4 ตุลาคม 2550 20:15 น.
ชีวินมธุรา
ข้าเจ้า เป๋นสาวเหนือ
มีจาดเจื้อ เมืองคนงาม
หัวใจ๋ ใค่ฮู้กำ
ว่าฮักนั้น เยียะจะใด
ข้องขัด อยู่ตางใน
กะมีใผ อู้หื้อฟัง
ปี้สาว บ้านตางข้าง
เปิ้นหลงกำ เจื้อคนใต้
ฮักเปิ้น แต้นักหลาย
ผลสุดท้าย ให้ตึงวัน
แม่นว่า เป๋นจะอั้น
ข้าเจ้า หันบ่อยากมี
ฮักแต้ ตางใดจี๊
ปะกั๋นนี้ สักกี่คน
อกใน ว้าเววน
กึ้ดสับสน แต๊แต๊นา
ผู้บ่าว คนเมืองใต้
จ๋ำจดไว้ บ่เจื้อกำ
ฮูปหล่อ ในก๋วงดำ
เจ้าบ่นำ ไว้คู่เคียง
บ่าวใด ใสซื่อมั่น
ฮิเตียวหมั่น หาเจ้าหนา
มอบใจ๋ หื้อเอื้องผา
นับคณา บ่จุ้ลวง
กองผ่อ แม่นแล้วส่วง
เจ้าบ่หวง ฮับฮักเนอ เจ้า
******
ชีวินมธุรา
1 ตุลาคม 2550 08:01 น.
ชีวินมธุรา
คบมานาน รักกัน หวานดูดดื่ม
แสนเป็นปลื้ม กับชาย คนรักฉัน
เขานั้นหล่อ สมาร์ท เท่ใดปาน
สาวต้องหัน แลมอง กันมากมาย
แล้ววันหนึ่ง พึงรู้ซึ้ง ถึงความจริง
ยากทนนิ่ง ทำเฉย จนเกินสาย
ฉันพบเขา คนรัก อยู่กับชาย
อ้างว่าได้ เป็นเพื่อน กันมานาน
แรกแรกหา มีความ สงสัยไม่
มิทันไร พบเห็นยิ้ม สนุกสนาน
เป็นอย่างไร คบกัน จนเกินการ
แอบสอบทาน หัวใจ วูบหล่นลง
กรรมหรือไร ชักนำ ได้มาสบ
อยากจะลบ ความหลัง ที่เคยหลง
ช่างโง่เขลา เสียจริง นวลอนงค์
ดันซื่อตรง รักมั่น ชายรักชาย
เค้นคำถาม ด้วยความ อยากรู้นัก
เขาเพียงพัก อิงแอบ แนบอาศัย
กลัวสังคม ข่มหยาม ฐานะกลาย
จึงต้องใช้ ฉันบังหน้า ปิดเรื่องราว
ฉันฟังแล้ว สะอึก ตื้นในอก
ดั่งเหมือนตก จากเหว เสียบแหลนหลาว
น่าสงสาร ตัวเอง นะนงเยาว์
เกินบรรเทา ทุกข์ใด เท่าได้เจอ
ขอลาแล้ว ลาก่อน หนุ่มรูปหล่อ
แต่นี้หนอ ระวังใจ มิให้เผลอ
ไปรักชาย หน้าตาดี เจียวนะเออ
น้ำตาเอ่อ สมน้ำหน้า ตัวฉันเอง
******
ชีวินมธุรา
30 กันยายน 2550 15:18 น.
ชีวินมธุรา
รั้วระแนง ก่ายเกย สลับซี่
สมเป็นที่ พักผ่อน หายร้อนรุ่ม
กระดิ่งน้อย ห้อยย้อย ทั้งสี่มุม
ถูกปกคลุม เครือเถาว์ ไม้ใบบัง
กริ๋งกรุ๋งกรุ๊งกริ๊ง ดังยาม ลมพัดผ่าน
เสียงกังวาน ไพเราะ ดุจเสียงสังข์
โนราห์งาม ออกดอก ชูช่อกาง
แลสล้าง ชมพูแต้ม เรื่อเหลืองทอง
สองเรามัก ชวนกัน มานั่งเล่น
ยามคืนเพ็ญ เด่นดาว สกาวสวย
หอมหวลกลิ่น ดอกไม้ รายระรวย
จรุงจรวย อบอวล ด้วยอุ่นไอ
พร่ำพรรณนา สาธยาย ถึงความรัก
เขาหนุนตัก เว้าวอน เอ่ยขานไข
รักหนอรัก รักมาก จนหมดใจ
ไม่อยากไกล จากกลิ่น เนื้อนวลนาง
ในหัวใจ ปลาบปลื้ม ดื่มด่ำหวาน
สุขสำราญ เพลิดเพลิน มิเหินห่าง
รักเขามาก เช่นกัน มิจึดจาง
พูดไปพลาง มือกุมวาง หว่างหทัย
ซุ้มโนราห์ เบ่งบาน ดอกหลากสี
ส่งความหอม ลอยลม ล่องลมไหว
เขียวขจี แพรวพรรณ ลดหลั่นไป
เสียงน้อยน้อย ก้องไป ทั่วทั้งลาน
ภายใต้ซุ้ม โนราห์ ได้ผ่อนพัก
รำพันรัก สองคน ต่อเติมสาน
ผูกพันมั่น ร่วมกัน ไปชั่วกาล
โนราห์หอม เป็นพยาน ชื่นชมเชย
*************
ชีวินมธุรา
30 กันยายน 2550 08:09 น.
ชีวินมธุรา
อีเมลย์ ฉบับหนึ่ง
ส่งมาถึง ยังแก้วตา
ข้อความ เขียนไว้ว่า
คิดถึงหนา แสนอาวรณ์
ได้พบ อยากรู้จัก
ใจนึกรัก สุดถอดถอน
ยามกิน หรือยามนอน
ยากจะถอน รักในทรวง
อ่านแล้ว ให้งุนงง
ใครหนอคง หลงพุ่มพวง
นึกนาน เรื่องทั้งปวง
เหมือนดังบ่วง ข้องภายใน
เท่าไร คิดไม่ออก
ไม่รู้บอก ว่าอย่างไร
คนแกล้ง หรือไฉน
ทำฉันใด ใจวกวน
ตอบรัก ดีหรือไม่
ใครก็ได้ วานช่วยที
ตัดสิน ไม่ตกนี่
ช่วยนำชี้ สื่อความหมาย
หนุ่มน้อย ในอีเมลย์
คงจะเร่ รักเรี่ยราย
หว่านคำ ไปมากมาย
มุ่งมาดหมาย หาคู่ชม
หัวใจ ใคร่อยากรู้
อยากตอบดู กลัวรักขม
ลิ้นลวง คารมคม
บาดใจตรม หม่นฤทัย
*******
ชีวินมธุรา
29 กันยายน 2550 23:00 น.
ชีวินมธุรา
มีตำนาน เล่าขาน มานานนัก
เป็นเรื่องรัก รันทด ของชายหญิง
มิได้ครอง คู่กัน ในความจริง
ด้วยมีสิ่ง ต้องห้าม ตามกฏเกณฑ์
ยังมีชาย หนุ่มน้อย หน้าคมสัน
ทุกทุกวัน นำโค สองตัวเข็น
ทำไร่นา ตลอดปี ทั้งเช้าเย็น
ยากจนเค้น ลำเค็ญ สู้ทนไป
บนสวรรค์ เมืองแมน แดนงามงด
นารีเทพ หมดจด สดสวยใส
อยู่เจ็ดนาง ร่าเริง บรรเทิงใจ
ความทุกข์ใด หาไม่ มีย่างกราย
นารีน้อง สุดท้อง ข้องสงสัย
เบื้องล่างใต้ จักแล อย่างไรหนา
แอบลอบลง สู่โลก พสุธา
แปลงกายา สาวน้อย ชาวบ้านเป็น
ชายหนุ่มเก็บ เกี่ยวข้าว ขายตลาด
ร้องประกาศ เชิญชวน เข้ามาเห็น
ข้าวขาวขาว หูงไว้ ในตอนเย็น
รสชาดเช่น นุ่มลิ้น ซื้อเก็บตุน
สาวน้อยงาม เดินผ่าน พานมาพบ
ชายหนุ่มสบ ตานาง ใจว้าวุ่น
หญิงใดหนอ งามเกิน ยิ้มลมุน
นารีอุ่น วาบหวาม หวิวในทรวง
กาลเวลา ต่อมา ไม่นานนัก
ความรักพลัน มากมาย แสนใหญ่หลวง
คล้องสองดวง ฤทัย สุขทั้งปวง
จนลุล่วง ได้บุตร เป็นพยาน
กรรมมาซัด ตัดแล้ว ซึ่งความรัก
บัญชาจาก สวรรค์ มาเป็นสาสน์
บ่งบอกชี้ นารีทำ ผิดเกินการ
จำต้องหาญ แยกกัน อย่าขัดคำ
จำต่อรอง ปวงเทพ ผู้เป็นใหญ่
เทพเห็นใจ ความรัก มิขัดขาม
หนึ่งปีครั้ง ได้พบกัน เพียงชั่วยาม
ทั้งสองห้าม ใกล้ชิด แต่นั้นมา
หิ่งห้อยน้อย ร้อยพัน พร่างพราวแสง
ต่างร่วมแรง เรียงราย พรายเส้นหนา
ดุจสะพาน ทอดยาว สุดสายตา
คู่รักพา ได้พบ พร่ำพรอดพลัน
สาวทอผ้า หนุ่มชาวนา มั่นคงยิ่ง
มอบสัตย์จริง แก่กัน มิไหวหวั่น
ถึงแม้มี อุปสรรค มิอาจกั้น
คล้องใจขวั้น ยึดมั่น เพียงรักเดียว
หิ่งห้อยน้อย เริงร่า ยามคืนค่ำ
ขับลำนำ เพลงรัก ผกผินเที่ยว
เห็นใจใน สองหนุ่มสาว นั่นแท้เทียว
ความปราดเปรียว ปรองดอง รวมหมู่กัน
แสงระยิบ ระยับ ยาวเป็นสาย
สะพานใส ดั่งแก้ว งามเฉิดฉัน
สัญญารัก มั่นคง ตรงต่อกัน
หฤหรรษ์ ชื่นจิต ได้ชิดชม
***********
ชีวินมธุรา