31 พฤษภาคม 2548 08:39 น.
ช่อมะไฟ
มีเรื่องหนึ่งสงสัยใคร่อยากรู้
อ่านกลอนดูตัวฉันพลันสงสัย
หนุ่มหน้ามนคนอักษรบ้านกลอนไทย
ว่าคนไหนเจ้าชู้อยากรู้จัง
เรียงลำดับความเจ้าชู้ดูสักหน่อย
ผู้ใดร้อยวลีมีมนต์ขลัง
หามิได้หยามหมิ่นหรือชิงชัง
วอนมิตรตั้งรายนามตามความจริง
20 พฤษภาคม 2548 00:47 น.
ช่อมะไฟ
มันตกผลึกแล้ว น้ำตา
เคยหลั่งรินนานมา หลายสิบครั้ง
ลงสู่พสุธา มิขาด
น่าอนาถเกินยั้ง เอ่อล้นทุกที
ดวงฤดีโศกเศร้า รันทด
ความรักนั้นมาหมด เลิกร้าง
นิยามแห่งสลด หดหู่
มาคู่ความอ้างว้าง เหว่ว้าหัวใจ
ใจโศกเศร้าเหงาเงียบ
หาใดเปรียบเทียบเคียงมา
ทับถมตรมอุรา
ชลนาทุกค่ำคืน
น้ำตามันรินไหล
จากหัวใจอันขมขื่น
ร่วงหล่นบนพื้น
พสุธาด้วยอาลัย
กระทั่งมันเหือดแแห้ง
ระเหยแข็งเป็นแผ่นใส
ตกผลึกลึกสุดใจ
แตกกระจายไร้อารมณ์
ร้างไร้ซึ่งใครปลอบ
จึงตีกรอบความขื่นขม
ทุก์ท้อขอตรอมตรม
ขอจ่อมจมอยู่ลำพัง
รออรุโณทัย
กระจ่างใสสว่างหวัง
พาใจก้าวไปยัง
สู่ฝั่งฝันบันดาลดล
รออยู่ที่ตรงนี้
คงจะมีใครสักคน
ซับน้ำตาที่หลั่งล้น
พาผ่านพ้นทรมาน
มีไหมใครเข้าถึง
เฝ้าคำนึงคอยสมาน
ฤทัยที่แแหลกราน
หล่อประสานได้ดังเดิม
6 พฤษภาคม 2548 02:11 น.
ช่อมะไฟ
เมื่อสายลมพัดพาเธอมาสู่
ฉันจึงอยู่ข้างกายไม่หายห่าง
เอาความรักมอบถวายไม่จืดจาง
พักพิงร่างเอนกายหมายว่าจริง
จึงกำหนดบทบาทบังอาจคิด
หลงเสพย์ติดมัวเมาเขาไม่ทิ้ง
เที่ยวกอดลมห่มใจหมายแอบอิง
ว่าคือสิ่งมิลวงห่วงอาทร
แสนเย็นฉ่ำปัดเป่าบรรเทาทุกข์
พัดความสุขสุขโขสโมสร
หวังเก็บกักเอาไว้ไม่สังวรณ์
เปลี่ยนเป็นร้อนเป็นหนาวร้าววิญญาณ์
จนยื้อยุดฉุดไว้ในหัวอก
หวังจะพกไว้ปลอบปลุกสนุกสนาน
ดวงฤทัยโหยหาอาลัยลาน
เลยล่วงผ่านหรรษามาถึงวัน
ที่สายลมพัดเอาเขาไปจาก
คราวพลัดพรากหมุนเวียนเข้าเปลี่ยนผัน
เพราะมากับลมรักลวงไม่ห่วงกัน
กระทั่งฝันยังหนีหายกับสายลม