10 กันยายน 2550 11:23 น.
ตราชู
สิบเอ็ด กัญญาฯ สองห้าสี่สี่
สิบเอ็ด กัญญาฯ สองห้าสี่สี่
เมืองอินทรีโศกเศร้าซึมเซาแสน
ผวาหวาดราษฎรขวัญคลอนแคลน
เมื่อความแค้นเข่นฆ่ากลางนาคร
เครื่องบินบุกรุกถลาเข้าหาตึก
เสียงก้องกึกปรากฏกำสรดสยอน
อาคารตั้งดั่งจะค้ำทิฆัมพร
ก็ถูกถอนทลายล่มถล่มลาญ
พลันเปลวเพลิงเริงพลามก็ลามพลุ่ง
ทุกข์กระทุ้งกระเทือนถิ่นธานินสถาน
เป็นภัยที่มีพลังเกินรั้ง, ทาน
มิอาจต้านการตามของความตาย
มหามิตร......
ตราบยังคิดแค้นคุมวางหลุม, ข่าย
วางเล่ห์ลวงล่วงล้ำล้างทำลาย
เที่ยวท้าทายทั่วหล้าอย่างอาธรรม
ปากเอ่ยพร่ำคำขวัญคือ สันติภาพ
แต่ใจฉาบเลือดโชกไหลโกรกฉ่ำ
มือยังเชือดเลือดชนหลายล้นช้ำ
ตีนยังย่ำเหยียบโลกอย่างโชกโชน
อย่าหวังผลพ้นผ่านภัยพาลเผา
จากหลายเผ่าตามเผ่นตามเต้นโผน
คอยจับจ้องมองอยู่เพื่อจู่โจน
รอคอยโค่นท่านอยู่มิรู้คลาย
สิบเอ็ด กัญญาฯ สองห้าสี่สี่
วันซึ่งมีมากนิยาม มากความหมาย
คือความจริงยิ่งย้ำยิ่งกำจาย
ใครก่อร้าย ร้ายต้องสำนองตน
(๘ กัญญายน ๒๕๕๐)
30 สิงหาคม 2550 10:07 น.
ตราชู
ท่านผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อคืน ตลอดจนตอนเช้าของวันนี้ ผมได้ฟังพระราชดำรัสแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งพระราชทานแก่คณะทูตแล้ว ปลาบปลื้มปีติเป็นที่ยิ่ง เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้เขียนงานชิ้นนี้ขึ้นครับผม
พระปิ่นฉัตร พระปิ่นชาติ
ขอเดชะ พระวิรามสยามรัฐ
มิ่งโมฬีศรีกษัตริย์นิรัติศัย
พระปิ่นฉัตร พระปิ่นชาติประกาศชัย
พ่างพฤกษ์ไพรแผ่ปกพสกนิกร
คือขวัญมิ่งสิงกมลปวงชนมั่น
ทรงเลือกสรรสิ่งส่ำเผยพร่ำสอน
ว่าไทยนี้มีค่า เอกนาคร
เจิดกำจรจำเริญมาเนิ่นนาน
เรามีภาษาไทยอำไพเสถียร
ให้เล่าเรียนคุ้นเคย เขียน, เอ่ย, อ่าน
วัฒนธรรมล้ำหน้าปรีชาชาญ
แต่โบราณเรืองรุ่งบำรุงบุรี
หาก..... บางเหล่าเผ่าไทยทำไขว้เขว
ส่อแสร้งเสลืมสง่า ลืมราศี
หลงฝรั่งมังค่าคิดว่าดี
ทิ้งวิถีวัฒนาภาราไทย
โอ้รื่นรสพจมานพระผ่านเผ้า
จักเนิ่นเนาแน่วแน่นานแค่ไหน???
บ้างว่าพร้อมน้อมจำมานำใจ
มิทันไรเลื่อนลับกลายกลับลืม
ตอนนี้เซื่องเชื่องเหลือราวเชื่อพ่อ
ต่างชาติป้อยอหน่อยก็พลอยปลื้ม
เคลิ้ม, กระหยิ่ม ยิ้มผยองกับของยืม
ไปด่ำดื่มของฝรั่งเหมือนดังเคย
กราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
ทรงเป็นปราชญ์แผ่ประภาให้ผ่าเผย
ขอดวงใจไทยปวงอย่าล่วงเลย
ทำนิ่งเฉยพระดำรัสราชตรัสเตือน
ร่วมชูฉัตรรัฐดำรูโดยชูชาติ
ให้สามารถมิมีใครเปรียบได้เหมือน
ทุกวันคืนรื่นรมย์เป็นร่มเรือน
ไม่คล้อยเคลื่อนเอกลักษณ์จำหลักนิรันดร์
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ เขียนถวาย ด้วยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้วพระพุทธเจ้าข้า
(๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)
20 สิงหาคม 2550 13:08 น.
ตราชู
รับรอง
เสียงร่ำหลายส่ำร่วม
ส่วนใหญ่รวมกันรับรอง
ขุ่นเมืองเคยเคืองหมอง
คงคลายมนต์ความหม่นมัว
ขอร้องผู้ครองรัฐ
ให้ก่นตัด เห็นแก่ตัว
ทรามหุ้มหากสุมหัว-
คิดห่ามเฮี้ยนคอยเหียนหัน
บ่าย, เลี่ยง, เบนเบี่ยงหลัก
เพื่อพวกพรรคเพื่อพงศ์พันธุ์
ความใคร่ยิ่งใหญ่ครัน
ไม่ครั่นคร้ามเกรงขามใคร
โลภ, หิว โลดลิ่วเหิน
เติมจำเริญแต่จัญไร
รอบทิศเที่ยวรีดไถ
เหมือนทุกที....เหมือนที่ทำ
แต่ง, ก่อ หรือต่อ, แก้
ก็เพียงแค่พลิกแพลงคำ
แน่นเนื่องทุกข์เนืองหนำ
ช้ำถ้วนหน้าชาวธานิน
สุขนั้นรังสรรค์แน่
ถ้าพลีแดเพื่อแผ่นดิน
ล้างหืนโลภหื่นหิน
อันจุดให้ดวงใจฮือ
ดำเนินก้าวเดินหน้า
กู้เกียรติหล้ากึกก้องลือ
แนวธรรมต้องนำถือ
รัฐธรรมนูญไทย
(๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)
หมายเหตุ
รัฐธรรมนูญนั้นสำคัญเพียงใด ก็มิสำคัญเท่าผู้นำมาใช้หรอกครับผม
11 สิงหาคม 2550 11:00 น.
ตราชู
คำสอนของแม่
ลูกหมอบราบกราบตักบอก รักแม่
แม่ขอแผ่พรพูนไพบูลย์เพิ่ม
ดลดวงใจได้ประจักษ์ความรักเจิม
ยิ่งยงเสริมราศีอย่ามีทราม
ขอลูกจำคำแม่อย่าแปรผัน
โลกทุกวันมันวิบากเนืองขวากหนาม
มายาล่อล้อเล่นล้วนเห็นงาม
แท้น่าขาม คับขันกลางมรรคา
ลูกอย่าเพลินเดินวนสับสนกระแส
ครุ่นคิดแต่ตามเขาไม่เข้าท่า
หลงโพลงเพลิงเริงปะทุหลอมอุรา
สำคัญว่าคือสวรรค์แห่งวันวัย
รู้บบั้นปลายภายหลังว่าพลั้งพลาด
ก็ร้ายกาจเกินแก้เกิดแผลใหญ่
โลกมืดมัวชั่วช้าคราวปราชัย
มิมีใครเขาอยู่คอยดูแล
เมื่อหาตน ค้นแก่น พบแกนหลัก
จึงแน่นหนักดำเนินแนวที่แน่วแน่
ตามหาฝันหมั่นเพียรไม่เผียนแปร
คือทิศแท้ตรงเที่ยงเลิกเบี่ยงทาง
อย่าหลงเต้นเล่นถลาลอยฟ้าสูง
เอาอย่างยูงเยื้องย่องผยองย่าง
ลืมผู้คนข้นขื่นสะอื้นคราง
ผู้เคว้งคว้างเข็ญไข้ขวักไขว่คอย
คอยรอผู้กู้กมลสักคนหนึ่ง
คอยดาวซึ่งส่องฟ้าเกินคว้าสอย
คอยความหวังภวังค์หลงพะวงลอย
คอยจนคล้อยเวลาล่วงคลาไคล
จงก่อกิดคิดค้นกู้คนยาก
ช่วยกันถาก ช่วยกันถางเส้นทางใหม่
ช่วยชูธงณรงค์รบ ชูคบไฟ
ร่วมแก้ไขร่วมฆ่าพวกราคี
พวกเอาเปรียบเหยียบ, ขย้ำ ระยำหยาบ
สั่งสมบาปบั่นบุกเบียนทุกที่
เห็นใครด้อยน้อยค่าคอยราวี
รุมกดขี่ขวางคั่นบีบคั้นคน
จงมาดมั่นพันธะภาระลูก
บรรจงปลูกสร้างประโยชน์เสริมโสตถิผล
คลายร้อนรุกทุกข์กระอัก อวยรักปรน
รักท่วมท้นทั่วถิ่นธานินไผท
ลูกหมอบราบกราบตักบอก รักแม่
รักจงแปรเป็นชวาลฉายฉานไสว
ให้ลูกมั่นกลั่นกล้าก้าวหน้าไกล
เพื่อรับใช้บรรดาประชาชน
(๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)
หมายเหตุ
สำนวน ชูธงรบ ชูคบไฟ ผมได้จากกวีนิพนธ์แห่งการต่อสู้เพื่อประชาชน ยุคก่อน และหลัง ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ กับ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ครับผม
9 สิงหาคม 2550 11:07 น.
ตราชู
ฝนดาวตก
ดาวใดดับสู่ด้าว...............แดนดิน
ดังสุหร่ายสายฝนริน...............ร่วงหล้า
เคยฉานโชติประกายฉิน...............ประกอบเฉิด
ชวนเฟื่องฝันฟากฟ้า...............ใฝ่ชี้ชมเชย
โพยมเอยฤาไป่เอื้อ...............เอ็นดู
จำรัสดาวดำรู...............รุ่งพริ้ง
ปล่อยพรากจากนภาผลู...............พลัดถิ่น
มากลาดกลางดินกลิ้ง...............เกลื่อนด้วยกลใด
โอ!...ไทยเทียมเทียบด้วย...............ประเทืองดาว
เคยก่องรังรองสกาว...............ก่อนกี้
เพียงเหินระเหิดลอยหาว...............หนแห่ง
มาอนาถในบัดนี้...............บ่อน้ำตาริน
ปฐพินพลันพ่ายแพ้...............ภัยโพย
หนักบาปกรรหนาบโบย...............บอบช้ำ
คิดหวนคร่ำครวญโหย...............หทัยหู่
เย็นเยียบวิญญาณ์ย้ำ...............ยะเยือกยั้งยืนยาว
ฝนดาวตกดิ่งฟ้า...............ดังฝัน
ฝันซึ่งบริสุทธิ์สรรพ์...............เสื่อมสิ้น
ฝันครองว่าสยามครัน...............ครบสุข
ฝันดับกลับระด่าวดิ้น...............เดือดแล้วแดสลาย
(๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)
หมายเหตุ
งานชิ้นนี้ เขียนไว้ต้อนรับปรากฏการณ์ฝนดาวตก วันที่ ๑๒ สิงหาคมนี้ครับผม