6 พฤศจิกายน 2551 19:29 น.
ณ.คลองฉวาง
ฉันเดินทางพาความช้ำแบกเต็มหลัง
เพื่อแดนดินความหวังอย่างฉันฝัน
ออกเดินทางยามราตรีก่อนดวงตะวัน
จะส่องแสงสว่างเฉิดฉันให้แผ่นดิน
ลาแล้วความสวยงามที่ลวงหลอก
เหมือนดังหมอกปิดกั้นหุบเหวไว้
ลาแล้วคำพูดกลั่นกลองจากน้ำลาย
ที่ไม่มีเคยมีอะไรจากใจจริง
ละทิ้งสิ่งต่างๆไว้เบื่องหลัง
มุ่งหมายมั่นเส้นทางทางข้างหน้า
ก้าวเดินไปพร้อมกับโชคชะตา
เพื่อเดินทางหาความหวังอย่างตั้งใจ
มีใครไหมบอกทางให้ฉันได้
โปรดพาฉันก้าวไปสัมผัสมัน
แดนดินความหวังคงไม่ใช่แค่ความฝัน
กี่คนกันเดินทางก้าวไปถึง
พาชีวีเดินทางไปหลายสาย
แต่ก็พบความช้ำใจมาหลายครั้ง
มีความลวงหลอกเหมือนดังหมอกกั้นเส้นทาง
ให้ก้าวเดินพลาดพลั้งไม่ตั้งใจ
6 พฤศจิกายน 2551 11:10 น.
ณ.คลองฉวาง
เรารักคุณรักคุณด้วยหัวใจ
เพราะเราคนไทยด้วยกันทั้งนั้น
ยังจำได้ไหมเราเคยผูกพัน
เราช่วยเหลือกันแบ่งปันน้ำใจ
ก่อนเคยแบ่งปันน้ำใจมีให้
ทุกร้อนอันใดเคยช่วยเหลือกัน
เคยมีความรักรักใครผูกพัน
เราเป็นเพื่อนกัน เราเป็นเพื่อนไทย
เหตุไฉนเพื่อนเดินมาหา
ถือไม้อาวุธมากระหน่ำตีใส่
ยังจำได้ไหมว่าเราเพือนไทย
ถึงอยู่อีกฝ่ายเราก็รักคุณ
เรานั้นรักคุณๆคนไทย
แต่เหตุไฉนไม่เปิดใจรับฟัง
ความเชื่อของคุณนี้คอยบดบัง
ส่วนของหัวใจแห่งความเมตตา
นี้มันอะไรอยากถามนี้มันอะไร
ผีห่าตัวใด กำหนดขึ้นมา
ไทยฆ่าไทยไร้ความเมตตา
ฉันเสียน้ำตา ละเหี่ยหัวใจ
แยกสีแยกฝ่ายเหนือกว่าเมตตา
ใส่สีอื่นมา เข่นฆ่า ก็ได้
อยากถามจริงๆ ทำเพื่ออะไร
อุดมการณ์ใช่ใหม ไม่นาจะเป็น
เป็นเพราะความรัก หรือความหลงไหล
ปิดกั้นหัวใจแห่งความหลากหลาย
ดอกไม้หลากสีนั้นคือคนไทย
ผสานหัวใจเริ่มใหม่เพื่อนผอง
ฉันมีดอกไม้ดาวเรืองดอกใหญ่
จะขอมอบให้คนคิดแตกต่าง
เธอมีกุหลาบสีแดงงอกงาม
ฉันอยากขอถาม ยื่นให้ได้ไหม
เพราะเรารักคุณรักคุณคนไทย
จะคิดอย่างไรแผ่นดินเดียวกัน
ต้องกินต้องอยู่เมืองนี้อีกนาน
ร่วมกันผสานหัวใจเมตตา
6 พฤศจิกายน 2551 03:22 น.
ณ.คลองฉวาง
ทุกเรื่องที่เขียนเป็นกลอนนี้
เป็นเรืองจริงเทียงแท้เกิดกับฉัน
หลายนิทราหลายราตรีหลายคืนวัน
แต่ความฝันเหล่านี้นั้นยังฝังใจ
ในราตรีค่ำคืนที่มืดมิด
ฉันนั้นขับมอเตอร์ไซร์ผ่านทางนั้น
พอถึงบ้านหันมองกระจกสองหลัง
ก็มองเห็นคล้ายๆใครในเงามืด
ฉันจึงพูดคนองปากขึ้นมาว่า
สงสัยจะมีใครตามมาด้วย
แม่รีบดุปากเสียจะพาซวย
ลูกเอ๋ยลูกพูดอย่างนั้นได้อย่างไร
ในราตรีคืนนั้นฉันหลับไหล
คล้ายใครอยู่ในห้องฉันกับฉันนี้
ภาพหญิงแก่หมายมุงเอาชีวี
ตาเธอนี้จองเขมงหน้าหวาดกลัว
แล้วในฝันก็เห็นอีกคนหนึ่ง
พูดออกมาเอาชีวิตเขาไม่ได้
เสียงโต้เถียงดังรบกวนในหัวใจ
จึงทำให้ฉันตื่นยามนิทรา
เชื่อหรือไม่เมือฉันตื่นขึ้นมา
เสียงโตเถียงยังอยู่ที่ปลายเท้า
หลับตาปี๋เพราะกลัวเกินบรรเทา
มินานเสียงพวกเขาก็จางลง
ฝืนลืมตาคุณเชื่อคุณเชื่อไหม
เห็นเป็นไฟดวงใหญ่ริมหน้าตาง
ลองลอยออกห่างไปคอยเลือนลาง
บอกหนอยเถอะสิ่งนั้นมันอะไร
อีกวันหนึงฉันนอนตอนกลางวัน
เกิดความฝันที่เรียกว่าฝันร้าย
หญิงชราคนเดิมเข้ามาใกล้
แล้วเอามือบีบคอให้ขาดใจตาย
ฉันดิ้นรนต่อสู้แรงของเธอ
แต่ฉันสู้แรงเธอนั้นไม่ได้
จนบัดนี้อยากรู้เธอเป็นใคร
แล้วทำไมในฝันคิดทำร้ายฉันเรื่อยมา
ฉันก็ท่องบทสวดขึ้นในใจ
เธอก็บีบคอให้แน่นยิ่งกว่า
ฉันจึงสวดพา หุง มหากา
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาแล้วหายไป
ในไม่ช้าไม่นานก็ฝันใหม่
ว่าฉันนั่งอยู่ที่แห่งหนึ่ง
คลับคลายว่าตัวฉันเคยมาถึง
แต่ไม่รู้ว่ามาเมื่อใด
ได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อของฉัน
ก็ได้ยินหญิงสาวกรีดร้องไห้
ชีหน้าด่า กูจะข้ามึงให้ตาย
เธอวิ่งหายไปในเงาราตรี
ฉันเดินออกมาจากร้านนั้น
ฉันเดินผ่านซอกของตึกใหญ่
ฉันเห็นเธอโผลขึ้นมาในทันใด
แล้วเอามีดปักร่างกายฉันทันที
ถึงเป็นฝันก็รู้สึกทรมาน
มันร้าวรานเจ็บปวดจนสุดดิ้น
แล้วหญิงสาวที่เห็็นได้ยลยิน
ก็คอยๆเปลียนเป็นหญิงชรา
จำได้แน่แท้เลยจำได้ว่า
หญิงชราที่เราฝันถึงหลายครั้ง
รวมรวมจิตรวบรวมใจรวมพลัง
เพื่อยับยั้งฝันร้ายในราตรี
แล้วอีกทีตอนนั้นยังจำได้
เกิดความฝันปิติในหัวใจ
พ่อและแม่ของตัวเรานี้ไซร้
เดินทางมาเยียมเยือน
พ่อนั้นชวนไปเทียวด้วยกันไหม
พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปกับพ่อแม่ฉัน
ในคืนนั้นทั้งสองนอนในห้องนั้น
แล้วฉับพลันเกิดความคิดในฝันร้าย
คุณพ่อแม่ฉันนั้น อยู่ตั้งไกล
มาได้ไงในเมื่อยามราตรี
ฉับพลันหน้าพ่อแม่เปลียนเป็นผี
แล้วหัวเราะขบขันตัวฉันใหญ่
ฉันหันมองเห็นเธอเสยะยิ้มให้
เหมือนหัวใจตกไปอยู่ใต้ตีน
ทบทวนฝันทบทวนถึงใบหน้า
เชื่อไม่ว่าคุณป้านั้นอีกแล้ว
นางในฝันไม่เคยต้องการแนว
แบบนี้เลยไม่เคยที่ต้องการ
และอีกครั้งจะเล่าฝันอีกครั้งหนึ่ง
ว่าฉันฝันว่าเธอนั้นฆ่าฉันได้
แล้วตัวเธอนำหน้าพาฉันไป
ระหว่างทางได้พบพระธุดงษ์
คุณโยมเอ๋ยคุณโยมเจ้าข้า
ชีวิตนี้อาตมาขอได้ไหม
เธอกรีดร้องหัวเราะแล้วร้องไห้
ยังจำได้แม้เป็นฝันจำได้ดี
เธอไม่ยอมเธอคิดจะทำร้าย
เพราะรูปนั้นสวดอะไรก็ไม่รู้
ร่างกายพุพองเน่าหนอนร่วงกรู
แล้วร่างนันก็ สลายไป
ในฝันท่านพาไปหลายที่
แล้วทานชี้ไปแดนเวทนา
ความรู้สึกในตอนนั้นเกิดขึ้นมา
จำไม่ได้ว่าเป็นเช่นไร
แล้วในฝันท่านพาไปแดนสวรรค์
สิ่งที่เห็นๆนั้นไม่เห็นมีอะไร
มันเวิ้งว้างแต่รู้สึกมันสุขใจ
เกิดได้ไงฉันนั้นคิดทบทวน
แล้วในฝันมีคนมาส่งสะพานใหญ่
ฉันเดินข้ามเดินตามเส้นทางมา
เห็นผู้คนหลากหลายที่ใดหนา
คล้ายว่าเหมือนจังหวัดสุพรรณบุรี
เห็นผู้คนล้อมร่างหนึ่งนั่งร้องไห้
ฉันเดินเขาไปทับรางนั้น
เชื่อไม่ว่าแขนขาไม่พอดีกับตัวฉัน
พริกขยับอย่างไรก็ไม่ได้
ได้ยินเสียงหนึ่งเรียกทันใด
ฉันจึงเดินไปตามเสียงนั้น
ก็มองเห็นภาพข้างหน้าโดยฉับพลัน
พระรูปนั้นมีแสงผ่องอำไพ
สักพักหนึ่งได้ยินว่าถึงแล้ว
ฉันจึงมองห้องเป็นแถวเห็นเลขที่
ฉับพลันก็ตื่นทันที
ทั้งหมดนี้คือฝันหรือความจริง
5 พฤศจิกายน 2551 14:34 น.
ณ.คลองฉวาง
เหลือบนี้อาศัยอยู่ทุกแห่ง
คอยแอบแฝงดูดเลือดและเชือดเฉือน
อยากจะบอกให้คนคอยย้ำเตือน
อย่าแชร์เชือนเดียวมันจะดูดกิน
เหลือบนี้บางทีตีหน้าซื่อ
แต่ยึดถืออธรรมนำชีวิต
มันไม่เคยศรัทธาถูกหรือผิด
เพียงแค่คิดประโยชน์ตัวเท่านั้นพอ
...............ต่อไปเป็นที่อยู่ของเหลือบ.......................
นักการเมือง...........................ก็มี
นักวิชาการ.............................ก็มี
ครูบาอาจารย์..........................ก็มี
ทหารตำรวจ............................ก็มี
นักธุรกิจ.................................ก็มี
นักศึกษา................................ก็มี
ข้าราชการ..............................ก็มี
พระภิกษุ................................ก็มี
ทีไหน ทีไหน........................ก็มี
ถึงเวลาของคนดีแล้วใช้ใหม
กำจัดเหลือบของไทยให้หมดสิ้น
ไทยก้าวหน้าหากไม่มีใครมาโกงกิน
หากหมดสิ้นแผ่นดินสูงทวี
5 พฤศจิกายน 2551 11:35 น.
ณ.คลองฉวาง
ฉันได้ยินมาว่าเราเป็นชาวพุทธ
ต้องทำใจเป็นกลาง
ไม่ยืนข้างฝ่ายไหน
หากฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชั่ว
เราจะยืนเป็นกลางได้ใหม
หากคนดีจะต้องตายจากไป
จะยืนกางขาเป็นกลางได้อีกหรือ
ฉันเคยได้ยินพระรูปหนึ่งเทศนาว่า
ดีชั่วเป็นกลางไม่ได้
เลือกเอาจะอยู่ข้างไหน
อย่าทำตัวเป็นก้างหลอกประชาชน
หากใครเข่นฆ่าพ่อแม่คุณนั้น
แล้วขอสมานฉันท์คุณจะยอมใหม
ถูกผิดดีชั่วต้องพิสูจน์กันไป
แล้วให้อภัยเมื่อ........สำนึกตัว
ถ้ายืนระหว่างดีชั่ว
พระพุทธองค์ไม่เคยสอนให้เป็นกลาง
เปิดใจรับฟังทั่งสองฝ่าย
พินิจพิเคราะให้ดี ว่าใครจริง ไม่จริง
ช่วยกันเถอะ ดูแลบ้านเรา
แผ่นดินของเรา
ประเทศไทยของเรา
ของเรา ชาวไทย
ทุกคน......ทุกคน..........ทุกคน
และทุกคน
เพราะเรารักเธอประเทศไทย
อย่ารักใครมากกว่ารักชาติเลย
หากใครยืนอยู่เพียงเพื่ออำนาจ
เพื่อเงิน ขายจิตวิญญาน
ก็ต่ำกว่าเดรัฐฉาน
เชื่อเถอะว่าประวัติศาตร์จะจดจำคุณ
ให้ลูกหลาน กล่าวขาน สาปแช่ง สืบไป