29 มกราคม 2552 08:13 น.
ตราชู
คำร้องของคนยาก
(รูปแบบในการเขียน ผมได้แรงบันดาลใจจากบทกวี ดอกข้าวโพด ดอกเบี้ย ดอกจันทน์ ของ ท่านวัฒน์ วรรลยางค์กูร ครับผม)
ย้ำชอก เจ็บยอกช้ำ
เติมทุกข์กล้ำต้องทนกลืน
มารเข็ญมันเข่นขืน
ความเป็นคน ความเป็นคน
พรั่นยากจึงพรากเหย้า
ชีวิตเฉาเช่นวายชนม์
ด้นหาปรีดาหน
กลับหาหาย กลับหาหาย
แรมรอนหนีร่อนเร่
มาว้าเหว่มิเว้นวาย
ทอดร่างตามทางราย
คล้ายสิ้นแรง คล้ายสิ้นแรง
แดอ้าว แม้ด้าวอื่น
ก็โศกดื่นการณ์สำแดง
ยอกย้อนให้หยอนแหยง
แหนงวิญญาณ แหนงวิญญาณ
แค้นสรรพ เขาขับไส
หวาดหวั่นไหวเวรวันวาร
ซุกซ่อน ซอกซอนซาน
พานสับสน พานสับสน
ร้ายเนาพวกเราหนอ
เมฆมัวมอ หมอกมัวมน
ร้าวอยู่โลกรู้, ยล
โรฮินญา โรฮินญา
(๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒)
หมายเหตุ
ผมเขียนงานชิ้นนี้ มิได้มุ่งโจมตีบุคคลใด หรือฝ่ายไหนทั้งสิ้นครับ เพียงประสงค์จะลองถ่ายทอดความในใจของบุคคลผู้ถูกกดขี่ ผู้ถูกขับไสไล่ส่งจากเคหสถาน ต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัส โดยปรารถนาให้มนุษย์ทุกหนแห่งบนโลกนี้ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันครับผม
22 มกราคม 2552 09:29 น.
ตราชู
โคชน
ขึ้นปีโคโขคึกพันลึกเข็ญ
โคยังเล่นไล่ล่าลีลาเหลิง
ล้วนโรมเชี่ยวเรี่ยวชนร้อนรนเชิง
ต่างรรรเริงรุกร่าน ร้าวรานรอย
โคเทิดทูน คุ้นที่ คุ้นทีท่า
กีดมรรคาขัดขวางเยื้องย่างค่อย
พอต้นศกยกส่ำออกย่ำซอย
ดูเรียบร้อยเรื่อยเรื่อยคล้ายเนือยแรง
แท้คดเคี้ยวเคี่ยวขับหมั่นลับเขา
มิมีเพลาพลุ่งพล่านสันดานแผลง
เก่งเล่ห์ไพล่ไล่พลิกระริกแพลง
จักทิ่มแทง โคทุน ให้วุ่นเทียว
โคทุน ถูกรุกแทงจนแรงถด
เลือดสดสดแดงสาดดูหวาดเสียว
หยุดฟื้นแรงแฝงเร้า ลับเขาเรียว
อีกประเดี๋ยวคงดึ่งโดดดึงดัน
โคเทิดทูน ขุ่นฤทัยยิ่งใหญ่แท้
ต้องเตรียมแก้อหังการ์ที่ก๋ากั่น
โคทุน โถมโจมถาจู่มาทัน
ก็ถึงวันวุ่นวายอบายเวียน
เห็นลางหลากยากลี้แล้วปีฉลู
โอ้อดสู ซึ้งซึกเรื่องศึกเสี้ยน
พวกโคบ้าฆ่า บ่อน คอยค่อน เบียน
อยู่จำเนียนเช่นนั้นเนิ่นนานเนา
ปีโคชนข้นชัดเคืองขัดชี้
จึงบัดสี บัดซบบรรสบเศร้า
โคขวิดทางกลางทุ่งฝุ่นคลุ้งเทา
หญ้าอย่างเราก็จะราบระนาบราย!
(๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒)
10 ธันวาคม 2551 09:41 น.
