3 กรกฎาคม 2549 13:03 น.
ตราชู
ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
โน่นดาวฤกษ์สิริเบิกบวรบถนภา
เพ่งรังสิตารา..................เจริญ
เปล่งแสงโดยเฉพาะตนถกลรุจิรเชิญ
ชวนพิศพินิจเมิล............มิคลาย
ยลแสงเย็นนยน์เนตรพิเศษสุขสบาย
โสภีวิถีภาย...................นภางค์
โน่นแน่ดาวเคราะห์วะวาวไสว ณ คคนางค์
วามวับประดับวาง........วิรุฬห์
หากไร้แสงเฉพาะตนพิมลอดิอดุลย์
โดยจำจะพึ่งสุนทร์........สุรีย์
จึ่งเจิดแสงกระจะแจ่มวะแวมวิยมณี
ทรงศักติราศี..................สกาว
มองดาราริถวิลชิวิลกษณะคราว
คลับคล้ายละม้ายดาว....ประดับ
แม้เป็นดาริกฤกษ์จะเบิกยลระยับ
ย่อมควรคะนึงนับ...........คะเน
เพื่อพึ่งแรงพลตนผจญภยประเด
ถึงเอนระเนนเซ...............มิซบ
บันดาลชัยชนะตัวฤมัวชิวสยบ
ยืนยั่งกระทั่งพบ..............ภิรมย์
แต่เป็นดาวเคราะห์ลออบก่อจิตนิยม
ไป่ชื่นระรื่นชม..................ชวาล
เพื่อพึ่งผู้นรอื่นฤยืนพิริยชาญ
คราเกิดวิกฤตการณ์.......ระกำ
แม้ใคร่พ้นผละระทมระงมทุผลงำ
พึงนึกผนึกนำ.................ดนู
อีทิสังฉันท์ ๒๐
มาสิร่วมผสานสุมานพบู
พิเศษพิศาลสราญจะชู...............ประโชติไกล
ควรคะนึงประเทศธเรศไผท
จรูญจรัสพิพัฒน์ประไพ.............เพราะแรงเรา
ไทยประเทืองทวีปเพราะรีบมิเพลา
พลังสมรรถ์ฉกรรจ์ประเทา.........ระทดถอย
ต่างประเทศฤเขาจะเฝ้าจะคอย
สนับสนุนกรุณทยอย...................และไยดี
ถึงผิว์ช่วยเพราะคิดอมิตรทวี
ประสงค์ประโยชน์ประโมทยปรีดิ์.......ประมวลมา
เราผิว์พึ่งพิรัชขนัดประดา
ปะยามมหันต์ภยันตรา-................ธิทำไย
พึงตระหนักประจักษ์กระจ่างกะใจ
แหละสร้างสวรรค์ลุสรรพ์ไสว.......แสวงหวัง
ปวงประชานิยมระดมประดัง
ผสมสมรรถภาพฉมัง...................มิเชือนแช
ร้อยฤทัยประทักษ์สมัครมิแปร
ประเทศไผทอุไรจะแร..................นิรันดร
3 กรกฎาคม 2549 08:43 น.
ตราชู
เพื่อนๆทุกท่านครับ ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ผมเลยขอร่วมชุ่มฉ่ำด้วยคนครับได้เคยนำกลบท กบเต้นสามตอน มาเขียนกลอน ๖ แล้ว คราวนี้ จะใช้กลบทดังกล่าวกับกาพย์ฉบังบ้าง โดย ท่านคมทวน คันธนู ท่านสอนผม ในหนังสือ กฎบนกลบท ครับ
แด่สายฝน
ฟ้านนท์ฝนเนืองเฟื่องนอง..............โรยธาราทอง
สาดถิ่นสินธูซู่ธาร
สาดรายสายร่ำสำราญ.................เนืองกิจนิตย์กาล
เกิดเพื่อเกื้อพอก่อพูน
สุขบ่งส่งบ่มสมบูรณ์......................จุนเกื้อเจือกูล
รุ่งภายรายผ่องรองพรรณ
แก้วนองก่องนำกำนัล....................ด้าวแคว้นแดนขวัญ
ค่าหนุนคุณนำคำนึง
พืชตรูภูว์ตราพาตรึง......................สิ้นทุกข์สุขถึง
ดวงแท้แดไทยใดทัน
เอมปองอ่องเปี่ยมเอี่ยมปัน.............เพริศสิ่งพริ้งสรรพ์
โสภิศสิทธิ์พึงซึ้งเพ็ญ
ฟ้ายลฝนอยู่ฟูเย็น..........................ชุ่มปาณฉานเป็น
เนื่องธารน่านทิศนิตย์เทอญ
_________________________________________________
2 กรกฎาคม 2549 11:56 น.
ตราชู
อุดมการณ์, อุดมกาม
โคลง ๔ สุภาพ
เคยจำคำจดแจ้ง จำนรรจ์
ปวงนักการเมืองสรรค์ เสกซึ้ง
ปานกลืนชื่นชีวัน หวังเฉิด
หวานฉ่ำเพียงน้ำผึ้ง แผ่ให้หวานหอม
ยินยอมทุกอย่างย้ำ สัญญา
ทำเพื่อชาติ, รัฐ, ประชา ช่วยเอื้อ
เปลื้องทุกข์ปลุกปรารถนา เนืองขนัด
จ่อชุดจุดโชติเชื้อ ชีพเรื้องเมลืองหวัง
ฟังฟังเขาใฝ่อ้าง อุดมการณ์
ถ้วนถี่คำที่ขาน ทุกข้อ
นานวัน, ยิ่งนานวาร นานประหวัด
ประหวัดคิดควรจิตท้อ จ่อมท้องทะเลวน
ทุกคนแลทุกครั้ง ที่เคย
เผยรสพจนารถเผย เพื่อพ้อง-
พวกตนเติบผลเสบย สมบัติ
ปากกู่, กู่ตะโกนก้อง กลับลิ้นตอแหล
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
พานพบตลบผวน วจน์ปรวนกระหลอกแปร
ลดเลี้ยวมิเหลียวแล ปะเหลาะลิ้นถวิลลวง
พล่ามพลันขยันพล่อย มธุถ้อยมิอาจทวง
ต่างหาธนาหวง ตะกระห้ำกระหน่ำหืน
ใครดีวิถีเด่น ริปุเข่น ฤ กลับคืน
ยงยุทธ์เพราะจุดยืน อริย่ำกระหน่ำเยิน
ทัพถ่อยทยอยท้น จรด้นคระไลเดิน
บ้างหาญทะยานเหิน วิหะห้วงทะลวงหาว
ฟ้ามัวสลัวหม่น เลอะเทอะข้นคละคลุ้งคาว
เย็นเยียบฉะเฉียบยาว ทุรยุคแหละทุกยาม
ไต่ตีนปะปีนต่อ กิจก่อ อุดมกาม
ยิ่งเหยียดประเทียดหยาม ประดิยุทธ์มิหยุด, ยอม
ใครผู้จะรู้เพียร พิริย์เปลี่ยนอุบาทว์ปลอม
ใครเล่าจะเข้าหลอม บุระหล้ารุจาเลอ
เร่งโรมคระโหมรุด พละจุดประทีปเจอ
แผลงผลาญผิว์พาลเผลอ ระดะภินทสิ้นภัย
เกลียวกรม อุดมการณ์ รวิวารวะวามไว
สาดส่องระรองใส มละกรม อุดมกาม
30 มิถุนายน 2549 09:21 น.
