9 ตุลาคม 2550 08:43 น.
ชีวินมธุรา
ผ่าน ความรัก มากมาย หลายชนิด
ผ่าน ชีวิต มากมาย หลายสถาน
ผ่าน ชายหนุ่ม ไร้มายา ทั้งเชี่ยวชาญ
ผ่าน วันวาร หนักหน่วง ห้วงหทัย
ชาย คนหนึ่ง บอกรักจริง กลับทิ้งขว้าง
ชาย คนหนึ่ง หม้ายร้าง น้ำใจหลาย
ชาย คนหนึ่ง มากรัก เกินบรรยาย
ชาย คนหนึ่ง ซื่อใส ไม่ยอมโต
พัก ความคิด จิตใจ หายว้าวุ่น
พัก ความขุ่น ข้องจิต มากอักโข
พัก ดวงใจ น้อยน้อย ที่เซโซ
พัก กาโย อ่อนล้า เพิ่มพลัง
รัก นี้หนอ พอที ขอหยุดก่อน
รัก นั้นร้อน รุมเร้า เรื่องหนหลัง
รัก หักใจ เศร้าหมอง ทุกข์ประดัง
รัก ปลดวาง ห่างเห เล่ห์มายา
********
ชีวินมธุรา
8 ตุลาคม 2550 13:07 น.
ชีวินมธุรา
รุ่งอรุณ เบิกฟ้า ตะวันส่อง
เสียงนกร้อง เจื้อยแจ้ว แว่วขับขาน
ไหลเอื่อยเอื่อย ฉ่ำเย็น สายลำธาร
ลมพัดผ่าน โบกโบย สะท้านกาย
กระท่อมน้อย แฝงกาย ในไพรกว้าง
ปลูกท่ามกลาง แมกไม้ มากหลากหลาย
ทั้งเครือเถาว์ พฤกษาหอม ล้อมเรียงราย
ธารน้ำใส ไม่ไกล ยินสำเนียง
ภายในนั้น มีความรัก ความอบอุ่น
สุขสมบูรณ์ พร้อมพรั่ง มั่นคงเที่ยง
อิงอาศัย ผ่อนกาย ด้วยคู่เคียง
หลบหลีกเลี่ยง ความวุ่นวาย ในเมืองกรุง
ชายหนุ่มเหน้า ร่างกำยำ ดูล่ำสัน
ร่างคงมั่น หน้าคม กายใหญ่สูง
นั่งหน้าลาน กลิ่นดอกหอม รวยจรุง
สองตามุ่ง เขม้นมอง สู่หนทาง
หญิงนารี ร่างงาม ค่อยเยื้องย่าง
โฉมสอางค์ ผิวผ่อง ยิ้มเจือจาง
ตรงเข้าสุ่ กระท่อมน้อย รื่นรมย์พลาง
จากไกลห่าง ป่านฉะนี้ คงแลตา
ชายหนุ่มแย้ม ดวงตา เป็นประกาย
นวลยิ้มพราย กรายไกล้ เข้ามาหา
ความรักเต็ม เบ่งบาน ทั่วพนา
เริงหรรษา อบอวล รุ่งเรืองรอง
สองแขนมั่น ตระกองกอด สาวคนรัก
เนื้อนวลพัก อิงแอบ อกอุ่นสอง
สมดั่งเป็น คู่สร้าง เสกสมปอง
ได้ร่วมครอง คล้องใจ นิจนิรันดร์
กระท่อมน้อย พรมพร่าง กระจ่างนัก
ผูกสมัคร ดวงฤทัย หฤหรรษ์
กระท่อมน้อย กลางไพร ใต้แสงจันทร์
ดุจสวรรค์ รักแน่นหนัก ยากจักลืม
*******
ชีวินมธุรา
7 ตุลาคม 2550 20:24 น.
ชีวินมธุรา
เดือนดาว ประดับฟ้า
ห้วงนภา กระจ่างงาม
วิบวับ วะวาววาม
ทั่วเขตคาม สว่างไกล
ยามนี้ เปล่าเปลี่ยวจิต
คนเคยชิด กลับร้างไป
ทอดทิ้ง หมดอาลัย
ผิดสิ่งใด มิเอ่ยคำ
เคยเคล้า ยะเย้าหยอก
วาจาบอก รักดื่มด่ำ
หัวใจ นั้นจดจำ
ทุกครั้งพร่ำ จำนรรจา
บัดนี้ สิกลับกลอก
ลวงล่อหลอก สิเน่หา
ละเลิก หานำพา
ระเริงร่า คนใหม่มี
คืนนี้ ดั่งคืนนั้น
แต่ต่างกัน หาสุขศรี
อ้างว้าง ร้างฤดี
เศร้าชีวี ทุกข์ระทม
ชายเอย ช่างร้ายกาจ
ใช้ลิ้นบาด คารมคม
เล่ห์เหลือ เกลียวกลิ้งกลม
ให้นวลขม ตรมฤทัย
*******
ชีวินมธุรา
7 ตุลาคม 2550 07:55 น.
