน่หา ห่างให้หทัยหวน
รักชาวประชาชาติ รักสาดกระจ่างแสง
รังรองจะส่องแรง ส่องเร่มิเรรวน
รักรุ่งจรุงหรู รักหมู่นรามวล
รักถั่งพลังทวน ทายท้ากะอาธรรม
ควรถึงคะนึงแท้ รักแน่น่ะรักไหน
รักใครและเพื่อใคร เพื่อใจผนิดจำ
รักหนุนกรุณเหนี่ยว แน่นเหนียวผนึกนำ
รักเทริดประเสริฐสัม- บูรณ์นั้นนิรันดร์นาน
(๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙)
_____________________________________
28 พฤษภาคม 2549 10:40 น.
ตราชู
เก็บเดือน-กอบดาว
โคลงสี่สุภาพ (กลบทโคลงกลอน)
(พบกลบทแบบอย่างจากหนังสือ ชักม้าชมเมือง นิพนธ์โดย ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
เก็บดวงเดือนเด่นพริ้ง พรายพราว
รุ่งกอบดาวปรุงหาว แห่งฟ้า
แหล่งฉายช่วงเรืองราว รัตน์ก่อง ส่องแล
ปรายเก็จกำจายจ้า เจิดแพร้วเพริศผจง
ลงรรรเรียงเรื่องร้อย รอยจาร
จดคัดเขียนบทกานท์ เกิดแล้ว
เฉิดหลงเลื่องลือสาร สิงสถิต นิตย์ฤา
ปลงตราบโลกคงแก้ว ก่ำสร้อยสำรวย
อวยอิ่มเอมอกน้อม คำนึง
นึกไตร่ตรองตรึกถึง ถี่ถ้วน
ศรีสวยสืบสรรค์ตรึง ตรารื่น ชื่นแล
ชวยรักศิลป์ช่วยล้วน ช่วงล้ำดวงใจ
ใดไป่ปานเทียบแม้น เมธี
ถ้อยเทิดคำคอยพลี ผ่องสร้าง
ส่องสมัยมาศรูจี เจิดมิ่ง ยิ่งนา
ไกลล่องลอยไปคว้าง ควั่งฟ้าพร่างนิรันดร์
กลอนโคลง
เก็บดวงเดือนเด่นพริ้งพรายพราวรุ่ง กอบดาวปรุงหาวแห่งฟ้าแหล่งฉาย
ช่วงเรืองราวรัตน์ก่องถ่องแลปราย เก็จกำจายจ้าเจิดแพร้วเพริศผจง
ลงรรรเรียงเรื่องร้อยรอยจารจด คัดเขียนบทกานท์เกิดแล้วเฉิดหลง
เลื่องลือสารสิงสถิตนิตย์ฤาปลง ตราบโลกคงแก้วก่ำสร้อยสำรวย
อวยอิ่มเอมอกน้อมคำนึงนึก ไตร่ตรองตรึกถึงถี่ถ้วนศรีสวย
สืบสรรค์ตรึงตรารื่นชื่นแลชวย รักศิลป์ช่วยล้วนช่วงล้ำดวงใจ
ใดไป่เทียมเทียบแม้นเมธีถ้อย เทิดคำคอยพลีผ่องสร้างส่องสมัย
มาศรูจีเจิดมิ่งยิ่งนาไกล ล่องลอยไปคว้างควั่งฟ้าพร่างนิรันดร์
(๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙)
______________________________________________________