5 ธันวาคม 2547 00:35 น.

รวมใจจงรักเจ้า...จักรี

ณ ภาณุ

แสงพระเกียรติผ่านเผ้า......ภูมิพล
สาดยิ่งแสงสุริยน.................	.ส่องฟ้า 
กำจายกล่อมใจชน................แจ่มชื่น
คือร่มรัฐฉัตรหล้า..................แผ่ล้อมพลเมือง

  เรืองธรรมพระผ่องแผ้ว......ผดุงไทย
พิชิตผองโพยภัย..................พิบัติพล้ำ
พอเพียง พ่อพิจัย..............เศรษฐกิจ สอนเฮย
ทาง ธ หลั่งสุขล้ำ....................รอบรั้วเรือนชน

  ฝนหลวง ฝนหยาดย้ำ.......หยดเย็น 
เพียงพระเสโทกระเซ็น.........สู่พื้น
หลั่งรินระล้างเข็ญ.................คืนค่า เขษตรแฮ
ป่าสักชลสิทธิ์ ฟื้น...............ใฝ่ค้ำชลคง

  ทรงศรีทรงสืบสร้าง.............ศาสตร์ศิลป์ พิสิฐนา
เสริมทุกศาสน์โศภิน.............เพริศถ้วน
กี่ทวยเหล่าโยธิน..................ธ โอบ เอื้อเฮย
ล้านกิจพระกอปรล้วน...........บ่มแล้วบุญไผท

  รวมใจจงรักเจ้า..................จักรี
ร้อยจิตเทียมมาลี..................แด่ไท้
ขอเทพทุกปฐพี.....................พิทักษ์พ่อ หลวงแล
ไตรรัตน์แต่งคุณให้..............กษัตริย์เจ้าจำเริญนาน				
29 พฤศจิกายน 2547 18:17 น.

วิถีคนแพ้

ณ ภาณุ

แม้เคยอยากเหยียบดาวอยู่เด่นฟ้า	 
ก็จำลาจากแล้วจำแคล้วฝัน
เมื่อก้าวแล้วก้าวเล่ากี่ก้าวกัน	
กี่วารวันซานซมเมื่อล้มลง

ขอเลิกรอ..เลิกรา..เลิกคว้าไขว่		
ด้วยหมดไฟในฝันจะสรรค์ส่ง
จะถอยกลับลับดาวมาสู่ดง		
แล้วเดินตรงตามถนนของคนดิน

จะนับหนึ่งทำใจในหนสอง		
จะเลิกมองดูดาวแล้วแลหิน
จะสั่งปีกความฝันมันหยุดบิน		
จะจบสิ้นความหวังเคยตั้งใจ

จบการต่อเกมไต่บันไดฟ้า		
หมดน้ำตาหมดวันหมดฝันใฝ่
ความพ่ายแพ้เพื่อเราใช่เขาใคร	
ทั้งแพ้ใจแพ้คนจนยับเยิน

จะไปตามวิถีคนขี้แพ้		
จำหลบแลเศษฝันเคยสรรเสริญ
คงภูมิใจคนดินที่เคยเดิน		
ไปเผชิญหมู่ชน..เป็นคนดาว

ขอหาสุขบนถนนของคนโศก		
ขอสร้างโลกดินอุ่นละมุนขาว
ขอรักดินถิ่นตนทุกหนคราว		
ขอหลบร้าวเคยสบมาซบดิน				
7 สิงหาคม 2547 00:50 น.

นิราศนวลนรดิศ

ณ ภาณุ

นมัสการกราบก้ม...........บูชา 
     หลวงพ่อคู่นวลฯมา................อยู่ยั้ง 
     ขอบุญปกปักพา.................... ภัยพ่าย 
     พรแต่งแหล่งก่อตั้ง................คู่หล้าคือนวลฯ

       กรพนมก้มกายลงไหว้สา 
หลวงพ่อนวลฯล้วนอยู่คู่นวลฯมา 			
ขอบุญพานวลฯเชิดชูอยู่ยืนยง

นิราศร้างห่างนวลฯหวนโหยหา 		
ร่ำเรียนมาหกศกหกประสงค์ 
หกวิถีหกผันหันขึ้นลง			
ชีวิตคงเรียนรู้เมื่ออยู่นวลฯ

เรียนมอหนึ่งทับหนึ่งซึ้งซาบจิต 		
เฝ้าครุ่นคิดติดในใจเหหวน 
หนึ่งห้องหนึ่งไฉนใจยียวน 				
วันวันล้วนแต่เรียนเพียรวิชา

แสนกดดันอั้นอัดหวาดหวั่นจิต 		
เสียจริตซึมเศร้าเหงาหนักหนา 
เราขี้เกียจเขาขยันต่างกันมา 			
แต่เวลาก็ฟูมฟักรักษาใจ

ขึ้นมอสองปองใจจักหมายมุ่ง 			
ไม่คิดยุ่งมัวเหงาเฝ้าเหลวไหล 
จึงเปลี่ยนแปลงตนเองมิเกรงใคร 			
เป็นบ้าใบอย่างที่เห็นเช่นทุกวัน

เริ่มพูดมากปากไม่หยุดสุดสงสัย 		
เกิดอะไรกับเราเฝ้าหวาดหวั่น 
ไปเต้นแร้งเต้นกาเฮฮากัน 				
ร้องเพลงลั่นลั่นอยู่มิรู้อาย

ขึ้นมอสามทับหนึ่งคำนึงคิด 			
มองชีวิตที่ผ่านมาน่าใจหาย 
สิบสี่ฝนสิบสี่หนาวเร้าใจกาย 			
ให้มุ่งหมายมีจิตคิดการควร

เป็นผู้ใหญ่ได้แล้วแก้วใจจ๋า 			
กระซิบมาบอกตนเองตนเองหวน 
วาดชีวิตเมื่อเติบใหญ่ไม่เรรวน 			
แต่ก็ชวนเศร้าจิตผิดพลาดไป

มีความรักรักมาว่าเข้มแข็ง 			
คิดว่าแกร่งแรงเร้าให้ไม่หวั่นไหว 
รุ่มแรงรักรักแล้วดั่งแก้วใจ 				
ท้ายฤทัยพังทรุดหยุดทลาย

ต้องจากเพื่อนมอต้นพ้นพลัดพราก 		
จำใจจากจรสุขทุกข์เหลือหลาย 
หยดน้ำตาตาช้ำอ้ำอึ้งอาย 				
ยามสุดท้ายแทนสัญญาก่อนลากัน


เรียนมอสี่ที่เดิมแต่งเติมจิต 		
ทำชีวิตเซซัดพัดหุนหัน 
หลงระเริงวัตถุพัลวัน 				
ไม่นานนั้นจึงคิดได้หายระเริง

ในดวงจิตคิดพลันถึงวันเก่า 		
ณ วันนี้แสนเศร้าเหงาว้างเวิ้ง 
จิตร้อนรุ่มเร้ารุมดั่งสุมเพลิง 			
จิตเถิดเทิงเปิงเปิดเกิดทดแทน

สี่ทับเจ็ดเด็ดขาดมาดหวือหวา 		
ทุกวิชาเว้นเลขเก่งเหลือแสน 
สองจุดห้าหน่วยกิตจิตคิดแค้น 		
เพราะเรียนแผนแสนช้ำศิลป์คำนวณ

ขึ้นมอห้าพาใจให้บานเบิก 		
เอิกเกริกฮาเฮเราเสสรวล 
ใบหน้าใสผมสวยพลิ้วผิวเนื้อนวล 		
ทุกสิ่งล้วนแจ่มใสใจเบิกบาน 

พบคนดีคนหนึ่งซึ้งดวงจิต 		
เก็บไปคิดเพ้อเจ้อเผลอฟุ้งซ่าน 
เหมือนแอบมองเครื่องบินลิ้นลนลาน 		
ไม่มีสิทธิ์คิดการณ์ให้บานปลาย 

ขึ้นมอหกสุดช้ำระกำโศก 		
พบพานโรคเครียดอยู่มิรู้หาย 
รายงานทุกวิชามามากมาย 			
เราแทบตายอังกฤษเลขเสกสรรมา 

สังคมย่อยไทยหลักจักต้องเสร็จ 	
เบ็ดเตล็ดมากมายหลายเล่มหนา 
เคยสุขสันต์กลับสลดทดแทนมา 		
สองแขนขาอ่อนแรงแห้งเหี่ยวพลัน

ขอเทิดนวลฯเอาไว้ในดวงจิต 		
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักพิทักษ์สันต์ 
ขอแหล่งนวลฯคงอยู่คู่คืนวัน 			
เป็นมิ่งขวัญบ้านเมืองรุ่งเรืองเอย

					
     คิดถึงชีวิต ม. ปลายครับ บทนี้แต่งไว้ตอน ม. 6 อาจจะ
ไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ แต่ก็เป็นความทรงจำดี ๆ ที่คิดถึง 
และอยากแบ่งปันให้ทุก ๆ ท่านอ่านครับ เผื่อว่าทุกท่านจะได้
นึกย้อนถึงความทรงจำดี ๆ ของคุณ ๆ กัน และอย่าลืมมาแบ่ง
ปันกันอ่านบ้างนะครับ				
5 สิงหาคม 2547 22:48 น.

กลิ่นมาลัย...ไอรักแม่

ณ ภาณุ

มะลิแท้หอมเที่ยงมาเรียงแถว
พราวกลีบแก้วแพรวกลีบพุดพิศุทธิ์ใส
ทอกุหลาบทาบจำปาอ่าอำไพ
เป็นมาลัยมอบแม่ด้วยแดดล

แม้มาลินกลิ่นล้อมจะหอมล้วน
มิหอมทวนกลิ่นรักเที่ยงแม่เพียงหน
ลูกรมย์รื่นชื่นดอมหอมกมล
จวบเติบตนจนโตใหญ่ได้เติมเต็ม				
5 สิงหาคม 2547 22:31 น.

ฤาจะงามดุจรัก...จากใจแม่

ณ ภาณุ

ฤๅ     รักแท้ในหล้านั้นหายาก
จะ     จรจากพรากพาทุกคราหน
งาม    รักรุ่นก็วุ่นเฉด้วยเล่ห์กล
ดุจ     เกลียวชลวนกลมให้จมตาม

รัก     รักหนึ่งพึงแผ่อย่างแท้เที่ยง
จาก    อกเอียงออกท้นเทล้นหลาม
ใจ     จากแม่แผ่รักทั่วทุกชั่วยาม
แม่     งดงามวามวาวดุจพราวเดือน				
Lovers  0 คน เลิฟณ ภาณุ
Lovings  ณ ภาณุ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณ ภาณุ
Lovings  ณ ภาณุ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณ ภาณุ
Lovings  ณ ภาณุ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงณ ภาณุ