13 มกราคม 2549 21:35 น.
ดาวอังคาs
ฝนที่ตกลงมาเริ่มซาเบา
หยิบกระเป๋ากีต้าร์สะพายไหล่
ผีเสื้อสาวชุดดำออกย่ำไป
ที่จะได้เงินตรามาจุนเจือ
ผีเสื้อสิงห์มือซ้ายร่ายกีต้าร์
ตาม คลับ-บาร์ ด้วยหวังยังคงเหลือ
อคูสติค ร๊อค-บลูส์ มิรู้เบื่อ
เสียงแหบเครือทุกคืนต้องฝืนทน
เป็นที่เดิมตรงนี้ที่ฉันนั่ง
ด้วยเปี่ยมหวังรู้จักกันสักหน
ผีเสื้อสาวหน้าใสไม่เคยยล
เธอเพียงสนแต่บทเพลงบรรเลงไป
ฝูงปิศาจสุราคราเมาแอ๋
เสียงอ้อแอ้ "ออฟเจ้า คิดเท่าไหร่"
ผีเสื้อยื่น "นิ้วกลาง" ส่งฉับไว
เงียบเสียงไอ้ปากดีพวกขี้เมา
เธอจะเป็นเยี่ยงนี้กี่คืนค่ำ
ถูกเหยียบย่ำหยามหยันมันน่าเศร้า
ในหัวใจผีเสื้อคงเหลือเดา
อาจเงียบเหงาเดียวดายไม่เหมือนเพลง
จะบินต่อไปไหนในคืนนี้
หวั่นจะมีคนเมาเขาข่มเหง
อยากจะบอกเธอนั้นว่า "ฉันเอง"
หมายบรรเลงคล้องใจในคีตา
เป็นอีกคืนค่ำนี้ที่มาดู
อยากให้รู้ความในใจปรารถนา
ได้โปรดมองหน้าทักกันสักครา
แม่ผีเสื้อกลางฟ้าแห่งราตรี
10 มกราคม 2549 22:03 น.
ดาวอังคาs
สามสิบสองครบครันอันอินทรีย์
พร้อมเรือนที่สุขสันต์กันลมฝน
ทำงานยังรายได้ไม่กังวล
เกิดเป็นคนยังฝันมุ่งอันใด
ยังความอยากเกินงามมูมมามแย่ง
ข้าวของแพงซื้อหาทำหน้าใหญ่
เงินต่อเงินต่อฝันกันต่อไป
ลืมคราบไคลเหนื่อยยากจากชาวนา
ปัจจัยสี่มีใช้คงไม่พอ
บัญญัติต่อคำใหม่ปัจจัยห้า
หก..เจ็ด..แปด ผุดผันกันต่อมา
คิดเพียงว่าขอสบายกายอย่างเดียว
ไม่เห็นหัวเห็นหูผู้ต้อยต่ำ
หยามยีย่ำสบช่องจ้องเก็บเกี่ยว
ปากยิ่งหมองกลับยิ่งซ้ำย่ำจนเซียว
ถูกเขาเคี้ยวเขาเชือดรีดเลือดปู
เป็นปลาน้อยเสียท่าเสร็จปลาใหญ่
มือไม่ยาวสาวไปไร้ทางสู้
ปิดโอกาสความหวังตั้งคอชู
ด้อยความรู้จึงถูกวางต่างชั้นชน
เสื้อผ้าเพียงบังกั้นกันอับอาย
มีอาหารกันตายให้แรงผล
มีหยูกยากันโรคโศกทุรน
เกิดเป็นคนยังฝันมุ่งอันใด
6 มกราคม 2549 00:35 น.
ดาวอังคาs
ฝนทะมึนตั้งเค้าเงาสีดำ
ใกล้พลบค่ำพิรุณโปรยโรยจากฟ้า
เหยียบคันเร่งเร็วรี่หนีฝนมา
พลันสายตาเหลือบพบร่างข้างทางเดิน
เธอยื่นมือโบกไกวใคร่ร่วมทาง
ไร้ร่มกางสั่นสะทกระหกระเหิน
คงไม่ไหวหนอเจ้าหนาวเหลือเกิน
ต้องเผชิญฝ่าฝนพรำเพียงลำพัง
จึงจอดรับเพราะเห็นใจให้ขึ้นรถ
เพื่อจะปลดทุกข์ทนจากฝนหลั่ง
บอกทิศทางที่ไปซึ่งถึงเรือนรัง
แล้วก็นั่งสนทนามาตามทาง
ตากลมโตช่างงามยามพิศดู
ปากชมพูชื่นตามิซาสร่าง
เรือนใบหน้าดูเปล่งปลั่งทั้งสองปราง
สวยดั่งนางเทพีในนิทาน
ทั้งความคิดความอ่านการพูดจา
แอบศรัทธาเข้าแล้วแก้วหน้าหวาน
เสียงก็ใสไพเราะเสนาะกังวาน
มิช้านานก็ถึงซึ่งเรือนเธอ
เป็นแมนชั่นสวยหรูน้อยผู้คน
อยู่ชั้นบนห้องสุดทางนางเสนอ
โอกาสหน้าฟ้าใหม่คงได้เจอ
บอกลาเกลอคนใหม่ใจคะนึง
นางมีมนต์ใดหนาข้าจึงวุ่น
เพราะใจครุ่นเคร่งนึกระลึกถึง
ดั่งคนบ้าเพ้อพร่ำล้นรำพึง
ให้ติดตรึงจมฝังอยู่กลางใจ
เป็นอย่างนี้เรื่อยมาหนึ่งอาทิตย์
อยากเคียงชิดอีกครั้งนางอยู่ไหน
ที่แห่งนั้นมิเลือนลางยังจำได้
หนทางไปรวงรังเรือนบังอร
ผมมาตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้ที่ซึ่งเจอกันมาอาทิตย์ก่อน
แต่ลืมหลงได้ถามถึงนามกร
รู้เพียงนอนห้องสุดทางอยู่ข้างบน
แต่เจ้าของแมนชั่นนั้นงุนงง
ห้องนั้นคงไร้ใครให้ฉงน
แต่ก่อนนั้นมีอยู่จริงหญิงหนึ่งคน
ถูกรถชนสัปดาห์ก่อนตอนใกล้ค่ำ
ผ่านทางนั้นกี่ครั้งยังมองหา
มองสอดส่ายสายตาช่างน่าขำ
อยากเพียงพบอีกครั้งฝังใจจำ
กี่ฝนพรำไม่เคยเจอเธออีกเลย
5 มกราคม 2549 01:29 น.
ดาวอังคาs
พอเริ่มออกตัวหัวเชิดตั้ง
ฉันนั่งใจสั่นให้หวั่นไหว
แปลกหูแปลกตานภาลัย
มุมมองต่างไปไม่เคยชิน
ฝันใฝ่มานานทะยานฟ้า
สมปรารถนาข้าถวิล
ก้อนเมฆเทียมชิดติดปีกบิน
ธรณินห่างตาคราก้มดู
ข้าคือปักษาเพลานี้
สุดที่พรรณามาขานกู่
ลอยล่องท้องฟ้าชะชื่นชู
เรียนรู้อีกด้านย่านโลกา
ท้องทุ่งเข้มขจีสีเขียวสด
หลั่นลดยอดเขาเงื้อมเงาผา
ปุยเมฆสีขาวเย้ายวนตา
ธาราใสเย็นเป็นทางยาว
ลดเพดานบินถึงถิ่นฐาน
จดจำอีกนานผ่านห้วงหาว
เก็บมาคุยเฟื่องเขื่องฟ้าพราว
เรื่องราวครั้งนี้มิลืมเลือน