22 กุมภาพันธ์ 2556 07:51 น.
ตราชู
เย็นไว้
วงการพระปะเรื่องผ้าเหลืองร้อน
บ้างว่าบรศาสนานึกบ้ากระสัน
สงฆ์รูปหนึ่งซึ่งใหญ่บวชใหม่ครัน
ไม่กี่วันฐานะถึง พระครู
คนพลอยหวาดศาสนานึกว่าเสื่อม
บ้างก็เอือม อปยศ และหดหู่
เล่าระบือลือร่ำพจน์พร่ำพรู
ต่างอดสูกลัวพระศาสน์สะอาดโทรม
ดูก่อนเหล่าเผ่าชนทุกหนแห่ง
แท้แล้วแสงธรรมส่องแม้นถ่องโสม
เมฆปลาตปราศพยับชระอับโพยม
ใครทุ่มโถมทึ้งถอนไป่รอนธรรม
ผู้ใดจิตคิดดีเด่นศรีสุทธ์
ย่อมพระพุทธ์ช่วยชุบช่วยอุปถัมภ์
ผู้ใดฉ้อก่อการสามานย์กรรม
ความระยำย่อมติดชีวิตมัน
อย่าครั่นครื้นตื่นข่าวตามราวเรื่อง
ใครห่มเหลืองเป็นไฉนอย่าได้พรั่น
เรานับถือคือพระธรรมน้อมนำนันทน์
สร้างสุขสันต์สงบในหัวใจเรา
(๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖)
4 มกราคม 2556 13:02 น.
ตราชู
ยายกับตาเย็บผ้าบนสวรรค์
๑. ยินเรื่องหลังครั้งเก่า ยายเล่าว่า
ยายกับตาอัตคัดเข็ญขัดสน
เงินค่อยเก็บ เย็บผ้าเวลาจน
ลูกเจ็ดคนรักษ์เลี้ยงกล่อมเกลี้ยงมา
เรายากใฝ่ไขว่ทรัพย์ถึงนับล้าน
ลูกจงจารจดจำ ของล้ำค่า
สิ่งใดใดไม่อนันต์เท่า ปัญญา
ทรัพย์วิชา แม่พ่อให้ต่อทุน
สู้กรำเหนื่อยเมื่อยเหน็บนั่งเย็บจัก
ส่งลูกรักเล่าเรียนพากเพียรหนุน
ลูกรู้เจตเมตตาความการุณย์
จึงต่างตุนวิทยาประสาตัว
จวบก้าวหน้าสง่าล้ำ มีตำแหน่ง
ก็ด้วยแรงวิทย์อุ้มช่วยคุ้มหัว
ทางชีวาคลาคล่องพ้นหมองมัว
สำนึกทั่วพ่อแม่รักแผ่ปัน
๒.ตาพลัดพรากจากจรไปก่อนแล้ว
ดวงจิตแผ้วพำนักตระสักสวรรค์
พอวันเดือนเคลื่อนผ่านมินานครัน
ยายดับขันธ์ไปประทับคู่กับตา
เพื่อกอปรก่อกรอด้าย เก็บสายเมฆ
มาเย็บเสกทีละเส้นแปรเป็นผ้า
ผ้าพิสุทธิ์ผุดผ่องคือท้องนภา
ทิพย์ภูษาอันอะเคื้ออยู่เหนือเรา
ทั้งตายายหายลับเพียงดับร่าง
วิญญาณพร่างพริ้งเฉิดบรรเจิดเฉลา
ไพโรจน์เรืองเมืองแมนคือแดนเนา
โพยมเพรานั่นแหละผ้าของตายาย
ขอกราบคารวะดวงวิญญาณ คุณยายสุดจิตต์ แซ่โค้ว ยายของข้าพเจ้า ผู้มีพระคุณเสมอมารดาบังเกิดเกล้า ซึ่งล่วงครรไลไปสู่พิมาน เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เวลา ๒๔ นาฬิกา ๔ นาที
จากใจบูชาสูงสุดของหลาน
ชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ
26 ธันวาคม 2555 07:56 น.
