28 กันยายน 2552 17:40 น.
ณ. นาฬิกาทราย
สิ่งที่คาดเดาไม่ได้คือวันที่เราตาย ไม่มีใครรู้เลยว่าเราจะตายเมื่อไร และตายที่ไหน แต่ช่วงเวลาที่เรามีชีวิตก่อนความตายจะมาถึงนั้นช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมาน สับสน และช่างเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดเสียเหลือเกิน เคยตั้งคำถามว่า หากเราจะมีชีวิตอยู่ในโลกอีกเพียงแค่ 6 เดือน ทุกคนคิดว่าจะทำอะไรก่อนตาย เวลานั้นมีความรู้สึกว่า หากคนเรารู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่มากมายนักในโลกนี้ เวลาที่จะได้อยู่ร่วมกับคนที่เรารัก เวลาที่จะได้กิน เที่ยว และมีความสุข แม้ว่าบางคนอาจจะไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่กล่าวมา หรือมีไม่มากอย่างใครอีกหลายคน แต่เราก็เชื่อว่าทุกคนก็คงอยากมีชีวิตอยู่ให้ยาวนาน เพราะเพียงแค่เศษเสี้ยวเวลาที่เราเสียไปมันมีค่ามากมายมหาศาลนัก สำหรับคนที่กำลังจะตาย
ตั้งใจเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อนเตือนความคิดของตัวเอง และเป็นการอาลัยรักแด่ น้องชายของพ่อที่จากไป
พ่อจากเราไปปีกว่าด้วยโรคร้ายคือมะเร็งปอดระยะสุดท้าย หมอลงความเห็นอย่างนั้น ครั้งสุดท้ายที่ได้พบพ่อ สิ่งที่เราเห็นคือชายรูปร่างผอมโกรก หน้าตอบเหลือแต่กระดูก ไม่หลงเหลือร่องรอยของคนที่น้ำหนักเกือบร้อยกิโล จากนั้นมาอีกประมาณเกือบปี พ่อก็จากเราไปด้วยโรคมะเร็งปอด เกินกว่าที่เราจะสามารถเยียวยารักษา หรือยื้อชีวิตของพ่อไว้ได้ สิ่งที่พ่อบอกครั้งสุดท้ายคือ พ่อไม่กลัวตาย เพราะคนเราเกิดมาต้องตายด้วยกันทุกคน เพียงแต่ว่าตายช้าตายเร็วเท่านั้นเอง เราไม่ค่อยชอบคำพูดของพ่อสักเท่าไร แต่พ่อก็เข้มแข็งมากจนทำให้เรารู้สึกว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดา เราเองก็ต้องตายสักวันหนึ่ง พ่อชอบพูดตลก และก็กินได้นอนหลับ อารมณ์ดี จนทำให้เราคิดว่าพ่อก็แค่อ่อนแอลง เพราะวัยชรา พ่อจะบอกกับเราเสมอเวลาที่เราทำอะไรเพื่อท่าน ขอให้ลูกมีแต่ความเจริญ มีแต่ความสุข พ่อไม่มีอะไรจะให้ นอกจากพรอันประเสริฐ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับคนเป็นลูกอย่างเรา เสียดายแต่เราที่ไม่ได้มีโอกาสปรนนิบัติดูแลท่านมากนัก สิ่งที่เราทำได้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตท่านก็คือ ดูและ และพยาบาลท่านในยามเจ็บไข้ และส่งท่านไปสู่สวรรค์ ในวันที่ท่านจากเราไปแล้วเท่านั้นเอง
แต่สิ่งที่ยังทำให้เราหายคิดถึงพ่อได้บ้างก็คือ อา น้องชายของพ่อ ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนพ่อมาก ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะส่วนไหน เห็นอาทีไร เราก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนมีพ่ออยู่ใกล้ๆทุกที แต่แล้ว สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็มาถึง หลังจากงานทำบุญให้บรรพบุรุต ในวันสงกรานต์ปีนี้แล้ว อาบอกว่าอาเป็นโรคกระเพราะ แต่อาก็ยังกินได้นอนหลับ แต่ชอบมีอาการปวดท้องบ่อยๆ แต่ก็อาศัยยาแก้ปวดท้องประทังความเจ็บปวดแต่ละครั้ง ยาโรคกระเพาะบ้าง ยาธาตุบ้าง แล้วแต่จะสะดวก แต่สุดท้ายร่างกายก็ทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว สิ่งที่คาดเดาไม่ได้เริ่มคืบคลานเข้ามาทีละน้อย อาป่วยเข้าโรงพยาบาล สุดท้ายหมอส่งตัวมาที่โรงพยาบาลราชวิถีเข้าเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เราคอยไปให้กำลังใจ หมอนัดฟังผล อีกไม่กี่วันถัดไป ก่อนจากกัน อาบอกว่า ไม่ต้องห่วงหรอกลูก อาไม่เป็นไร แต่ถึงเป็นอะไรอาก็รับได้ ไม่กลัวหรอก บ้านเรามีประวัติเป็นโรคมะเร็งกันทุกคน มันอาจเป็นกรรมพันธุ์ พ่อก็เชื่อแบบนั้นว่าเป็นกรรมพันธุ์ เราเองก็กลัวๆ เราได้แต่ให้กำลังใจอาว่า ไม่เป็นไรหรอกคนเป็นมะเร็งเค้ามีชีวิตอยู่เป็นสิบปียังมีเลย เพียงแต่ต้องดูแลสุขภาพดีๆ และออกกำลังกาย และมีกำลังใจดีๆ เราพูดยิ้มๆ กับอา เพื่อให้กำลังใจ อาได้แต่บอกว่าไม่กลัวหรอก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด วันฟังผลเราไม่ได้ไปด้วย อาไปฟังผลกับอาผู้หญิง ภรรยาอาที่เลิกรากันไป เกือบ 30 ปี แต่ช่วงเวลาสุดท้ายอาผู้หญิงก็ยังดูแล อาจเป็นเพราะความรักที่คนคนหนึ่งมีให้กับคนอีกคนหนึ่งอย่างหมดใจ ไมได้หวังอะไรเป็นการตอบแทน เป็นรักที่สะอาด บริสุทธิ์ และพร้อมที่จะเสียสละ ขอเพียงให้คนที่รักได้อยู่ด้วยในขณะที่มีลมหายใจอยู่
ผลตรวจออกมา ปรากฏว่าอาเป็นมะเร็งอย่างแน่นอน และเป็นมะเร็งตับที่ไม่สามารถผ่าตัดได้เพราะก้อนเนื้อใกล้กับหัวใจ และเส้นเลือดใหญ่ หมอแนะนำว่าให้กลับไปอยู่บ้าน คนที่รู้ว่ากำลังจะตาย ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแน่นอน จะมีความรู้สึกอย่างไรคงไม่มีใครรู้ เพราะเราไม่ได้เผชิญชะตากรรมนั้นด้วยตนเอง แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือกำลังใจที่หมดไป อาเริ่มไม่อยากทำอะไร ร่างกายเริ่มซูบผอม เริ่มทานอาหารได้น้อยลง เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง นอนและไม่อยากออกไปไหน ไม่อยากคุยกับใคร ทุกคนพยายามปลอบใจ และดูแลเอาใจใส่ แต่สำหรับอาตอนนี้มันเหมือนกับการรอความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาทีละน้อย อาผู้หญิงพยายามหายามาให้รับประทานทั้งยาหม้อ ยาต้ม ใครบอกว่าอะไรดี หามาให้หมด สิ่งดีๆที่พอจะทำให้ได้ จัดสรรมาให้อย่างไม่เสียดายเงินทอง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อความตายที่กำลังเดินทางมารับได้ ครั้งสุดท้ายที่เราได้มีโอกาสพบหน้าอา คือที่โรงพยาบาล เราจับมืออาก่อนจะกล่าวคำพูดปลอบใจเหมือนเดิม อาพยักหน้าไม่พูดอะไร ร่างกายซูบผอม หน้าตอบเหลือแต่โครงกระดูก ตัวเหลืองซีด หลังจากนั้น อีก 2 วันอาก็จากไปอย่างสงบ ปิดฉากชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งตับเหลือไว้แต่ความทรงจำดีๆ ให้ลูกหลานได้คิดถึง
งานศพอาจัดอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ตอนมีชีวิตอยู่อาเป็นที่รู้จักของคนเกือบทั้งจังหวัด อามีภรรยาหลายคน มีลูกหลายคน ลูกบางคนก็ได้เลี้ยง บางคนก็ไม่ได้เลี้ยงดู มีเพื่อนมาก มีคนรักมาก ดูจากพวงหรีดที่มากมายก่ายกอง และดอกไม้ร่วมอาลัย อาเป็นที่รักของคนทุกคน สิ่งสุดท้ายที่ทุกคนจดจำคือคุณงามความดีที่อาได้ทำไว้ในขณะที่มีชีวิตอยู่ ความรักและอาทรที่เคยให้กับเพื่อนพี่น้องและลูกหลาน ความช่วยเหลือที่เคยได้รับจากอา เป็นสิ่งสุดท้ายที่ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจ ไม่มีวันลืมเลือน
ถ้าหากเรารู้ว่าเราเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนที่เราจะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ เราจะเข้มแข็งพอที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ได้นานๆหรือเปล่า เรานับถือในความอดทนในการมีชีวิตอยู่ของพ่อ และ เห็นใจชีวิตที่เหลืออยู่ของอา กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเรากำลังจะตาย หรือเราจะดำเนินชีวิตอยู่ กำลังใจจะช่วยให้เราได้อยู่อย่างเป็นสุข และกำลังใจที่ดีที่สุดนั้น ก็คือตัวของเราเอง เพราะไม่มีใครจะทำให้เรามีชีวิตอยู่หรือจากไปได้เร็วหรือช้า ได้เท่าตัวเราเอง เราชีวิตไม่มีความแน่นอน แต่หากเรารู้วันตายที่แน่นอน อาจเป็นการดี ที่เราจะได้รู้ว่าเราเหลือเวลาทำความดีอีกเท่าไร
ขออุทิศให้ด้วยวิญญาณ พ่อ และ อา ที่จากไป