6 กรกฎาคม 2555 16:11 น.
ดาริกานต์
บนเวทีอภิปราย
อักษราเรียงรายความหมายล้อม
มาสู่ห้วงท้วงติงความจริง- ปลอม
เพื่อนำน้อมความรู้มาบูชา
บนเวทีอภิปราย
ใครหนอจุดประกายความหมายว่า
จะชิงดีชิงเด่นเป็นราคา
เพื่อรับค่าแก่งแย่งมาแบ่งปัน
ทิ้งความวุ่นวนอยู่รอบราย
ทิ้งภาระสุดท้ายที่หมายมั่น
จะจับมือโดยดีไม่มีวัน
เพื่อจะก้าวไปด้วยกันเหมือนก่อนเคย
มองไม่รู้ ดูไม่เป็น
วิจารณญานไหวเร้นเป็นความเฉย
ลับ ลวง พราง หลอกล่อขอชมเชย
สักแต่รอคำเอ่ยมาเผยความ
ต้องการความจริงไหม...ไม่อยากรู้
จุดยืนนี้ใครอยู่...ไม่อยากถาม
ถึงความบริสุทธิ์ใจ...ใครนิยาม
เพื่อให้ติดให้ตามความเป็นคน
คือข่าวสารคือบ้านเมือง
ซึ่งเป็นเรื่องขื่นใจใครทุกหน
การก้าวผ่านเส้นรุ้งแวงแบ่งตำบล
ก็ไม่เคยหนีพ้นการชนกัน
ฉลองจนชาชินความบิ่นบ้า
ดูเสียจนระอาความดื้อรั้น
ปี้ป่นจนวายป่วงทุกช่วงวัน
หรือนี่คือของขวัญกำนัลมา
ให้ได้วาดวิมานในอากาศ
จากหมู่ชนที่เป็นทาสแห่งปรารถนา
สงบสุขหรือรวยทรัพย์อัปราฯ
จะเป็นผีนิทราหรือซาตาน
6 กรกฎาคม 2555 11:38 น.
ดาริกานต์
ใครจุดไฟขึ้นกลางฟ้า
เทียบแสงดาราเริงไสว
ในคืนมืดมิดแห่งจิตใจ
ดวงไฟร่วงหล่นท้นดวงตา
ดาวไฟกล่อมใจฝัน
เนินนานอยู่อย่างนั้นนะขวัญข้า
นิ่งสนิทแหงนมองบนฟองฟ้า
เก็บเปลวสีลงมาอยู่แนบใจ
ไม่เงียบเหงาอีกแล้วนะค่ำนี้
กับคืนวันแสนดีมีได้ใหม่
มองรอยทางย่างก้าวสู่ดาวใด
ก็เหลือรอยวูบไหวในแววตา
เจ้าสวยและงดงาม
ชื่นใจในนิยามปรารถนา
ที่รอหวังเก็บกลืนจะคืนมา
ณ ขณะลีลาอันพร่าพราย
หวังยังไม่สิ้นจินตนาการ
ฟอนไฟแห่งกาลเจ้าโชนฉาย
ระยิบระยับเกลื่อนฟ้า ดาราราย
พลันแสงเจ้าสลายในพริบตา
เพียงชั่วครู่ของความงาม
ที่แต่งเติมในนิยามความรักข้า
เพียงลมลูบวูบเดือนก็เลือนลา
ตีราคา รัก หลอก ดอกไม้ไฟ
2 กรกฎาคม 2555 20:23 น.
ดาริกานต์
" เเทบฝั่งธารที่เราเฝ้าฝันถึง
เสียงน้ำซึ่งกระซิบสาดปราศจากเสียง
จักรวาลวุ่นวายไร้สำเนียง
ฤา โลกเพียงแผ่นภพสงบเย็น"
จิบน้ำใจกลางจันทร์ ตะวันส่อง
แหล่ะหมายมองท้องนภา สุดตาเห็น
ฝ่าพายุครืนคร่ำ ร่ำกระเซ็น
ดาษกระเด็นสู่ห้วงแห่งดวงใจ
ดุจเคลื่อนผ่านธารนที สีทันดร
ล้าแรงอ่อนเกินกำลัง ยังฝั่งไหน
จากคนผู้ดิ้นรนจนปราชัย
ขอพานพบโอบไหล่ไออรุณ
หนาวน้ำตาหลั่งนองปริ่มสองแก้ม
มาจะแรมลมบางจางๆอุ่น
มวลมาลีแทนคำตอบลูกขอบคุณ
ในการุณบำราศปราศโรคา
............................................................