๑ ฝน...ฝัน...หวั่นไหว ละอองไอแห่งฝนรดจนฉ่ำ พิรุณร่ำจากเบ้าตาของฟ้าหม่น ธารเทาเมฆร่วงขจายจากปลายบน อัสสุชลนางฟ้าก็ลาคืน วันนี้ที่นี่ยังมีฝน มาเติมดวงกมลให้ฉ่ำชื่น พรุ่งนี้....แล้งร้อนร้าวจะยาวยืน โลกจะตื่นจากหลับใหลเมื่อไหร่....ฤๅ...??? ๒ จันทร์เจ้าขา..ขอจันทร์ จันทร์เจ้าขา คือเพลงพรายพิมานแห่งเวหา คือสร้อยฟ้ามาลาแดนสวรรค์ คือแสงทิพย์ส่องหล้าล้ำลาวัณย์ คือฟากฝันแดนภพบรรจบกาล ขอจันทร์ คืนนี้ข้าขอสิ่งหวงจากดวงโสม มาประโลมวิญญาณ์ที่พร่าพล่าน มิขอแก้วทรัพย์ทุกสิ่งศฤงคาร ขอดวงมานไทยนั้นอย่าพลันโรย ๓ กล่อมขวัญ..จงฝันดี หลับตานะคนดี...... มาฟังพี่เล่านิทานจากม่านฟ้า สิ่งทั้งหลายโลกนี้คือมายา จะเสาะแสวงหาสิ่งใดกัน จงเก็บฝันมากมายระบายแก้ม แต่งแต้มภวังค์นี้มีสีสัน ฟังดนตรีแมกไม้ปลายตาวัน เหนื่อยล้านั้นพักก่อนจักผ่อนคลาย ๔ เมืองในฝัน เมืองงามในเงาฝัน ฉันจะดั้นไปตามหา สุดหล้าจะคว้ามา ใจเหนื่อยล้าจักราแรง ปลดพันธนาการ ใฝ่สถานพิสุทธิ์แสง ไร้โลภให้สำแดง โน้มแรงฝันนำชีวี สงบในภพเย็น ฤาโลกเป็นเช่นไร้สี มีเพียงเสียงดนตรี กล่อมฤดีให้คลี่คลาย ๕ บันไดดาว ดวงดาวทออยู่นะที่รัก.... มาทายทักดาริการาตรีนี้ อยากตะกายจากหล้าพ้นธาตรี หาฝันแห่งชีวีที่ฟ้าไกล เถอะ...จะไต่บันไดดารา ผ่านวิมานเมฆาฟ้าไสว พร้อมวาดฟ่องฝันอันไฉไล สู่นวลใยแห่งวัง....บัลลังก์ดาว แล้วเหตุใด...ร่าง...... จึงแหวกว่ายเวิ้งว้างอยู่กลางหาว จักรวาลไพศาลดูงามพราว ไฉนหนาว, มืด ร้าวรัดกัดกร่อนใจ.....??? ๖ บินหลา ตาวันลับเหลี่ยมผา นกบินหลาเจ้าบินไหน หลงถิ่นดินดานใด เจ้าไฉนไม่กลับมา หลงเพลินในเมืองใหญ่ ศิวิไลซ์ที่ใฝ่หา ลืมเขาลำเนานา ทุกเถื่อนท่ารอมาเยือน ทะเลยังพลิ้วคลื่น ต้นยางดื่นรอกรีดเฉือน ผู้เฒ่าคอยเฝ้าเตือน อย่าลืมเลือนด้ามขวานไทย รอวันแดดเช้าพรุ่ง สีสายรุ้งจะฉ่ำใส ทาทาบวนาลัย บินหลาไพรจะกลับรัง
๏ มาร่วมเรียงร้อยรักอักษรา ขับกล่อมขวัญชีวาหาความหมาย ด้วยศรัทธาแรงกล้าใช่ท้าทาย เพื่อโปรยปรายดอกไม้ให้ลำเนา จงพลีใจอิสระ ณ ลานนี้ แล้วปลดปล่อยดวงฤดีที่ขลาดเขลา เอาหัวใจกล้าแกร่งแบ่งบรรเทา ความทุกข์เศร้าให้ปลดด้วยรสกรอง แม้นเป็นเพียงดอกหญ้ากลางป่าแก้ว ไม่เพริศแพร้วดั่งมณฑาบุหงาสวรรค์ แซมประดับดานดินถิ่นไพรวัลย์ ให้ลานนั้นร่มรื่นก็ชื่นแล้ว ๚ะ๛ ฟังเสียงน้ำสาดเซาะเสนาะพริ้ง หยาดหยดดิ่งย้อยระย้าดารดาษ ดั่งดนตรีลีลาไพรที่ไหววาด เรียงระนาดลำนำไผ่ไล้ดวงดาว ละเลียดคำล้ำค่าวรรณศิลป์ ฝันระรินจากรุ้งฟ้าเวหาหาว เสพย์กาพย์หอมมณีคำร่ำเรื่องราว สู่ทิพย์หัตถ์รัดรอยร้าวให้คราวคืน ฟังนิยายเพรงพระพายจากปลายฟ้า สอยดารามาห่มเป็นพรมผืน เพชรน้ำค้างว้างกลางจิตทุกพิศคืน มาแตะตื่นร้อยห่วงบ่วงอารมณ์
เพียงคีตเสียงเรียงสายมิวายซึ้ง ร้อยคำนึงสู่เวียงดาวงามราวฝัน ฟากผืนฟ้าตระการตาวิลาวัณย์ แพรสวรรค์พิลาสวาดคะนึง อยากเด็ดดาวดื่นดวงไว้ในอ้อมแขน หมายกอปรแทนล้านความนามคิดถึง ร้อยเป็นสร้อยดาราคำแห่งรำพึง ส่งไปถึงเธอซึ่ง ณ ฟากฟ้า เข้าทายทักจักรวาลแห่งความเหงา เก็บซากดาวซากเดือนเกลื่อนเวหา ผ่านภูผาไร้เสน่ห์ทะเลน้ำตา สุดขอบฟ้าคว้าหารักไม่เจอะเจอ ฝ่าลมคลื่นเดียวดายริมปลายหาด รักมิวาดดั่งหวังสุดพลั้งเผลอ แม้นจะกู่สุดหล้าเพรียกหาเธอ พานพบเจอแต่เหว่ว้าโศกาดูร ร้อยเพลงฝันวันคืนที่แสนเหงา รักสองเราดั่งแรมเดือนฟากเลือนสูญ เป่ามนต์พลิ้วล่องลิ่วไปในกองกูณฑ์ โหยอาดูรฤทธิ์รักยากจักคลาย
๏ สรวงอำไพนัยน์วิจิตรยามพิศโสม ห้วงโพยมแต้มมาสวิลาสหาว ผืนราตรีคลี่ห่มด้วยพรมดาว วับวามวาวพราวไสวในแววตา เพลงคิดถึงพี่หวนมาครวญคร่ำ ทุกสร้อยคำย้ำจิตปริศนา พลิ้วลำนำคะนึงนวลป่วนอุรา ท่ามผกาหอมซ่านหวานละออง ~~ เพลง ~~ ๏"พิศพิลาสเพ็ญพักตร์ตระหนักแล้ว ทุกรอยแววเนื้อนุชงามผุดผ่อง พริบนัยน์เนตรวะวาวดาวต้องมอง เดือนซ่อนหมองครองคืนให้ผืนกาฬ พระพายเอยรำเพยมาเชยชื่น ยามค่ำคืนจันทร์แจ่มฟ้าราตรีผ่าน ชวนนุชน้องครองคู่อยู่เคียงลาน กล่อมพิมานเนรมิตวิจิตรเดือน ฯ ๏ หอมสายลมพรมร่างใกล้สางรุ่ง ซ่านเซ็นฟุ้งหวานน้ำคำใครพร่ำเหมือน หอมราตรีคลี่กลิ่นจนรินเลือน อย่าบิดเบือนเอื้อนเอ่ยชวนเชยจันทร์ รัญจวนใจในถ้อยคำที่พร่ำบอก อย่าลวงหลอกเรียมน้องร่วมครองขวัญ แสงยองใยยวงเงินแขแพรลาวัณย์ เป็นพยานรักมั่นนิรันดร ๚ะ๛