ชีวินมธุรา
ความรักนั้น หากใคร ประสบเล่า
ีเครื่องปรุงเข้า นำเสนอ ร่วมผสม
สูตรสำเร็จ เติมใจ ชวนชื่นชม
สุขอารมณ์ ต่อรัก ให้ยืนนาน
อันดับแรก ความเข้าใจ ไว้เป็นหลัก
ความจริงใจ จักเคล้าคลุก สมานฉันท์
ได้ส่วนดี พอเหมาะ ตามต้องการ
พักนานนาน กลิ่นเริ่มโชย หอมลมุน
เติมตามด้วย ความหวง ห่วงใยยิ่ง
เด็ดเอากิ่ง ความอาทร เป็นท่อนหนุน
ยกตั้งไฟ ความคิดถึง คนึงลุ้น
ให้เพิ่มพูน ด้วยปรารถนา พอสุกดี
ชิมเสียหน่อย พอรู้รส นั้นกลมกล่อม
เรียงรายล้อม ด้วยผัก เสน่ห์นี่
ตักใส่จาน ความหนักแน่น มั่นคงมี
เสริฟตั้งที่ ห้องหทัย สองชวนชิม
อาหารรัก ชุดนี้ ต้องพิเศษ
แถมเครื่องเทศ ความไว้ใจ แกมเครืองจิ้ม
หวานพาที แต่งสวย ตามขอบริม
ใครได้ลิ้ม รสรักซ่าน ซาบซึ้งทรวง
มอบแด่ท่าน ผู้ที่ มีความรัก
ช่วยกันจัก ตกแต่ง ภายในห้วง
แห่งดวงใจ ทั้งสอง สุขเลิศปวง
แม้กาลล่วง หมั่นเติม รสรักแล
**********
ชีวินมธุรา
6 ตุลาคม 2550 19:03 น.
ชีวินมธุรา
เสียงโห่ร้อง ก้องกึก ดังสนั่น
ปี่ฆ้องนั่น กังวาน ทำนองใส
หมู่ชายหญิง ร้องเพลง สนุกใจ
บ่าวผู้ไท ชุดขาว ขันหมากมา
ชุดวิวาห์ สีขาว พราวพิสุทธิ์
เจ้าสาวดุจ เทพธิดา สวยหนักหนา
ทั่วเรือนร่าง ประดับงาม สะดุดตา
สร้อยมาลา ปิ่นเงิน กำไลทอง
ถึงเวลา บ่าวสาว รดน้ำสังข์
หญิงร่างท้วม สูงเพรียว เริ่มมีท้อง
เดินเฉิดฉาย กรายเข้ามา ตาจ้องมอง
ผู้บ่าวต้อง หลบหน้า เหงื่อท่วมกาย
นิ้วเรียวงาม ชี้หน้า ว่า ผัวฉัน
เจ้าสาวพลัน หน้าเผือด เหือดแห้งหาย
ใบหน้าพริ้ง ยามนี้ น้ำตาพราย
สุดอับอาย มองหน้าใคร ดูเลือนลาง
หมดสติ ล้มพับ กับแท่นสังข์
เสียงอึงดัง มิรู้สม ถ้อยถากถาง
ลืมตาขึ้น เหลียวมอง ทุกทิศทาง
ความอ้างว้าง เกาะกุม สุมดวงใจ
น่าอนาถ ชีวิตตน จริงเจียวนัก
มิรู้จัก ไตร่ตรอง ก่อนจะหมาย
เชื่อลิ้นลม คำคม คารมชาย
หวังเพียงได้ พึ่งพิง อิงแอบนาน
ครานี้หนอ บทเรียน ปวดร้าวยิ่ง
ถูกหักชิง ต่อหน้า เกินว่าขาน
อึดอัดทรวง ดวงฤทัย แตกร้าวราน
ล่วงตามกาล รักษา พาคงคืน
ลาแล้วลา ความรัก อย่าได้พบ
แม้ได้สบ ชายอื่น มิประสงค์
เก็บหัวใจ ใส่หีบ ปิดฝาลง
ลั่นดาลลง กุญแจใจ เซฟปิดตาย
*****
ชีวินมธุรา