ตราชู
-
ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านครับ ลีลาดำเนินฉันท์เยี่ยงนี้ ผมศึกษาจากงานของกวีหลายท่าน ทั้งบุรพกวี และกวีร่วมสมัยครับผม
เพราะไทยจะสูญจะเสื่อมโทรม
ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒
ทุลักษณ์ไทยไถลถอย
พิภพร่อย ผะผ่าวราน
กระหม่าชนม์ กระมลฉาน
อบายชาติ อุบาทว์ชุม
พหูพลพหลพรรค
ก็คึกคักกะควบคุม
ระเรียงข่ายระรายขุม
เสนียดข้องสินองขัง
สลอนคับ สลับขั้ว
ประชุมชั่วประชาชัง
อธึกย่ำ อธรรมยัง
ขย่มเหย้าเขย่าเยิน
สถาบันฯ สุธรรม์บ่ง
ประนังธงประหนึ่งเทิน
แน่ะเสียงซั้นน่ะสรรเสริญ
จะทูนเทริดจะเทิดทรง
เพาะตอแหล พะแต่หลอน
ยะยั่วย้อนยุแยงยง
ประเจิดคำประจำคง
พิจิตรขานพิจารณ์ไข
ระดมคนริดลเข็ญ
ฉะนี้เป็นชนวนไป
ระเร่งเฝ้าระเร้าไฟ
ระดาษฟืน ระดื่นฟุน
ปะหล้าไทยประลัยทาบ
มลักบาปมลายบุญ
ถลำมาถลาหมุน
เปรอะโสมมประสมมวล
อีทิสังฉันท์ ๒๐
แต่ละบทลบองคระลองกระบวน
ประสงค์ผงมสะสมสงวน
สง่างาม
กูซิ่แสนสะสวยสลวยฤทราม
เผยอผยองตริครองสยาม
สยายคลุม
ใครผิว์คนละเหล่าละเล้าละลุม
สะพรั่งประชาคณาประชุม
จะฉิบหาย
ซากสรีระกองเพราะสองนิกาย
กระเจิดกระเจิงละเลิงกระจาย
จลาจล
เมืองมิคลายธุมา ผวาทุมนต์
อุภัยพลังก็ยังถลน
ถลึงตา
เหลืองแหละแดงระดื่นทะมื่นประดา
ทแกล้วและโหดละโลดเสาะหา
เหมาะเหตุการณ์
เตรียมประเลงประยุทธ์ประทุษทะยาน
คระโหมกระเหิมคระเมิมประหาร
ประหัตกัน
ในสภาฯ ก็บ้าตะบึงตะบัน
กระสับกระส่ายกระหายกระสัน
สนุกหนำ
อยากจะจัด เลอะรัฐบาลระยำ
สฤษฎิเล่ห์กระเท่ห์กระลำ
กระแหน่ลวง
หวังเกษมกะทรัพย์ ประทับกระทรวง
เฉลียวเฉาะราษฎร์ ฉลาดเฉาะหลวง
มิเหลือหลอ
ตามวิสัยกลีฤมีชะลอ
ประเทศเคราะห์กลุ้ม ละกลุ่มสะกอ
ตะกรามกิน
ไร้ประทีปประเทืองเมลืองประทิน
ทะลักเทวษทุเรศถวิล
ทวีคูณ
มีมิมี ณ รัฐธรรมนูญ
มิต่างอะไรเพราะไทยจะสูญ
จะเสื่อมโทรม!
(๘ ถึง ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
21 พฤศจิกายน 2551 09:24 น.
