22 กรกฎาคม 2546 15:24 น.
ชุมพา
จะดำเนินก้าวย่างให้คว้างคิด
ภาพนิมิต..ให้ร้อนจิต..พิสมัย
โอ้พักตราอ่อนหวานซ่านทรวงใน
ชโลมใจ..ทุกข์ร้อน..อ่อนกำลัง
ยามเมื่อรัก..พบบพักตร์..ก็ปลื้มปลาบ
แสนซึ้งซาบ..งามวิลาส..ต้องมนต์ขลัง
เห็นดวงหน้าลอยเด่นเป็นกำลัง
ทุกภวังค์..ทุกขณะ..จึงชื่นใจ
ยามพบทุกข์..อัคคีลุก..เผลาผลาญจิต
ความมืดมิด..ครอบครอง..หมองหม่นไหม้
เย็นพักตร์นาง..ดั่งจารวาด..ผาดอำไพ
เปรียบปานปราณลมหายใจที่ข้าฯมี
5 กรกฎาคม 2546 19:54 น.
ชุมพา
โลกนั้นหรือคือกรงไก่
อนิจจาโลกาคล้ายกรงไก่
จิกกันไปไม่หยุดช่างสุดขัน
โก่งคอแข่งกระพือขนชนใส่กัน
แต่ละวันกรงแทบพังน่าพรั่นใจ
ตีนเข้าจิกโต้งและแจ้แหวกันเข้า
ก็เหมือนเหล่ามนุษย์วินิจฉัย
ยิ่งพิศมองยิ่งเห็นก็เจนใจ
ว่าใครใครตีกันเหมือนระกา
31 พฤษภาคม 2546 20:11 น.
ชุมพา
โอ้กี่คืนกี่ยามเเห่งรัตติ
ดวงศศิพรางพร่างได้อับเเสง
ช่างอ้างว้างหวิววิเวกในเดือนเเรม
มีเเต่ดาววับเเวมกลางนภา
ฉันรอร้างด้วยใจที่หมองเศร้า
ใครจะเข้าใจฉันบ้างเล่าหนา
รอวันเเล้ววันเล่าเฝ้ารอมา
อยากตะกายว่ายฟ้าไปหาจันทร์
เเม้มีปีกแสนพิสุทธ์จะโบยบิน
ดังวิหคผกผินสู่สวรรค์
เหล่าเมฆาคงสดสีดั่งอำพัน
ขอจากเเผ่นดินนั้นให้ห่างไกล
แว่วเสียงใสบรรเลงให้ก้องโสต
ไร้เสียงโอดครวญครางละห้อยไห้
เป็นดินเเดนเเมนสรวงนภาลัย
อิ่มเอิบใจด้วยรักล้นพ้นวิญญาณ
แต่ยามนี้อยู่ยงบนปฐพี
ยังอยู่ในสถานที่น่าสงสาร
ขอดำรงชีพด้วยความดีงาม
ปัจฉิมยามใฝ่ฝันแคว้นเเดนเบื้องบน
วันคืนอาจหมุนเพี้ยน เปลี่ยนผัน
ความรักคงอยู่ยัน โลกสิ้น
ความตายอาจพรากฉัน จากเธอ ไกลนา
แม้จักต้องเดดิ้น สุดท้ายพบกัน