7 พฤศจิกายน 2547 13:02 น.
ดาหลา & ปะการัง
..ตอนที่ 4
เวลา ผ่านไป 9 ปีแล้ว สินะ
ธีร์ เดิน เอาโต๊ะ สำหรับวาด ภาพ ออก มาจาก รถ นั่งที่ริมทางเดินใกล้ ๆๆ ขอบเขื่อน
แล้ว แต่ง แต้ม สีลง ผืนผ้าใบ
มือ จับภู่กัน ตะหวัด สีสันลง บน ผืนผ้าใบ อย่างมีความสุข พัก ว่างจาก ากรวาดรูป
ธีร์ หยิบ กระติก กาแฟ เท ลง แก้ว อย่างตั้งใจ แล้ว นอน พัก สายตา บน เสื่อ ใต้ต้นไม้ร่มรื่น
นับแต่กลับจาก การรบมา ธีร์ ไม่ เคย ตามหา ผู้หญิงคนที่ นายต้นตระการ ฝากไว้เลย
..ธีร์ หยิบรูป ที่ต้นตระการ ฝากไว้ ก่อนตาย ขึ้นมาดู อย่างพิจารณา ผู้หญิง ขนตางอน สวย ตาสีน้ำตาลอ่อน แตกต่างจาก คนไทย โดยทั่วไป ตาสวยจัง
ธีร์คิดในใจ " ผม ยาวตรง เป็นเงางาม ดั่งขนนก เป็นภาพ ที่ กำลังกอดเด็กชายตัวน้อยๆๆ ในอ้อมกอด อย่างรัก ใคร่ ..ถึงเวลา ที่ต้องออกตามหา แล้วหรือยังนะ ..เธอสวย จริงๆๆ "
และ ตังใจว่าจ ออกตามหา เสียทีเพื่อน เพื่อน
ตะวันเริ่มคล้อย ไป มากแล้ว แสงอาทิตย? ยามอัศดง นั้น งามจับตาจับใจมาก
ธีร์ เก็บอุปกรณื ทั้งหมด แลเว แบกเป้ ป ที่รถ แล้ว ขับรถ เรื่อยๆ ๆ เอื่อยๆ ๆ จาก ที่แห่งนั้น....
ในขณะ ที่ธีร์ ขับรถกลับจากากรวาดภาพ วันนั้น สิ่งที่ไม่ มี ใครคาดคิด
ทางโค้ง จุดนั้น .เวลา เท่าไหร ไม่รุ้ .
เสียงรถ ชนกับหินข้างทาง เสียงดังกึกก้อง แล้ว สติของธีร์ก็ดับลงไป
.พร้อมกับ เห็นภาพ ต้นตระการที่ กำลังเดินกึ่งวิ่งที่ มี ผู้ชายคนหนึ่งเดินนำหน้าต้นตระการไป ยัง ที่ ใกล้เกิดเหตุ.....
ธีร์ พยายาม เรียก แต่ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ ผล คนที่มา พาเค้าไป ยัง ที่ไหน ไม่รู้ เงียบ มืด และ วังเวง.....
เอาเราซินายต้นตระการ ใกล้เวลาที่นายจะต้องเข้าร่างที่เราหา ให้นายแล้วนายจะต้องไป ใช้ชีวิต ในโลกมนุษย์ได้แล้ว ธีร์ มองหน้า ต้นตระการ อย่างสำนึก ว่า ยังไม่ได้ ทำหน้าที่ที่รับปากไป แต่ไม่สามารถพูดกันได้ .
ณ.ทางโค้งที่ ต้นตระการ มองเห็นคือ ภาพ ของ รถของธีร์ประสบอุบัติเหตุนั้น ชนกับ ภูเขา สภาพรถ พังยับเยิน และรางของธีร์ ติดกับพวงมาลัย ในสภาพ ที่ ดูย่ำแย่เต็มที
เอาเร็วซิ เอ้า นี่ร่าง นายคนนี้ ที่เจ้าจะต้องไป สิงอยู่ต่อไป
"เร็ว นานต้นตระการ เข้าร่างยายธีร์ และต่อไป เจ้าคือ นายธีร์ "
นายคนนี้ หมด อายุไขแล้ว เค้าเป็นคนที่ข้าไป รับ ผิด ตัวกับเจ้านั่นแหละ
" เอารีบๆๆเข้าสิ .จะได้ ตามเอานายธีรืไป โลก วิญญาณ ซะที ข้าจะได้รีบไป "
ถึงทางโค้ง แห่งนั้น ..........
เหมือน มีแรงดึงดูด แรงมาก จากไหน หรือว่าแรง ผลัก ของ ผู้คุม ไม่รู้ ทุกสิ่งก็ มืด ลงไป
.ณ.บัดดล..
19 ตุลาคม 2547 10:23 น.
ดาหลา & ปะการัง
ปัง !!! เสียงปืนดัง ข้างๆๆหู ธีร์ อีกครั้ง เค้ารีบหันหลังไปดู ก็เห็น ต้นตระการ เพื่อน ในสนามรบของเค้า ล้มลง เลือดแดง ฉานเต็ม อก เค้า ..
ธีร์ รีบประคองเพื่อนใหม่ ในสนามรบ ที่ เพิ่งรู้จัก กันไม่นาน นัก แต่ด้วยอัธยาศัยดี จึงคุยกันถูกคอ
ต้นเคยเลา ให้ธีรร์ ฟังถึงครอบครัว ถึง มณรวี และต้นหม่อน ลุกชาย ให้ฟัง เสมอ เพราะรักครอบครัว มาก ธีร์ ได้รับรู้เรื่องราว มาโดยตลอด แต่ไม่เคยเห็นหน้า หรือรู้จัก เลย ..
เวลานี้ เค้าจะร้องขอความช่วยเหลือ จาก ใครได้บ้างนี่ จึง ได้ พาร่าง ที่โชก เลือดของต้น มาที่พุ่มไม้ ที่ปลอดภัย
ก่อนตาย ต้นได้ ฝาก ฝังครอบครัว ให้ธีร์ ดูแล หาก รอด จาก สงครามนี้ ..ซึ่ง ในเวลานั้น ๆ ๆ ใครจะรู้ว่า จะเหลือ ชีวิตรอดไหม ..
หมอกจาง ๆ ทีต้นเห็น มัน เป็นทาง มัว ๆ ๆมืด ๆ ที่มี คนนำเค้ามา แล้วบอกว่า ที่นี่คือ โบก แห่ง วิญญาณ ที่ เป็นที่รวบรวม วิญญาณ ใหม่ ที่เพิ่งตาย ต้นตระการ มอง ซ้ายขวา แล้ว รู้สึก ถึงความเยือกเย็น จีบขั้วหัวใจ..
ท่านครับ ผมตายแล้วเหรอครับ
ใช่ เจ้าตายแล้ว เราจะพา เจ้าไป ยังบ้าน ใหม่ เจ้า .
แล้วท่านเป็น ใคร เหรอ
เรามีหน้ามี่ นำวิญญาณ จากที่ตายไป ยัง บ้าน รับวิญญาณ อย่าถามมาก เดี๋ยวก็ถึง
เอา ท่านโป่ง ท่านมารับเอานายต้นตระการ อธิการวรัย์ ตาย จากสนามรบ ที่อเมริกา
ท่านโป่งที่ว่า คือ เจ้าหน้าที่ควบคุม รายชื่อ คนตาย ก้มหน้าก้มตา ค้น .ชื่ อ นายต้นตระการ อธิการวรัย์
เอ๊ะ ไม่มีนี่ นาน คนนี้ ยังไม่ถึงเวลาตาย นะ อีก นาน
เอา เจ้าพา มาผิด คน เอาไงดี ท่านโป่ง บ่น พึมพำ
งั้นเจ้าเอา นายคนนี้ ไป ที่บ้าน พักเร่ร่อน ก่อน แล้วค่อยแก้ไขกัน
แล้ว คนนั้นก็พา ต้นไป ที่บ้านหลังหนึ่ง แล้ว บอกกกับเค้าว่า เจา อยู่นี่ไป ก่อน 2-3 วันจะมารับไป ใหม่
แล้ว 2-3 วันของท่านนี่นานไหม อ๋อ 1 วันนี่นี่ เท่ากับ 3 ปีโลก มนุษย์ หา !!! 3 ปี โลกมนุษย์
แล้วนี่ผมต้องอยู่นานเท่าไรละเนี่ย.ต้นร้องเสียงหลง
เออน่า ไม่นานหรอก คนที่พามา ร้องบอก เจ้ารอ อยู่นี่แหละ
แล้วความเงียบก็ เข้ามาปกคลุ่มใจต้นตระการ เหงา เป็นที่สุด ( กลายเป็นผีขี้เหงา )
วันเวลา ที่อยู่บน โลก แห่ง วิญญาณ นี้ เรียบๆๆ เงียบๆๆ ทุกคน ต่างอยู่ ไม่พูดไม่คุยกัน เหมือนโลกมนุษย์
ทำไมนะ เวลา เชื่องช้าจัง ท่านโป่ง ค้นหา ชื่อ ค้า ไม่เจออีก หรือ แล้ว เวลา มีน ผ่านไป ตั้งนาน แล้ว รางกายเค้าก็เน่าเปื่อยแล้ว จะไป อยู่ ไหน ยังไงกัน
16 ตุลาคม 2547 11:26 น.
ดาหลา & ปะการัง
..ตอนที่ 2
คุณมณคะ มีคุณ ธีร์ มาขอพบค่ะ เลขาหน้าห้อง รายงานทางอินเตอร์คอม
มณรวี หนิ้ว หน้า ใคร !!! กัน เค้ามาติดต่อ เองอะไรหรือ
คุณ ธีรื เอางาน ภาพวาด มานำเสนอ ค่ะ
ได้ เชิญ ได้ แล้ว ขอ น้ำมะตูม ร้อน 2 แก้วนะ
ภาพวาด เป็นหัวข้อที่ มณรวี ให้ชายแปลกหน้าเข้าพบ ในวันนี้
สวัสดีค่ะ คุณธีร์ เสียงทักทาย พร้อมกับ ก้าวแรกที่ ชายหนุ่ม เดิน เข้ามา ในห้องทำงาน ของมณรวี
ผม สีดอกเลากรายๆ แต่งตัว ภูมิฐาน ทีเดียว มอง เลยไหล่ ไป คาดเดา เอา ประมาณ ว่าสูง ที่เดียว..
คุณบกว่ามี งานภาพ มาเสนอ เป็นภาพประเภทไหนคะ ภาพ วาด ภาพถ่าย ภาพสีฝุ่น สีน้ำ คะ
ชายหนุ่ม คิดในใจ มณ คุณยังเหมือนเดิมเลยนะ
ชายหนุ่ม เสนอ งาน ด้วย การ ยกภาพวาด ภาพหนึ่ง โดย บอกว่า มันเป็น ภาพ ที่เขียนขึ้นจาก มโนภาพ ของเค้าเองเป็นภาพ วาด ที่มี ต้นกก ที่ มุมสระปลา และ หม้อน้ำมอส ใกล้ๆ กับน้ำพุ เล็ก ๆๆ
แล้ว มีเก้าอี้ ร่ม สวย กางด้วยร่ม ผ้า .
คุ้น ๆๆ นะคะ ภาพนี้..มณรวี คิด ในใจ
มองไม่ ละสายตา รู้สึก ว่า ภาพ นี้ มีแรงดึงดูด ให้ไหลหลง และ ......
ระหว่างที่ มณรวี ชมภาพ อย่างตั้งใจ
ชายหนุ่ม แอบ มองเธอ อย่างจริงจัง คุณยังเหมือนเดิม ทุกอย่าง เลย แม้ว่า วันเวลา ผ่านไป ..
เอาอย่างนี้นะคะ คุณ ธ๊ร์ คุณ ฝากงานไว้ ที่โต๊ะนั้นๆๆ แล้ว ดิฉันจะ พิจารณา งาน ในวัน พรุ่งนี้
ดิฉันจะ ให้เลขา ติดต่อคุณนะคะ ว่าจะ เอาภาพไหน พิมพ์ โปสการ์ด
ขอบคุณครับ งั้น ผม ขอตัว ก่อน สวัสดีครับ ชายหนุ่ม ก้มหัวเล็กน้อย ก่อนออกเดินจากห้องไป
มณรวี มองตาม อย่างที่ รู้สึก ที่บอกไม่ถูก ว่า อะไร ที่ทำ ให้ เธอคิดถึง สามีขึ้นมา
ต้นคะ คุณอยู่ไหนคะ มณรักคุนะคะ คิดถึงคุณมากๆ ๆ ด้วย รู้ไหม
เพียงแค่คิด น้ำตาก็ รื้อ มาอย่าง ง่ายดาย.ต้นจ๋า ต้นอยู่ไหนนะ.
ผู้ชาย คนนั้น ผม สีดอก เลาจาง ๆ อายุน่าจะมากกว่าเรา สัก 3 ปี ท่าทางเค้าดูดี ทีเดียว หน้าคม ผมหยักโศรกนั้นทำให้ ฉัน คิดถึงรึ ไม่ ใช่หรอก เค้าเป็นคนวาด ภาพ สวย ภาพนั้น ตะหาก
คืนนี้ เป็นคืนที่ มณรวี หลับได้ยาก ยิ่งนัก .จึงเดินออกมา ยืน ริมหน้าต่าง แล้ว คิดถึง ภาพ ที่เห็น ตอนเช้า
เอ๊ะแสงจันทร์ สาด สิ่ง มา ที่สระหน้าบ้าน เอ๊ะ1 มณรวี อุทาน อีกครั้ง
ทำไม ช่างไม่แต่ต่างจา ภาพว่าเมื่อช้านั่น !!! ทำไม เกิด คำถาม ในใจ
คนไม่รู้จัก กัน ทำไม จึง มีมโนภาพ ที่เหมือนบ้าน ฉัน วันนี้ เก่าๆ ๆ นั่นหล่ะ แล้วคิดถึงต้นตระการ อีกครั้งจนกระทั้ง เผลอหลับๆไป
14 ตุลาคม 2547 18:18 น.
ดาหลา & ปะการัง
"มณครับ ต้นว่า มณ เอา อ่างน้ำพุไว้ตรงซ้าย มุมบ้านไหม
เวลา มณมองจากห้องนอนของเราจะได้เห็นไง "
"มณ ครับ อ่าปลา เล็ๆๆ ของเราเสร็จแล้ว "
ฉันหันไป ดู อด ขำไม่ได้ ต้น หน้าตามอมแมมแต่ยิ้ม ฟันขาว น่ารักเชียว
อื่ม ดีจังเลยค่ะ ต้น มณว่านะ บ้านเรานะ ต่อไป จะร่มรื่น
เราจะมีเจ้าตัวเล็ก ๆ นะ วิ่งไป มา นะคะ ที่รัก
....นับจาก วันนั้น จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว ที่เรา ยังมีหัวใจ ระลึกถึงกันอยู่ หรือ เปล่านะ
ซึ่งฉันไม่มั่นใจนัก เพระ นับแต่ ต้น ไป ทำการที่ หน่วยการรบพิเศษที่ อเมริกา
เป็นเวลา 5 ปีแล้ว ฉันไม่เคยได้ข่าวของเค้าเลย
ฉันนั่ง มอง สระปลา ที่ เค้ากับฉัน แต่งแต้ม ให้เป็น วิมาน
มีหม้อน้ำ ที่เรา ซื้อมาจาก ทางภาคเหนือ เอามา แปะ ด้วยมอส ทำให้มันชุ่ม
อยู่ตลอดเวลา สีของมัน ชุ่ม ตามยามที่ได้มอง
ใต้ น้ำตก เล็ก ๆ นั้น มี ต้นใบบัวบก ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ
โดยที่ฉันไม่รู้หรอก ใครเอาฝากไว้
แต่มัน ออกดอด สีม่วงอ่อน ๆ ตัดกับใบเขียวๆ ๆ ของมัน ช่าง ลงตัวอะไรเช่นนี้
ในสวนหน้าบ้านของฉัน เราจะมีเก้าอี้ ไม้ สำหรับนั่ง ดื่ม กาแฟ
กางจ้องผ้าเมืองเหืนื่อ ที่เรียกจ้อง เพราะ มีลักษณะ คล้ายกับร่มบ้านเรา แต่ อัน ใหญ่ มาก
บรรยากาศ ที่เรา จิบกาแฟ หยอกล้อกัน ในวันหยุด
มันไม่ได้ลบเลือน ไป จาก ความทรงจำของฉันเลย ....
ต้นคะ คุณ อยู่ที่ไหน นะคะ คุณจะรู้ไหม ว่าฉัน คิดถึงคุณมาก
ฉันนอนร้องใหม้เพระว่า คิดถึงคุณ ทุกคืน ฉันสวด มนต์ ภาวนา ขอพระเจ้าคุ้มครองคุณ
ให้ปลอดภัย
ลูกต้นหม่อนของเรา โตวันโตคืนนะคะ คุณรู้ไหม
มณรวี ซบหน้า ลง บน ฝ่ามือ ร้องให้เงียบๆๆ ที่ ริ่มหน้าต่าง นั่งเอง.....
" แม่ค๊าบ แม่" " แม่อยู่ไหนครับ "
" แม่ค๊าบ หม่อนกลับมาแล้วครับ หม่อน มี อะไรมาฝากแม่ด้วยน้า แม่อยู่ไหนครับ"
เสียงหนุ่มน้อย วัยไม่เกิน 24 ปี ร้องดัง มาจาก หน้าบ้าน
แม่ครับ แม่ มานั่ง ร้องให้ คิดถึง พ่อ อีกแล้ว ใช่ไหมครับ แม่
ไม่เอาน่า แม่ครับ เดี๋ยวพ่อก็กลับมา หม่อน คิดในใจ เค้าปลอบ แม่ ด้วยประโยคนี้ มานาน กว่า 10 ปีแล้ว
และยังไม่เคย เห็นแม่ คลายเหงาสักที
แม่จ๋า หม่อน มีอะไรมาฝาก แม่มณจ๋า ด้วยนะครับ มาเร็ว ออกมาดูกัน แม่จ๋า หลับตาน้า
หม่อนค่อยๆๆ จับ มือฉัน แล้วเดินออกไป ที่ห้องรับแขก แล้วนั่ง หลับอย่างนั้น
ชายหนุ่ม คลื่ อะไร เบา ๆ แล้ว คลุม ที่ไหล่เธอ ฉันค่อยๆ ๆ ลืมตา สี สวยๆฟ้าเหลือบม่วง อ่อน ที่ เธอชอบ
ต้นหม่อนเพิ่งกลับ จาก เชียงใหม่ เค้าจะไม่ลืม ที่จะหา ของ ฝาก ฉันเสมอ
นับแต่ เค้าจากฉันไป เพื่อรับใช้ชาติ ฉันก็มีเพียง ต้นหม่อนที่ อยู่ เป็นคู่ใจมาโดยตลอด
ฉัน กอด ลูกชาย สุดที่รัก แล้ว ยิ้ม .เคาเป็นความภูมิใจ ของฉันเสมอมา
4 ตุลาคม 2547 18:38 น.
ดาหลา & ปะการัง
"ตอนทำนา ข้าชื่อ ดาวเรือง
พอเข้า ในเมือง ชื่อข้าเฟื่อง เลื่องลือ
เป็นดารา หน้าปก หนังสือ เออ เอ้อ เอิง เอ่ย ......
เสียงเจื้อยแจ้ว ของแม่สาวย้อย ผมหยิกหย่องร้อง มาแต่ไกล
ทุก ๆ วัน ฉันจะได้ยินเสียงใสๆ ๆ ของเธอเสมอ
ไม่ช้าก็ เย็น จะเป็นประจำ ทุกวัน
วันไหน ไม่ได้ยินจะรู้เหมือนขาด อะไรไป สัก อย่างหนึ่ง ของชีวิต
" จ้อย จ้อย เอ้ย ตักน้ำ มาเติมโอ่ง หลังบ้าน ให้แม่ด้วยนะ เดี๋ยวแม่ไป ตลาด ก่อนเดี๋ยว ตลาดวาย "
"จ้า แม่จ้า " เสียงแม่จ๋าของ จ้อยตะโกนขัดจังหวะ การ ฮัมเพลง
แต่มันไม่ได้ ทำ ให้ เด็กหญิงจ้อย ไม่พอใจ
เพราะเธอจะได ฝึกร้องเพลง เพื่อทดสอบเสียงในโอ่งที่แม่ไม่ยอม ให้ ทำเพระ กลัวว่าจะจมน้ำ
เด็ก น้อยยิ้มแก้มแทบปริ แล้ว หยิบ ถัง 2 ใบและ ไม้ไผ่ ที่ทำ เป็นคานหาม ขึ้นบ่า ....
ทุ่งนาแดนนี้.....ฮึม ๆ ๆ โอ้ลันล้า ลันล้า....
วันแล้ววันเล่า ชีวิต ของจ้อยเติบโต ท่ามกลาง ความรัก และ ความสุข
เวลานี้ จ้อยเป็นนักร้องของโรงเรียน
และ สร้าง ชื่อเสียงให้ พ่อ และแม่ มาโดยตลอด
ร้องเพลง งานวัด ก็จะได้ รางวัล กลับบ้านเสมอ
สร้างความภูมิใจ ให้พ่อ แม่ ตลอดมา
แต่ จ้อยก็ มี เพื่อน ชื่อน้อย อีกคน แต่ไม่สนิท กันมาก นัก น้อย มีครอบครัวที่ ไม่ถึงกับจนแต่ ก็พอ มีพอ กิน
น้อยเสียงใส เหมือน จ้อย แต่ ด้วยความที่ฐานะราบครัวไม่เอื้อ อำนวย
จึงแอบอิจฉาและ แข่งขัน จ้อย อยู่เนืองๆ ๆ
"เฮ้ย ไอ้ จ้อย โว้ย มึงเห็น ยังวะ ที่ ตลาดใหญ่ ในเมือง เค้า จะมีการประกวด นักร้อง เสียงทอง โว้ย"
" กูเห็นอีน้อยมันก็ ซุ่มว่ะ มันบอกกูว่ามันจะเอา ชนะมึง ให้ได้ " โอ่ง สาธยายให้จ้อย ฟัง
จ้อยนั่ง คิด " แล้วนี่จะ ต้อง ฝึก ซ้อม ให้ มากกว่านี้ "
ไม่งั้น พ่อแม่อาย แน่เลย
หลังจากนั้นเพลง ....... ตอนทำนา ข้าชื่อ ดาวเรือง
พอเข้า ในเมือง ชื่อข้าเฟื่อง เลื่องลือ
เป็นดารา หน้าปก หนังสือ เออ เอ้อ เอิง เอ่ย .
.....ก็ดังเจื้อยแจ้ว ทุกวัน เช้าสายบ่ายค่ำ เท่าที่มีเวลา
น้ำเสียงของจ้อยไม่เป็นรอง น้อย เลย .....
วันที่ 15 เดือน หน้า งานวันเดือนเพ็ญ
จ้อย กา ปฏิทินเอาไว้ มองมัน ทุกวัน.........
ที่ หน้า ร้าน โกเฮง ที่ตลาด มี ป้าแม้น และ ป้า อ้อย นั่ง คุยกัน ถึง เรื่องการประกวด
ไอ้ โอ่ง มันไป แอบฟังแล้ว วิ่งรี่ มารายงาน เจ้าจ้อย ว่า เอ้ย ไอ้จ้อย โว้ย มึง มึง มึง รู้ รู้ รู้ ไหม
เสียง ไอ้โอ่ง ตะโกน มาแต่ไกล แถมยังหอบแอ๊กๆ ๆ เหมอนลุกหมาอีก
จ้อย ถาม โอ่งด้วยความสนใจ ว่ามีอะไร เหรอ วิ่งซะ หน้า ตื่นเลย
จ้อย เพลงที่เค้าบังคับ ประกวด มึงรู้ไหม เพลง อะไร แล้ว เค้า ให้ร้องเพลงที่ ไม่ ถนัด ที่เค้า เลือก ให้ 1 เพลง ด้วยนะ แกต้องร้องเพลง ประกวด 2 เพลง
จ้อย ส่ายหน้าแล้วพูดว่า ไม่รุ้หรอก
โอ่ง รีบยืด ตัว บอกไปว่าเพลง ดาวเรื่องดาวโรย เป็นเพลง บังคับ ที่ต้องร้อง
เย้ เย้ เพลง โปรด ของฉัน จ้อย ร้องเสียง ดัง ด้วยความดีใจ
แต่..แต่ แต่ ว่าเพลง 2 นี่เอ็งไม่ถนัดนะเว้ย แต่มันเป็นเพลงโปรด ของ นังน้อยมัน
เพลง ไรวะ ก็ เพลง มนต์รักลุกทั่ง..ไง จ้อย ทำหน้า มุ่ยเลย เพลงนี้ แต่ไหนแต่ไร ร้องไม่ได้เลย ไม่ ถนัด มากๆๆ
เอาน่า ไง ก็ต้อง ทำ ดีที่สุด
เพราะ กติกา จะต้องร้อง ให้ ผ่านทั้ง 2 เพลง แล้วคัดไปเพียง 2 คนที่ จะเข้าไป ประกวด รอบ 2 ที่ บางกอก
หลาย ๆ ๆวันต่อมา ถึงวันงาน แล้ว จ้อย และน้อยต่าง ตื่นเต็น กัน มาก
.สวัสดี พ่อ แม่พี่น้อง ชาวบ้าน หนอกกระทิงโทน ที่เคารพ.
วันนี้เป็นวันงานประจำปีของ อำเภอเรา ได้ จัด การประกวด ร้องเพลงเพื่อ
คัดเอาไป ประกวด เพื่อชื่อเสียงของ จังหวัดของเรา
วันนี้ มีนักร้องมาประกวด ทั้งหมด 15 คน เราจะเริ่มกันเลยนะ ..
นักร้องคนที่ 1จะมาร้องเพลง บังคับคือ ดาวเรื่องดาวโรย..
เวลา ผ่านไป นานเท่าไร ไม่รุ้ จน กระทั้งจ้อยได้ยินเสียงประกาศ ชื่อน้อย ซึ่งเป็นหมายเลข 10 ไป ร้องเพลง
เสียงปรบมือ ดังเนืองนอง จน จ้อยรู้สึกแป๋ว ในหัวใจ..
มือ เย็นเฉียบ ..ทำไงดีนะ .เสียงน้อย ร้องเพลง ที่ ไม่ได้บังคับ คือ มนต์รักลุก ทุ่ง..หอมเอยหอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง .เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาหญ้านาง
มองเห็นบัวสล้างลอยปริ่มริมบึงอยากจะเด็ดมาดอมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยค่อย ก็เอื้อมไม่ถึงอยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้าเจ้า .บัวตูมบัวบาน .
เสีย ปรบมือ จบไป นาน แล้ว จ้อย ยัง ยืนตัวนิ่ง ๆ ๆที่เดิม เพราะว่า น้อยร้องเพลงนี้ได้ ดีมาก
จน จ้อยรู้สึก ว่า น่าจะ ยอมแพ้ไป เลย เพราะ สุ้ไม่ได้แน่ ๆ ๆ
ท่าน ผู้ชมขอรับ..เสียงโฆษก ประกา
ถึงเวลาที่เราจะได้ พบ กับนักร้อง เสียง ทองประกวดราย สุด ท้าย นะขอรับ
เด็ก หญิงจ้อยฉัน ได้ยินเสียงแม่ กระซิบมาจากไหนไม่รุ้
สู้โว้ยนังจ้อย แม่เชียร์ ขาด ใจ ..แค่นี้ รอยยิ้มก็ระบาย เต็มหัวใจและใบหน้า .
ก้าว ขา ขึ้นเวที อย่า อง อาจ