ตราชู
ขึ้นเมรุเมือง
สิ้นสังคีตหวีดผวาพญาโศก
ก็กรรโชกเสียงชนผู้ฉลชั่ว
เริ่มประโคมโหมกล้าอย่างน่ากลัว
ยุให้รำตำให้รั่วสองขั้วราน
สิ้นโขนเล่นเต้นติงตอนลิงยักษ์
ก็คึกคักเรื่องคนคราอลหม่าน
ก่อระเบิด เกิดระบาดบังอาจพาล
รบเดือดพล่านพัลวันวุ่นบรรลัย
สิ้นภาพหุ่นคุ้นโขคือ โจหลุยส์
คนก็ลุยล้างล่าถลาไถล
พอสิ้นสุนทร์หุ่นกระบอกก็ยอกใจ
คนกลายไปเป็นหุ่นเห็นคุ้นชิน
สิ้นบทบาทนาฏฟ้อนละครนอก
คนก็กลอกกลิ้งใหม่ยังไม่สิ้น
เล่นละครหลอนคนเขายลยิน
ก็หลงลิ้นเริงเล่นโลดเต้นตาม
สิ้นธรรมาวาทะแห่งพระเทศน์
คนเปรตเปรตก็ประกาศมิขลาดขาม
ตระบัดสัตย์ตระบัดสิ้น อาจิณทราม
ทำสงครามคึ่กคึ่กเสียครึกครืน
สิ้นเวลาวาระงานพระศพ
จะซอนซบศพใคร ฤทัยขื่น
อีกกี่ศพกลบฝากฝังซากกลืน
จึงหายหื่นหิวห่าโหงกาลี
พอสิ้นงานการพระเมรุก็เวรหมอง
แผ่นดินพองเพลิงเร่ารอเผาผี
หรือแน่แน่แม่พระธรณี
จะต้องมีกรรมเกณฑ์ ขึ้นเมรุเมือง!!!
(๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑)
19 พฤศจิกายน 2551 10:42 น.
ตราชู
วิปโยคปฐวี
สัทธราฉันท์ ๒๑
ยิ่งยวดรวดร้าวอะคร้าวใน
สหชนคณะไทย
ว้าประหว่าไหว
มนาวรณ์
วิญญาณ ปราณราษฎร์จะขาดรอน
สวนะดุริยสร
แซ่กระแสซอน
เซาะทรวงตรม
น้ำตาบ่าพรายประปรายพรม
กษณะปะทะระทม
ทอยทยอยถม
เทวษเนือง
คำนึงหนึ่งรุ้งผดุงเรือง
วฒนะรุจิระเมือง
คราอุราเคือง
ก็คลายสรรพ์
โดยรุ้งรุ่งวามวิรามวรรณ
ดลปิติอภินันท์
คราญประสานครัน
ก็ครบสี
แสงรุ้งรุ่งเปรมเกษมปรีดิ์
วิยวรภคินี
เชษฐภูมี
สยามินทร์
ถ้วนหน้าการุณย์พระคุณริน
พระกิจธุระระบิล
ฉายระบายฉิน
พระเดชา
คราวรุ้งรุ่งลอยคละคล้อยลา
นิรชุษณนิภา
เปรียบประเทียบครา
ธ ครรไล
สู่แพร้วแก้วกาญจน์พิมานไกล
วิจล ณ ตะละใจ
ใคร มิว่าใคร
คระคร่ำขาน
โอ้เพลิงเอ๋ยเพลิงเถกิงพาน
พะวรสริระลาญ
กรุ่นคุกุณฑ์กราน
กระอุกอุณห์
เผาใจไทยจนละกลจุณ
เพราะอุระอนลหนุน
ตนละตนตุน
อนันต์ตรอม
ฝากใจใฝ่จินตน์ถวิลจอม
ดิลกยศถนอม
ในฤทัยออม
พระองค์อร
สมเด็จเชษฐ์ไท้ชนินทร
วรกิรติบวร
เรืองนิรันดร
ณ แดนไทย
(๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑)
ข้อความฝากทิ้งท้าย
ผมเขียนงานชิ้นนี้ไว้ตั้งแต่วันศุกร์แล้วครับ แต่เนื่องจากคอมพิวเตอร์ที่บ้านเกิดขัดข้องแหละยังแก้ไขโดยช่าง (คือน้องชาย) ไม่เสร็จ ผมจึงนำงานมาลงในวันนี้ ซึ่งเป็นวันประกอบพระราชพิธีบรรจุพระสรีรางคารสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวง ณ อนุสรณ์สถานรังสีวัฒนา ครับผม