1 กันยายน 2547 16:14 น.
ซิเด๋อ
วันหนึ่งมีประกาศไปยังความรู้สึกทั้งหมดว่า เกาะกำลังจะจม ดังนั้นทั้งหมดจึงเตรียมเรือ เพื่อที่จะหนีออกจากเกาะ ความรักเท่านั้นที่ตัดสินใจอยู่บนเกาะ ความรักต้องการที่จะอยู่จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย เมื่อเกาะเกือบจะจมแล้วความรักจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือ
ความรวย แล่นเรือผ่าน ความรวยตอบว่า
"ไม่ได้หรอกฉันรับเธอไม่ได้ เพราะเรือฉันน่ะ เต็มไปด้วยทองและเงินแล้ว มันไม่มีที่เธอ"
ความรักจึงตัดสินใจจะถามความเห็นแก่ตัวซึ่งผ่านมาเหมือนกันด้วยเรือลำงาม
"ความเห็นแก่ตัวช่วยฉันด้วยสิ"
"ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอกนะความรัก คุณน่ะเปียกแล้ว อาจจะทำให้เรือฉันเปียกด้วย"
ความเศร้าได้พายเรือผ่านมา ความรักก็ได้เอ่ยขอความช่วยเหลืออีก ความเศร้าตอบว่า....
"โอ้ความรักฉันกำลังเศร้ามากเลย ฉันต้องการอยู่คนเดียวขอโทษนะ"
ความสุขได้ผ่านความรักไปเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ยินแม้เสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือของความรัก เพราะมัวแต่กำลังสุข
แต่ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
"มานี่ความรัก ฉันจะรับคุณไปเอง"
เสียงนั้นเป็นเสียงของชายชราผู้หนึ่ง ความรักรู้สึกขอบคุณและดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงแผ่นดิน ชายชราก็แล่นเรือจากไป
ความรักนึกขึ้นมาได้ว่าลืมถามชื่อชายชราผู้ใจดีคนนั้น ความรักจึงไปสอบถามผู้เฒ่าแห่งความรู้ "ใครเหรอที่เป็นคนช่วยฉัน" ผู้เฒ่าตอบว่า..........
"เวลา"
ความรักรู้สึกงุนงง พร้อมกับถามต่อไปอีกว่า
"ทำไมเวลาถึงช่วยฉันล่ะ"
ความรู้ยิ้มในความรอบรู้ของตัวเอง แล้วตอบความรักว่า
"ก็เพราะว่ามีเพียงเวลาเท่านั้นที่เข้าใจว่าความรักน่ะยิ่งใหญ่ และสำคัญแค่ไหนน่ะสิ
.....____________________________________.....
สายลมอิสระ
31 สิงหาคม 2547 11:39 น.
ซิเด๋อ
........เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ เป็นเพื่อนรักกัน
ทั้งสามอยู่ใกล้ชิดติดกัน จนกระทั่งโลกได้กำเนิดพืชและสัตว์ขึ้น
แผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์ จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ และถอยตัวห่างออกไป ห่างออกไปทุกที ทุกที
จนถึงวันที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้า แต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมาก เลยไม่ได้ยิน
นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า นกก็บินขึ้นสูง สูงขึ้น สูงขึ้น และส่งเสียงเรียก แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป ไปไม่ถึงท้องฟ้า แต่นกก็สัญญาว่า ต่อไปนี้นกทุกตัวจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอก
ผืนน้ำและแผ่นดินรู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ห่างออกไปไกล และคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน ผืนน้ำพยายามที่จะม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
แผ่นดินพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่าน แต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้า
พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด
ก็บอกกับทั้งสองว่า "เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้" พระอาทิตย์จึงอาสาช่วย โดยการส่องแสงลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน
ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า เล่าเรื่องราวต่างๆเป็นรูปตามที่
แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมาก อยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน
ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็กลับลงไปไม่ได้
"ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้น และอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้ว ฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวาง ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกลๆ และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น
และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว แต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำ
และอยากจะบอกกับทั้งสองว่า ฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด"
ก้อนเมฆก็ตอบว่า "อยู่บนนี้นานๆก็เหงาเหมือนกัน บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง"
ท้องฟ้าเลยบอกว่า "ฉันก็เหงาเหมือนกัน แต่ว่าฉันกลับลงไปไม่ได้ แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งเจ้ากลับลงไป และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า"
จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกัน และรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้า แล้วตกลงมาเป็นหยาดฝน ส่งผ่านความรัก ความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ
จึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดที่ฝนตก แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารัก
คนที่เราผูกพัน และบางครั้ง ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย