19 พฤษภาคม 2548 00:08 น.
ดาวอังคาs
แรง (ที่เคย) บันดาลใจ
แรงนั้น บันดาล ฉันออกเดิน......................แรงนั้น บันดาล ฉันออกเดิน
ถึงวัน หมางเมิน เดินทางไหน ?................ถึงวัน ต้องเหิน เผชิญปัญหา
เปลี้ยง่อย ถอยแรง แล้งใกล้ตาย.................สะสม วันนี้ มีพลา
หมดไฟ ใจล้า จะบ้าเบือน..........................เดินหน้า ถาต่อ ก่อกลอนโคลง
แรงนั้น บันดาล ฉันเขียนกลอน..................แรงนั้น บันดาล ฉันไม่ตาย
แรงนั้น สั่นคลอน หล่อนเชือดเฉือน............ส่องฉัน ฉานฉาย ไม่ตายโหง
เขียนต่อ ไม่ไหว ใจเลอะเลือน..................วันนี้ หายใจ ไม่ลงโลง
ฟั่นเฟือน เถื่อนถ่อย ในถ้อยคาย................ดันส่ง คงขับ ขยับกาย
แรงนั้น บันดาล ฉันคิดนึก..........................แรงนั้น บันดาล ฉันขยับ
หมดความ ลุ่มลึก คึกไม่ไหว......................แรงเก่า ลาลับ ดับความหมาย
ตีบตัน ปัญญา ยิ่งกว่าควาย........................หนึ่งแรง เคยกล้า มาเน่าตาย
หมดเหลี่ยม แพรวพราย ไร้น้ำยา................แรงใหม่ สร้างสรรค์ บันดาลเอง
(คนละ) แรงบันดาลใจ
16 พฤษภาคม 2548 23:07 น.
ดาวอังคาs
โลกายิ่งเพิ่มร้อน..............................ทุกวัน
ฟุ้งเขม่าชะโชยควัน..........................ลิ่วคว้าง
อาเพศฤดูผัน...................................วนมั่ว
เร่งยื่นมือร่วมสร้าง...........................ปลูกไม้ฟอกพิษ
คนพึ่งโลกธรรมชาติขาดไม่ได้
ช่วยสนใจสิ่งแวดล้อมพร้อมเหตุผล
คนละไม้ละมือดูหูตายล
ฟื้นฟูโลกของตนร่วมช่วยกัน
มาแนะนำวิธีที่ง่ายง่าย
อย่าดูดายเรื่องส่วนรวมร่วมประสาน
ช่วยรักษ์โลกของเราให้เนานาน
ฉันจะขานวิธีให้ได้เห็นดู
01> จะเช็ดมือเช็ดไม้ให้ใช้ผ้า
เลิกซักทีพอแล้วหนากับทิชชู่
02> ถุงพลาสติกให้ใช้ซ้ำย้ำให้รู้
ถุงมีหูกองเป็นตั้งล้างเก็บใช้
03> เสร็จดายหญ้ารวบเอามาอย่าเผาทิ้ง
ทำเป็นปุ๋ยได้ดีจริงสุมต้นไม้
04> จะตัดกิ่งแต่งไม้ในคราใด
จงซอยให้เป็นชิ้นน้อยย่อยเปื่อยง่าย
05> ให้ล้างรถด้วยฟองน้ำจากน้ำถัง
ใช้สายยางล้างเปลืองน้ำคงไม่ไหว
06> ดูแลรถให้เป็นนิตย์เข้าจิตใจ
น้ำมันเครื่องเปลี่ยนเสียใหม่ได้ระยะ
เปลี่ยนไส้กรองเสียใหม่ในพร้อมกัน
หรือจะให้ ประหยัดน้ำมัน ให้ดีนะ
เติมลมยางให้พอเหมาะด้วยซะล่ะ
ขับตามเกณฑ์นั้นก็จะ ประหยัดน้ำมัน
07> พลังงานเต็มฟ้ามหาศาล
คือพลังงานอาทิตย์ให้พลิกผัน
เปลี่ยนให้เป็นประโยชน์ได้ไปใช้งาน
สิ่งอันใดถ้าใช้ถ่านก็ผลาญทรัพย์ฯ
08> หมั่นปัดฝุ่นควันคราบจับหลอดไฟ
ความสว่างที่ส่องฉายได้ระยับ
09> ในบ้านช่องห้องหากมากกลิ่นอับ
หาสมุนไพรไว้แขวนรับลมโชยริน
10> มาร่วมใช้หีบห่อธรรมชาติ
เปลี่ยนจากโฟมเป็นกระดาษนิจศีล
จำเอาไว้พลาสติกโฟมจมชีวิน
ทำลายยากกว่าจะสิ้นในชิ้นภัณฑ์
11> ถ่านไฟฉายถ้าชาร์จได้จะดีนะ
ใช้นานกว่าห้าร้อยเท่าเราเปลี่ยนผัน
แบบรุ่นเก่าเราใช้ทิ้งกลิ้งเกลื่อนกัน
จะกลายเป็นขยะมหันต์มหาพิษ
12> ไมโครเวฟจะเซฟเงินกว่าเตาอบ
ต้องเปลืองงบสองเท่าไฟใช้ก่อนคิด
13> ใช้หลอดผอมจอมประหยัดยอดประดิษฐ์
ขับผลิตส่งแสงเก่งเปล่งวาบตา
ช่วยคิดต่อให้ผมด้วยช่วยสรรค์สร้าง
อย่าปล่อยวางห่างเหินเมินปัญหา
โลกเราป่วยโปรดด้วยช่วยเยียวยา
สืบรักษาฟ้างามครามสีเดิม
บทสุดท้ายแล้วหนอขอฝากไว้
ปลูกต้นไม้ให้เป็นปอดฟอกควันเสริม
คนละต้นสองต้นโค่นปลูกเติม
ลงมือเริ่มเพิ่มค่าโลกาเรา
11 พฤษภาคม 2548 21:13 น.
ดาวอังคาs
ขยับเคลื่อนเลื่อนกายใช้ชีวิต
พบทางผิดคิดพลาดอาจฉิบหาย
พบทางถูกพ้นละจากความตาย
เดินเยื้องกรายในโลกาอภิรมย์
ความทุกข์รุกไล่ใจโจมตี
มาบดบังทัศนีย์ความสุขสม
มนุษย์ท้อ มนุษย์ทุกข์ มนุษย์ตรม
มนุษย์ขม มนุษย์เศร้า เคล้าโศกา
ตาหนึ่งคู่ดูใช้ไปจนจบ
ชีวิตพบทั้งเหวชันและปัญหา
พบความจริงนิ่งสดับกลับลวงตา
มีปัญญาล้นหัวตัวกลับจม
จะหลับตาพักกายก่อนนอนใจนิ่ง
หวังจะอิงพิงหลับฝันอันสวยสม
ฝันกลับรุกทุกข์ยังแทรกแอกอาจม
ยัดความขมจมถลำดิ่งกล้ำกลืน
ใครขโมยเสียงหัวเราะเพราะใสพริ้ม ?
ใครขโมยรอยยิ้มพิมพ์แค่นฝืน ?
ใครขโมยดาวสว่างตอนกลางคืน ?
ใครหยิบยื่นปื้นช้ำทางน้ำตา ?
10 พฤษภาคม 2548 00:28 น.
ดาวอังคาs
ทะเลวันวานยังหวานอยู่
มิรู้ความเค็มเข้มสะท้อน
อดีตจิตหวนชวนเว้าวอน
วันก่อนคืนเก่าเฝ้าจดจำ
ทะเลเร่ข้าพามาพบ
บรรจบจิตจับแสนวาบหวาม
โชยชะชุ่มชื้นคืนฟ้าดำ
ขับดาวเด่นล้ำฉ่ำฟ้าพราว
คลื่นซัดพัดฝั่งดังเสียงกู่
คือผู้สุขใจไร้ความเหงา
อบอุ่นสุมไฟใต้ดวงดาว
พร่างพรมสมราวสวรรค์ดิน
ช่วงหนึ่งหนึ่งห้วงหวนจำได้
ผ่านมาผ่านไปให้ถวิล
เวลาผ่านหลังดั่งปีกบิน
ยังแว่วแผ่วยินจินตนา
สะดุ้งพุ่งร่างกลางตอนดึก
อีกคืนปลุกสำนึกในฝันข้า
ทะเลยังสะอื้นตอนตื่นมา
ซัดซ่าชะพรากแล้วจากไป
6 พฤษภาคม 2548 22:44 น.
ดาวอังคาs
พลิ้วลมพัดกวัดไหวใบหญ้าเอน
ล้อลมเล่นพัดกราวเจ้าสะท้าน
โอนอ่อนเฉียงเอียงลู่เย้าเป่านมนาน
ใบบอบบางเกินต้านทานวาตพา
อยู่ท่ามกลางทิวหญ้าธรรมากลืน
แปลกแตกต่างที่ยังฝืนต่างใบหญ้า
บ่สะทกสะท้านไหวใจชินชา
แค่พัดมาลาพัดไปไม่จีรัง
จะให้ไหวให้เอนเช่นต้นหญ้า
คงไม่บ้ากระทำตนดั่งหนหลัง
เคยถูกซัดพัดจนล้มลมโหมพัง
กว่าจะตั้งยันกายเกือบวายวาง
มีพลังข้างในไว้ทานต้าน
ที่เคยผ่านเพียงฝันร้ายไม่ติดค้าง
กระแสลมแว่วหวานใดไม่ซัดพัง
อย่ามาหวังให้ร่างล้มจมคำลวง