ตราชู
คลื่นรมย์
กลอนกลบท ระลอกแก้วกระทบฝั่ง
คิดยุคก่อนขอย้อนกาลห่อนนานช้า
คลอนโยกไทยคลื่นใหญ่ถาเชี่ยวบ้าคลั่ง
โศกนำมา สึนามิ อภิพลัง
น้ำจิตไหลนองใจหลั่งหมดทั้งแดน
มากบุญแสงไม่แบ่งสี ไมตรีหนุน
ช่วยค้ำจุนเฉิดคุณจริงช่างพริ้งแสน
รักอำนวยรู้อวยเนืองดั่งเมืองแมน
สรรค์เลิศนักสร้างหลักแน่นไทยแคว้นเรา
แต่...เดี๋ยวนี้ต่างดีหน่ายเปลี่ยนกลายสิ้น
คลื่นพากย์ลิ้นคล่าวภินท์ลาญร้าวฉานเหย้า
ล้วนบ้าสาปหลอมบาปใส่ด้วยใจเมา
แผกแต่ก่อนผิดตอนเก่าลำเพาพราย
ยาวมากศกยังหมกทราม สงครามสี
ไร้ผลดีราวผีดิบ ย้ำฉิบหาย
เถือหั่นโรมทุ่มโหมรัน ฆ่ากันตาย!
เลือดกำจายแหลกกายจิตไข้พิษซม
หยุดเสียทีแยกสีทำหล้าช้ำยับ
ขอแดสรรพเคียดดับสูญเชื้อกูณฑ์ถม
รักนันทน์ฉ่ำเร่งนำชื่นก่อคลื่นรมย์
หมดแร้วข่ายมวลร้ายข่ม ภพสมบูรณ์
(๒ ถึง ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕)
หมายเหตุ:
กลบท ระลอกแก้วกระทบฝั่ง มีปรากฏอยู่ทั้งในวรรณคดีไทยเรื่อง สิริวิบูลย์กิตติ์ รจนาโดย ท่านหลวงศรีปรีชา (เส้ง) และ ประชุมเพลงยาวกลบทวัดพระเชตุพน ครับ ผมศึกษากลนี้จากหนังสือวรรณคดีไทยทั้งสอง ควบคู่ไปกับเรียนรู้ผ่านงานกวีนิพนธ์ รอยทราย ของท่านอาจารย์วันเนาว์ ยูเด็น ครับผม
18 ธันวาคม 2555 18:02 น.
ตราชู
สิ้นโลก
โลกจะแตกแหลกเมื่อไหร่? เราไม่รู้
แต่แจ้งอยู่ ถ้าฤดีทวีถวิล
ด้วยโมหันธ์ตัณหาห้อมอาจิณ
ก็ไม่สิ้นมายาที่มายวน
วุ่นพะวงหลงคิดยึดติดโลก
เดี๋ยวสุข, โศก สารพันแปรผันผวน
เกิดกิเลสเลศล่อคอยก่อกวน
ย่อมปั่นป่วนเป็นประจำอยู่ร่ำไป
ต่อเมื่อรู้อยู่เพื่ออยู่เหนือโลก
ละทิ้งโภคนานา หยุดคว้าไขว่
ธรรมารมณ์บ่มจิตถอนพิษใจ
ล่วงครรลัยจากชีวิตอนิจจัง
นั่นคือความงามครบบรรสบศานต์
อุปาทานถูกทลาย พ้นข่ายขัง
ไร้พันธะจะผวาพะว้าพะวัง
โลกจะพังหรือมิพังก็ช่างมัน
(๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕)
17 ธันวาคม 2555 18:29 น.
ตราชู
ไป่มี-ปีใหม่
ปีใหม่ยังไป่หมด
เผ่าร้ายคดเพิ่มราคี
เจอภัยคนใจผี
เพียบพูนผิดพ่นพิษพาล
ปีใหม่ยังไป่มุ่ง
ทางแสงรุ่งถ้วนสำราญ
โหงหืนหิวหื่นหาญ
หลามเลวโหดลิงโลดเฮ
ปีใหม่ยังไปมั่ว
หมองหม่นมัวมารโมเม
แทรกแซงซ้อนแสร้งเส
จนไทยส่ำจางธรรมแสง
ปีใหม่ยังไปมรรค-
ที่ไร้รัก โทษร้ายแรง
แลเดื่องทั้งเหลือง แดง
หลากสีด้วยล้วนซวยแดน
ไป่มีสุขปีใหม่
ทั่วถิ่นไทยทุกข์ทับแทน
โทรมทรุดเสื่อมสุดแสน
ร้อนเร่าสุมรึงรุมทรวง!
(๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕)