20 กรกฎาคม 2553 09:34 น.

ปั้นมากับมือ

ฐปนวุธ

โคลงสี่สุภาพ
ปั้น  ดินดุจดั่งให้              เป็นดาว
มา  ส่องสุกสกาว             เกลื่อนฟ้า
กับ  กรวดก่องเก็จพราว    ดั่งเพ็ชร พรายพร่าง
มือ  หนึ่งสรรค์เสกกล้า     กอปรเกื้อแก่นสาร
 
วสันตดิลกฉันท์
ด้วยฝันจะสรรค์กวิประสิทธิ์    พิรจิตประจงจาร
ร้อยกรองคระลองคุรุประทาน วรกานทเกริกไกร
นบนิ้วประนมกมลตั้ง-            สติรั้งคุณาลัย
เสริมศรีกวีวรสมัย                  ดุจใจจะจารคำ
 
อินทรวิเชียรฉันท์
ร้อนโลกจะผ่อนคลาย    ดุจสายนทีนำ
ปรายฝนละอองพรำ        ปฐพีจะสีทอง
รุ้งพร้อยจะลอยพร่าง       ดุริยางค์จะกลบหมอง
แสงทิพย์จะพริบพร้อง     กวิส่องประกายไกร
 
กลอนสุภาพ  
มือไม่อาจเขียนคำได้ล้ำค่า           
มีสองตามิอาจมองเห็นผ่องใส 
หูมิอาจเวี่ยสดับสรรพเสียงใด           
ใจมิอาจเปิดใจให้จารคำ     
มีดอกไม้กอหนึ่งซึ่งปลูกไว้           
เป็นดอกไม้ที่คุ้นตาอยู่คราคร่ำ   
แต่ละดอกงามเพริศแลเลิศล้ำ         
เก็บมาทำช่อมาลัยเพื่อไหว้ครู  
เพื่อเปิดใจเปิดตาไปท้าโลก           
เขียนประโยคใหม่ใหม่ให้แปลกหู     
เพื่อเปิดตาเปิดใจไปท้าโลก  
เพื่อทอถักรักร้อยเป็นสร้อยชู         
น้อมกราบผู้ปั้นข้าฯ...มากับมือ				
18 กรกฎาคม 2553 22:38 น.

ใต้แสงดาว

ฐปนวุธ

เหมือนหยาดแก้วแวววับระยับระย้า
แต้มบุปผาแต่ละเม็ดคล้ายเพ็ชรสี
ลมอรุณพริ้วห่มพรมราตรี
มุกมณีจึงเหือดหายประกายเลือน

ยอดผกาพ้อพลิ้วคลอผิวน้ำ
ร่ายลำนำร่ำจรุงท่ามทุ่งเถื่อน
จะลาแล้วห้วงหาวแล้วดาวเดือน
ฟ้าจะเคลื่อนดาวจะคว้างร้างราไป

สกุณาโบกโบยลมโชยพัด
ปีกกำดัดโผผินจนบินได้
ชำเลืองช่วงรวงรังอยู่ฝั่งใด
ปรารถนาจะไปให้ถึงรัง

เขาร่อนเร่พเนจรค่อนชีวิต
ยังมิคิดยังมิเค้นเพื่อเห็นฝั่ง
ฟ้าลิขิตเพียงนี้จึงจีรัง
มิอาจร้้งนั่นเพราะรู้สู้...ปราชัย

มิเคยเห็นแสงทองส่องเพริศแพร้ว
มิเห็นแววความหวังของวันใหม่
ทนร้างเร่พเนจรนอนกลางไพร
เหมือนบ้าใบมืดบอดตลอดมา

พระจันทร์พริ้มยิ้มพยักทักทายแล้ว
ดั่งวอมแววดาววิบกระพริบจ้า
เขาครวญคำจำข่มก้มหน้ามา
ปาดน้ำตาสองแก้ม...แล้วแย้มยิ้ม...				
5 กรกฎาคม 2553 22:38 น.

แม่

ฐปนวุธ

ชีวิตเริ่มวัยวันในครรภ์แม่
สายเลือดแผ่สายใยให้อาหาร
ร่างน้อยเริ่มเคลื่อนไหวไม่นิ่งนาน
เริ่มมีการพัฒนาน่าชื่นชม

ขาแขนแกร่งแรงเพิ่มเริ่มเตะท้อง
แม่ย่อมร้องเจ็บแท้แต่สุขสม
แล้วสัญญาณเก้าเดือนเหมือนระบม
เจ็บเพียงข่มใจคลอดลูกปลอดภัย

ลมหายใจบอกสัญญาณการอยู่รอด
ร่างเล็กกอดคุดคู้ร่างผู้ใหญ่
ช่างเปราะบางเช่นนั้นแม่หวั่นใจ
แอบ..อกให้แนบชิดลูกนิทรา

หยาดน้ำนมมากประโยชน์โอษฐ์เล็กดื่ม
ตาน้อยลืมสดใสไร้เดียงสา
แทนคำบอกรักแม่ใช้แต่ตา
สื่อภาษาเสมือนรู้ใจสู่ใจ...				
17 มิถุนายน 2553 17:11 น.

ลี้รัก

ฐปนวุธ

หอมไอดินกลิ่นหญ้าประสาเถื่อน
ชะแลเดือนเดียวดายค่อยคลายเหงา
น้ำค้างพร่างหยดพรมใต้ร่มเงา
พระพายเคล้าระรินกลิ่นสุคนธ์

ข้ามทุ่งนาแดนนี้มีไม้ดอก
ที่ผลิออกช่อชูอยู่ทุกหน
ณ ทุ่งกว้างห่างไกลไร้เล่ห์กล
มีแต่มนต์บุปผชาติพิลาสไพร

ฉันเดินเล่นไปตามความรู้สึก
ยิ่งลำลึกยิ่งพร่าเลือน...ยิ่งเคลื่อนไหว
สัมผัสรักส่งทั่วห้องหัวใจ
ด้วยสายใยโยงขวัญพันธนา

ละเลียดไล้ปลายนิ้วที่ผิวน้ำ
คลื่นระบำแผ่วนพ้นฝั่งผา
ยินเสียงใบไม้ผลิยามทิวา
ยินเสียงสกุณาระเริงไพร...

ฉันไม่ได้กำเนิดเกิดที่นี่
เพียงแต่ไม่หลีกลี้ไปที่ไหน
หยุดเถิดความหมองเศร้างหลงเงาใคร
ทิ้งหัวใจหลบลี้อยู่นี่เอย...				
16 มิถุนายน 2553 17:49 น.

หมอกน้ำฝนวนคว้างสู่กลางภพ

ฐปนวุธ

หมอกน้ำฝนวนคว้างสู่กลางภพ
เงียบสงบกลางคืนอันชื่นฉ่ำ
พยุแห่งมวลไม้ร่ายระบำ
อยู่ค่อนค่ำคืนค้างจึงร้างรา...

ริ้วสีทองบริสุทธิ์มาผุดสาย
งามประกายสีอ่อนสะท้อนผา
เหมือนหยาดแย้มยั่วยุพสุธา
ปลุกนิทราชั่วคืนจงตื่นนอน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฐปนวุธ
Lovings  ฐปนวุธ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฐปนวุธ
Lovings  ฐปนวุธ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฐปนวุธ
Lovings  ฐปนวุธ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฐปนวุธ