5 พฤศจิกายน 2551 01:30 น.

มลพิษทางแสง

ดาวระดา


ท้องฟ้างามยามราตรีต้องแสง 
กระทบแต่งแหล่งหล้าคืนฟ้าสวย 
เอนกคุณหนุนเกื้อเอื้ออำนวย 
ก่อนมอดม้วยดับดิ้นเมื่อสิ้นกาล 

เกิดหมุนเวียนเปลี่ยนผันเพราะจันทร์จ่อ 
อาทิตย์รอก่อแสงสำแดงผลาญ 
ซื่อตรงต่อมนุษย์สุดยาวนาน 
มิคัดค้านคดข้อรอเวลา 

เหนือธรรมชาติวาดไว้ใครหนอบด 
มาคิดคดค้ำคอคงตรงทิศา 
ประดิษฐ์แสงเจิดจรัสทัดนภา 
แสงจันทร์ล้าลอยหล่นดูหม่นไป 

อนิจจาว่าชีวิตติดกับดัก 
ด้วยหลงทักค่ำคืนว่าเป็นฟ้าใส 
วิหคเหิรเดินหลงด้วยจงใจ 
ต้องแสงไฟตายดับเพราะปรับตัว 

อีกมากมายหลายวงจรถูกตอนตัด 
ลองเหลียวลัดตรองดูเถิดทูนหัว 
สิ่งมีชีวิตผิดพ้องต้องหมองมัว 
เพราะเรามั่วสนองตนจนน่าอาย
 				
4 พฤศจิกายน 2551 12:29 น.

นิราศบ่อน้ำพุร้อน

ดาวระดา



ฤกษ์ดีพร้อมล้อมวงประสงค์เที่ยว 
พี่ชวนน้องคล้องเอาลูกผูกใจเดียว 
คล้องแขนเกี่ยวขึ้นรถหมดทุกคน 

มีจุดหมายปลายทางอ่างน้ำพุ 
ร้อนระอุอิ่มอุราในหน้าฝน 
ปิดบ้านช่องห้องหับกำชับตน 
เดี๋ยวแขกขนเอาไปคงไม่ดี 

ถือฤกษ์งามยามสายบ่ายอ่อนอ่อน 
ขับเคลื่อนย้อนตอนใต้ในแผนที่ 
ผ่านแม่กลองคลองบ้านบางคนที 
เห็นสวนมีแมกไม้อยู่รายทาง 

สมดังชื่อเมืองคลองแม่กลองแก้ว 
คลองเป็นแถวแนวไหลไม่เคยสร่าง 
ปลูกมะพร้าวหอมล้อมลิ้นจี่ที่จัดวาง 
ไม่อ้างว้างเดียวดายให้อาดูร 

หากขยันทำกินบนถิ่นฐาน                                                                    
เพียงมินานมั่งมีมิสิ้นสูญ 
เก็บสะสมหลายละลอกย่อมพอกพูน                                                    
เกิดเกื้อกูลเงินงอกเพราะออกแรง 

ไหว้พระนิลมณีศรีสมุทร                  
โบสถ์ท่านผุดผิดแผกแตกแขนง 
 ถูกรากไม้ใหญ่พันรอบขอบสำแดง 
หลวงพ่อแฝงกายอยู่คู่ธานี 

ดังความรักพี่นี้มีต่อเจ้า 
เป็นเหมือนเงาครอบกายไม่หน่ายหนี 
ยังยึดมั่นปันรักและภักดิ์ดี 
รากรักนี้ตรึงมั่นพันใจกาย 

แล้วเข้าเขตวัดเพลงเปล่งเสียงขาน 
ผ่านตำนานคูบัวแล้วใจหาย 
ประวัติศาสตร์ยังไม่สิ้นแห่งกลิ่นอาย 
การโยกย้ายชนมอญยังย้อนรอย 

แต่วันนี้มีตลาดนัดจัดเคียงข้าง                                                              
ดูเลือนรางพรางค่าล้าถดถอย 
ลดตำนานคูบัวสลัวลอย                                                                         
มีไม่น้อยลืมค่าว่าสำคัญ 

เห็นทุ่งนาเขียวเขียวใบเรียวแหลม 
ท้องฟ้าแจ่มแต้มสีดูมีขวัญ 
อยากยืนเคียงเนียงน้องมองตะวัน 
ไม่ถูกกั้นกล่องใจใกล้ชิดชม 

ถึงปากท่อท้อใจไม่เห็นน้อง 
คนเคยครองครองคู่ดูขื่นขม 
มันเจ็บปวดรวดร้าวสาวตาคม 
โศกเศร้าตรมห่มนิยามสุดย่ามใจ 

รถแล่นผ่านย่านเขตเขาลำเนาเถื่อน 
เห็นบ้านเรือนบางตาคนอาศัย 
เป็นชนบทขดเขาลำเนาไพร  
เห็นชาวไร่ไล่วัวกลัวรถชน 

แสงจากฟ้าที่ส่องดูหมองแล้ว 
ดูมีแววแว่วมาเสียงฟ้าฝน 
มิทันใดไหลหลั่งดั่งใจดล 
เม็ดร่วงหล่นบนฟ้ามาทันที 

ด้วยจุดหมายไม่ถึงจึงไปต่อ 
ไม่ได้รอฝนหยุดผุดแสงสี 
ละสายตามามองพวกน้องพี่ 
หลับฝันดีเมื่อใดไม่รู้เลย 

เหลือคนขับกับเราเฝ้ามองทาง 
ดูอ้างว้างห่างนุชสุดเฉลย 
ขาดเนื้อนางซบอิงพิงแนบเกย 
โอ้อกเอ๋ยเคยเคล้าเจ้าพธู 

ถึงบ้านคาเหมือนคาใจไม่สิ้นสุด 
ร้าวสะดุดผุดกลางใจให้อดสู 
ห่างคนรักเหมือนน้ำขาดปลาปู 
มีร่างอยู่ดูสิ้นในวิญญาณ 

อีกอึดใจก็ทะลุน้ำพุร้อน 
แสงแดดอ่อนอ้อนอิงพิงขนาน 
ส่องอาบไล้ไพรพงดงตระการ                                                               
แว่วหวีดหวานเวียนวนระคนครวญ 

เห็นน้ำผุดผ่านหินดินดานด้น                                         
ช่างแยบยลเย้ยหยอกซอกกำสรวล 
นาทีทับจับเวลามาทบทวน                                             
อย่าเพิ่งด่วนท้อใจดูนัยยะ 

ต้องเตรียมตนต่อเติมเพิ่มเหมาะมั่น                                                        
อย่าหวาดหวั่นท้อไปในขณะ 
กล้าเผชิญเดินหน้าอย่าลดละ                                                    
ชัยชนะจะเยือนเป็นเพื่อนเอย 
				
6 กรกฎาคม 2551 03:06 น.

ปั่นเพื่อฝัน

ดาวระดา

attachment.php?attachmentid=40446&stc=1
ด้นทางเทียวเกี่ยวฝันเพื่อฟันฝ่า 
ด้วยสองขาหนึ่งใจขึ้นไต่ฝัน 
สองเท้าถีบรีบเร่งอย่างเร็วพลัน 
มาดหมายมั่นขั้นศึกษามาเป็นทุน 

ปั่นสองล้อด้วยแรงปรารถนา 
ด้วยใจกล้าหลอมเกลียวมาเกื้อหนุน 
สมทบใจสมทบกายให้สมดุล 
ลุกใช้ทุนสองเท้าก้าวเดินทาง 

ระยะทางห่างไกลหลายพันเมตร 
ด้วยมีเจตจดจ่อรอสะสาง 
ความเขลาขุ่นขอดหายกลายจืดจาง 
สู่รุ่งสางแสงทองผ่องอำไพ 

แม่สอนว่าอยากได้ดีต้องมียาก
ทนลำบากตอนนี้มีแก้ไข
ฝนที่ตกตอนเช้าเดี๋ยวหายไป
แดดรำไรส่องทางให้ย่างเดิน