ตราชู
ยอ: ย่อ
โคลง ๔ สุภาพ
ครวญคิดชีวิตนี้ นี่หนอ
หนาวเหน็บเจ็บใจรอ รุกเร้า
จริงใจใคร่ใจขอ แคลนขาด
มีแต่ลวงถ่วงเฝ้า ฝากถ้อยวาที
มากมี มีเพื่อนพ้อง พวกพรรค์
เพื่อนหลอกกลอกกลับหัน โหดห้ำ
แรกรักดั่งรักอนันต์ แนบสนิท
แท้ซ่อนซอนเล่ห์ย้ำ ลอบเย้ยหยันหยาม
หลั่งลาม ลามเล่ห์เลี้ยว หลอกหลอน
โดยพร่ำคำสุนทร เทียบอ้อย
รู้ตัวเมื่อตัวมรณ์ มอดหมด
รู้ว่ายาพิษย้อย หยาดเยิ้มยามกิน
ผินแล แลเพื่อนร้าย แรงผลาญ
เพื่อนรักหักเพื่อนลาญ ล่มทิ้ง
เพื่อนนัดเพื่อนผลัดประหาร หฤโหด
หั่นเพื่อนลงเกลื่อนกลิ้ง กล่นด้าวร้าวฉาน
อินทรธนูฉันท์ ๑๒
หนักหน่วงนะปวงมนุษย์
ไม่หยุดทะเยอทะยาน
ใจมักสมัครสมาน
หมู่มิตรสนิทประมวล
เชื่อในนิสัยละหนอ
เขายอก็ยั่วก็ยวน
ศานติ์สันต์ภินันทสรวล
ซาบซึ้งคะนึงเหมาะสม
คำยอมิก่อประโยชน์
คนโฉดสิชื่นสิชม
แย้มยิ้มกระหยิ่มนิยม
หลงยอลออนิยาม
เขายอเพราะล่อจะอยู่
เกรียวกรูตะกรุมตะกราม
หวานลิ้นเกาะกินน่ะหลาม
ใครหลงซิ่คงละลาย
ควรนึกตริตรึกละหนอ
คำยอประหนึ่งนิยาย
ไม่มีวิถีจะหมาย
หลงมรรคอะดักและหมาง
เขายอผิว์ย่อมิยืด
คลายมืดคละคลุ้มธุมางค์
คำเท็จเผด็จฉะถาง
รู้ทันสมรรถ์ฤทัย
เขายอก็ย่อระยอบ
ม้วนหมอบละมุนละไม
เลิกหลงพะวงไถล
ลิ้นเล่ห์กระเท่ห์กลี
หมายเหตุ
อินทรธนูฉันท์ ๑๒ นี้ ท่านอาจารย์คมทวน คันธนู เป็นผู้คิดประดิษฐ์ขึ้น
______________________________________________
29 มิถุนายน 2549 08:46 น.
ตราชู
งานเขียนชิ้นนี้ ผมได้แรงบันดาลใจจากบทกวี คล้อยตามหลังความตาย ในหนังสือ เรียงถ้อยขึ้นร้อยถัก ของ ท่านคมทวน คันธนู ครับ
ตาดูดาว/ตาดูด้าว
กาพย์โกสุม
ตาเมื่อส่องตั้งมองสูง
มันย่อมจูงเหมือนยูงจร
ย่างโดดดิ้นหยามดินดอน
โบยรำฟ้อนบินร่อนฝัน
ชั่วทรามจึงช่ำสึงจิต
พูนจองพิษผูกจิตพัน
เป็นสืบมา เป็นสามัญ
หมกมุ่นหมั่นหมายมั่นมอง
ตัวดูดู๋ ตาดูดาว
จึงล้นผ่าวใจลำพอง
ยังชื่นครอบ ยังชอบครอง
ติดค้างผองตันข้องภัย
ลูกน้องสรรพเหลือนับซ้อน
ร่วมสุมฟอน รุมซ้อนไฟ
ล่อโลดเปิงลิ่วเหลิงไป
ฉ้อฉลใช้ชั่วไชชอน
ตาเมื่อต้องตกมองต่ำ
ย่อมอวยธรรมย้ำอาทร
รู้ผุดผ่องเรืองผองพร
แล้วลดผ่อนเล่ห์หลอนแผน
อย่าดูดู๋ย้ำดูดาว
พึงดูด้าวผืนดินแดน
ความดีท้นเข้าดลแทน
คนร้าวแสนเขาแร้นซม
คนหลายล้านเขาลาญเหลือ
เหน็บหนาวเนื้อเนิ่นนานนม
คลุกอยู่ต่ำคล้ายย่ำตม
เจ็บจนล้มจ่อมจมลง
เอื้ออำนวยโอบอวยหนุน
สาดแสงบุญส่องสุนทร์บง
มาโลมไล้ไม่ลืมหลง
ตรึกตรองจงตรึงตรงใจ
ย่ำท่องดินยังถิ่นด้าว
สุขยืนยาวสาวโยงใย
ดื่มศีลหน่วงด่ำทรวงใน
โดยเทิดไว้ได้ถาวร
_____________________________________