3 มิถุนายน 2551 09:56 น.
ดาวระดา
ยุคน้ำมันเชื้อเพลิงแพงแทงทะลุ
ร้าวระอุอกพ่อผู้ก่อฝัน
ค่าใช้จ่ายเรียงรายแต่ละวัน
ทำเอาหวั่นขั้นวิตกปกคลุมใจ
เป็นประมงพื้นบ้านที่หาญสู้
เพื่อเป็นอยู่ปากท้องร่องวิสัย
แม้อดยากปากมันร้องก้องไม่ไกล
จึงสิ้นไร้ใครเห็นเป็นทุกข์แทน
ถึงบางวันต้องงดอดออกฝั่ง
หมดพลังเติมเรือเบื่อเหลือแสน
มองไม่เห็นความสว่างเป็นทางแกน
ความข้นแค้นเข้าเหยียบเยือนเเป็นพื่อนกาย
ลูกต้องเรียนเรือต้องออกบอกลำบาก
ช่างเลือกยากเงินมีน้อยร้อยจุดหมาย
จะให้ลูกเลิกเรียนมันเอียนอาย
ลูกผู้ชายอย่างพ่อขอสู้ทน
30 พฤษภาคม 2551 02:52 น.
ดาวระดา
คบกันมาหลายช่วงล่วงเลยผ่าน
ทั้งน้ำตาลน้ำตาผ่านมาหมด
ความจริงใจที่ให้ไม่ละลด
คำโป้ปดเพียงนิดถูกปิดตาย
ถึงฉันมีทางไปไม่กี่ทิศ
ก็ไม่คิดรอกุหลาบกลีบสุดท้าย
รักไม่รักมักเห็นในนิยาย
อย่าเสี่ยงทายรักฉันมันไม่ดี
ถึงวันนี้ไม่ขอรอเธอเด็ด
จริงหรือเท็จรอไปไม่สุขี
รอความรักกับคำทักช่อมาลี
ใจดวงนี้ของฉันมันสุดทน
29 พฤษภาคม 2551 13:04 น.
ดาวระดา
จวบสองร้อยปีที่อาศัยบนไทยถิ่น
ไม่เคยสิ้นประเพณีที่ยิ่งใหญ่
ฝังรากลึกตรึกตรึงถึงเนื้อใน
ลาวโซ่งไซร้ไม่สิ้นกลิ่นประเพณี
ด้วยมีวัฒนธรรมชี้นำจิต
ลาวโซ่งติดชิดความเชื่อในภูตผี
จึงได้มีงานเสนเรือนเหมือนทุกปี
เรื่องเหล่านี้มีมาแต่ช้านาน
ส่วนความหมายของพิธีนี้มีกล่าว
เป็นเรื่องราวเซ่นสังเวยที่เอ่ยขาน
ลาวเสนเรือนเพื่อสังเวยดวงวิญญาณ
เพื่อลูกหลานได้อยู่เย็นเป็นสุขใจ
ผู้ที่ขาดไม่ได้ในพิธี
ท่านผู้นี้คือ หมอเสนในสมัย
ท่านติดต่อกับภูตผีในภพไกล
ติดต่อให้ส่งสารเข้าบ้านตน
ห้องพิธีมีชื่อ กะล่อห่อง
เป็นชื่อห้องร่ายคาถาอย่าสับสน
ให้หมอเสนเข้าใช้ไม่ปะปน
กับผู้คนในพิธีนี้แยกกัน
หลังจากเสร็จพิธีมี ส่องไก่
จับจ้องใจในคำข้อหมอพลิกผัน
ชะตาชีวิตเป็นอย่างไรในคืนวัน
ภายภาคนั้นอาศัยตีนไก่ให้คำทาย
28 พฤษภาคม 2551 13:05 น.
ดาวระดา
ฉันเหมือนตื่นขึ้นมาหลั่งน้ำตาเล่น
เป็นวรรคเวรเจ้าน้ำตาที่บ่าไหล
เช็ดยิ่งหลั่งซับยิ่งหล่นมันจนใจ
เปื้อนข้างในใช่แล้วดวงแก้วเอย
หากแม่รู้เรื่องเราเขาคงโกรธ
จะขอโทษอย่างไรไม่เฉลย
ยิ่งคิดซ้ำยิ่งย่ำระกำเกย
โธ่ แม่เอ๋ยป่านนี้มีกังวล
ถึงลูกมีคนปลอบอยู่รอบข้าง
ยังอ้างว้างเดียวดายไม่คลายหม่น
เรื่องท้องไส้ยิ่งใหญ่ในกมล
ความสับสนปนกลัวไปทั่วกาย
หลังจากตื่นคืนนี้ต้องทำแท้ง
มันหมดแรงแรงมันลดหดสลาย
บอกตามตรงลูกคนชั่วกลัวความตาย
รู้เมื่อสายแม่คงช้ำระกำทรวง
27 พฤษภาคม 2551 13:01 น.
ดาวระดา
เสียงไก่ขันขานรับอรุณแจ้ง
ผจงแต่งตะเบ็งเสียงอันใสใส
เป็นบทเพลงนาฬิกาว่ากันไป
จากเสียงไก่โก่งคอรอแสงทอง
เหมือนอาณัติสัญญาณคนบ้านป่า
ได้เวลาฟ้าเปิดบรรเจิดจ้อง
ลุกก่อไฟในเตาเข้าสุมกอง
ก่อนแสงของสุริยาจะมาเยือน
เสียงไก่ขันตอกย้ำว่าย่ำรุ่ง
กลิ่นคละคลุ้งพร้อมเสียงคนบ่นเฉือดเฉือน
เสียงคนรบกลบเสียงไก่ให้ลางเลือน
เสมอเหมือนสัจธรรมค้ำโลกา
โอ้นาฬิกาเสียงไก่สมัยนี้
แทบไม่มีได้ฟังดังมุสา
เด็กเด็กไม่สนใจในที่มา
ไม่รู้ว่าเสียงไก่เอื้อนเตือนอะไร