ด้วยคำปลอบหอบฝันสู่วันหมาย
ด้วยเชิงชายทำสิ่งใดไม่ผิวเผิน
ด้วยใจแกร่งแข่งทุกข์ที่เผชิญ
ด้วยบังเอิญเขตหัวใจที่ใฝ่ดี

ขอบคุณจักรยานที่หาญรบ
แม้ต้องพบงานปั่นหลายพันลี้
เจ้ายังทนมาได้ตั้งหลายปี
แม้จะมีเกี่ยงบ้างเพียงบางครา


ขึ้นชื่อใฝ่ดีแม้มีอุปสรรค
มาขวางกักเพียงใดไม่กังขา
ถึงจะผ่านการไหลน้ำในตา
ได้วิชาเป็นแกนแสนคุ้มทุน
				
3 กรกฎาคม 2551 16:14 น.

ฝนหล่นหลังคาแฝก

ดาวระดา

x1poKKs0nDau6K8bmn-rIXMVvTSe1KIsrcVQTyvU
ฝนรินหยดรดชายคาหญ้าแฝกฝา 
หยดน้ำตาข้าโถมถั่งดั่งสายฝน 
ความทุกข์ทิ่มลิ่มใจให้เวียนวน 
ยากหลุดพ้นหนทางรื่นชื่นอุรา 

หวนรำลึกตรึกตรองยิ่งหมองยับ 
มาขยับจับใจให้ผวา 
เคยมีแม่อยู่เรียงเคียงชายคา 
คอยดูฝนหล่นฟ้ามาสู่ดิน 

แม่เคยรองรับฝนที่หล่นไหล 
เก็บกักใช้ไว้เผื่อเมื่อฝนสิ้น
แต่วันนี้สายฝนคลั่งที่หลั่งริน  
ไร้แม้กลิ่นคนรองน้ำระกำทรวง 

ปล่อยให้ฝนหล่นหายชายคาแฝก
แล้วค่อยแทรกสู่ดินสิ้นคนหวง
หากแม่อยู่คงเร่งเพ่งตักตวง
เพราะความห่วงน้ำหมดอดทั้งครัว

ขอบพระคุณเจ้าของภาพด้วยนะครับ
				
2 กรกฎาคม 2551 13:10 น.

เล่นน้ำหน้าวัด

ดาวระดา

495065884_fdb732c8b6.jpg
สายธารเทียวเลี้ยวผ่านหน้าลานวัด 
เด็กน้อยนัดลัดเล่นว่ายให้กายฉ่ำ 
ลงกระโดดโลดโผนกระโจนดำ 
ลงเหยียบย่ำโคลนเล่นเป็นสุขใจ 

คอยระวังหลบเรือเมื่อแล่นผ่าน 
เกรงประสานเรือลากยากแก้ไข 
สัญชาตญาณขานรับให้หลบภัย 
ถึงแม้วัยยังเยาว์เจ้าใคร่ครวญ 

บ้างขึ้นปีนต้นแสมแลกระโดด 
ช่างลิงโลดแสนสุขใจไม่กำสรวล 
เสียงคนลุ้นด้านล่างพ่างเชิญชวน 
ขดตัวม้วนหวีดหวิวสู่ผิวธาร 

ส่วนหลวงพี่นี้หมายมาหักห้าม 
เดินมาปรามย่ามใจใครจะหาญ 
มาต่อกรกับคำสั่งฝั่งสมภาร 
มิได้ต้านค้านขอรอเวลา 

จำใจแยกแตกกันในวันนี้ 
โอกาสดีมีถึงจึงค่อยหา 
จึงค่อยพบสบกันอย่าโศกา 
หากหลวงตาไม่อยู่ได้รู้กัน 
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟดาวระดา
Lovings  ดาวระดา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟดาวระดา
Lovings  ดาวระดา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟดาวระดา
Lovings  ดาวระดา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงดาวระดา