28 กันยายน 2548 11:03 น.

กลับบ้าน..

ชลกานต์

ในดวงตาว้าเหว่คนเร่ฝัน
เมืองตีบตันเต็มตึกฉันนึกหวาด
คืนเงียบเหงาเฝ้าฟ้าดาราวาด
ไฟเมืองกราดเกลื่อนกลบจนลบดาว

อึกทึกคึกคักชวนหนักเหนื่อย
ลมอับเอื่อยอาภัพห้องหับหนาว
ฉุนกลิ่นขมซมขื่นสะอื้นคาว
มากเรื่องราวรันทดทั้งหมดเมือง

ร้างแววตาหน้าคุ้นให้อุ่นอก
หากตายตกคงไร้ใครรู้เรื่อง
ทนอ้างว้างห่างเหินดำเนินเนือง
คงเปล่าเปลืองเวลาชะตาเรา

อาจแปลกแยกแผกไปจากใครอื่น
เกินจะฝืนความเยียบอันเงียบเหงา
อยากได้ยินหินทรายทักทายเงา
ใช่ความเปล่าผุพังผนังปูน

เก็บชีพน้อยถอยร่นถนนไฟ
ก่อนดวงใจแรงผินจะสิ้นสูญ
กลับสู่บ้านชานป่าที่อาดูลย์
เกิดจำรูญความหวังใกล้รังเรือน

ละอองหมอกดอกฝันจึงพลันหวาน
เมื่อฉันขานรับพรลมอ้อนเอื้อน
เมื่อฉันนอนช้อนตาพบหน้าเดือน
เมื่อชีพเคลื่อนพ้นจากซากเมืองนั้น				
26 กันยายน 2548 14:18 น.

เล็กเล็กน้อยน้อยร้อยเรียง

ชลกานต์

ริ้วตะวันพันแสงทะแยงเส้น
หยาดมาเร้นบนสายระบายสร้อย
กระทบร่างน้ำค้างกระจ่างพลอย
บรรจงร้อยรวงไล้ไว้เบาบาง

ระยิบระยับวับวาวราวดาวฟ้า
แต้มพฤกษาชื่นฉ่ำพรำน้ำค้าง
สร้อยแมงมุมรุมเรียงอยู่เคียงทาง
โลกนี้สร้างอย่างไรไยงดงาม

ไต่ตาลงพงไม้ในสุมทุม
หญ้าชะอุ่มตื่นใบไร้ดงหนาม
ดอกเห็ดขาวราวมุกมณีวาม
ประจำยามหยั่งโยงใกล้โพรงคอน

สายลมป่าพาพัดจนชัดแจ้ง
ความงามแฝงความจริงในสิงขร
จากเล็กเล็กน้อยน้อยร้อยเป็นพร
กล่อมโลกร้อนให้เย็นเช่นฉะนี้ฯ				
11 กันยายน 2548 11:39 น.

เขาและเธอ

ชลกานต์

ดาวน้อยร่วงลมหน่วงไปไกลถิ่น
ใครจะรินน้ำตาคราดาวร่วง
ใครจะเฝ้าเก็บเศษธุลีดวง
ใครจะทวงสัญญาฟ้าลืมดาว

เธอใช่ใหม่ในฝันที่ฉันเห็น
เธอผู้เป็นบุตรชายสายลมหนาว
เธอผู้เป็นธิดาบุปผาพราว
เธอผู้จดเรื่องราวในบทกวี

เธอคงเป็นพันธะวาระจิต
จึงเฝ้าคิดคอยนั่งฟังไผ่สี
เฝ้ารำพันฝันซึ้งถึงความดี
เฝ้าถนอมโลกนี้ด้วยความรัก

ดวงตาหวานเปี่ยมสุขครึ่งหนึ่งเศร้า
ด้วยเธอ-เขา แบกฝันอันหน่วงหนัก
จะเจ็บปวดแทนกรวดช่างง่ายนัก
ใครจะทักว่าบ้าก็ว่าตาม

ทั้งยินดียินร้ายใบไม้หล่น
และดั้นด้นเทียวไปไล่ไต่ถาม
ฝันของเหล่าใบไม้ง่ายงดงาม
หรือเกินคำนิยามของเขา-เธอ

คืนนี้ดาวน้อยร่วงเป็นห่วงไหม
เอาดวงใจเช็ดน้ำตามาเสมอ
คงเสาะหาค้นฝันกันจนเจอ
หรือไผลเผลอหลับไหลไปชั่วกาล..				
9 กันยายน 2548 10:50 น.

ต้อยติ่ง

ชลกานต์

ลมระริกพลิกระริ้วพลิ้วระลอก
น้ำค้างหยอกต้อยติ่งเข้าอิงฝัก
ตลับน้อยพลอยแตกเมล็ดทัก
ดินหญ้าวักตระกองป้องดูแล

เมฆประดับจับคาเวหาหน
เอื้อหยาดฝนฉ่ำรินสินธุกระแส
ไม้ใหญ่กางวางร่มพรมผืนแพร
ห่มดวงแดเมล็ดน้อยต้อยติ่งนั้น

จากแสงวันสู่แสงจันทร์ไออ่อนอุ่น
โลกคอยหนุนความรักเต็มตักฝัน
จากเมล็ดสู่ยอดกล้าท้าประชัน
สู่ช่วงชั้นเติบโตโผล่แข็งแรง

ทดแทนคุณหญ้าดินถิ่นลำเนา
ดอกลำเพาเห่ร่มห่มระแหง
กว่าเมษาจะผ่านด่านแดดแดง
โลกมิแล้งอย่างที่คิดพินิจดู

ใครว่าดอกต้อยติ่งจะต่ำต้อย
คุณค่าด้อยเพียงใดใช่อดสู
ธรรมชาติก่อเกิดเปิดประตู
เราเรียนรู้ตัวเราให้เข้าใจ

แตกตลับฝักน้อยดอกต้อยติ่ง
นี่คือสิ่งที่บางคนทนสงสัย
โลกเพียรสร้างหญ้า-หนาม งามอย่างไร
แล้วเราไยแบ่งชนชั้นชะตาคน..				
8 กันยายน 2548 13:09 น.

กลั่นใจ สายแดด กับ สายน้ำ

ชลกานต์

[แดดเช้า] 


ถึงสายน้ำ
เคยบอบช้ำกับลมซ้ำกระหน่ำไหม
ฉันอยากถามถึงความงามความเป็นไป
เธอเคยไหม? ถูกกระเทาะเปลือกเปราะบาง

สายน้ำเอย
โปรดเปิดเผยเธอมีเปลือกตรงไหนบ้าง
ลมโหมลงกระหน่ำซ้ำซัดผ่ากลาง
เธอยังกล้าไหลเวิ้งว้าง กลางสายชล

ถึงสายน้ำ
ฉันยังร่ำคำถามหาเหตุผล
ความเป็นเธอเอ่อไหลคล้ายร่ายมนตร์
บันดาลดลเย็นผ่านซ่านหัวใจ

ถึงสายน้ำ
ชีวิตยังเดินย้ำ ซ้ำอ่อนไหว
เธอยังคงเดินหน้าท้าทายไป
ไม่เคยไหลย้อนกลับไม่หลับ-ทวน

ถึงสายน้ำ
ปรับตัวซ้ำซ้ำรอยไม่คล้อยหวน
โลกยังผันวันยังหมุนวุ่นแปรปรวน
เธอใคร่ครวญอย่างไร นะ สายน้ำ.


                                                                  [ชลกานต์]

โอสายแดดแผดจ้าทาฟ้ารุ่ง
เปลือกนั้นมีแต่งปรุงรอบตัวฉัน
ดังเธอเห็นน้ำใสในนิ่งนั้น
ลึกลึกหวั่นดังน้ำไหลไม่เคยนิ่ง

สายแดดเอย
ฉันเปิดเผยตัวฉันแก่ทุกสิ่ง
ต่างคนมองความคิดต่างความจริง
หลากหลายอิงความหมายในใจใคร

สายแดดที่รัก
อย่าตระหนักเหตุผลค้นขุ่นใส
สัมผัสฉันเรื่อยเรื่อยและเรื่อยไป
ในดวงใจเราจะสื่อซึ่งความเป็น

สายแดดจ๋า
เหนือนาวามีนางนวลทวนลมเล่น
เหนือดวงตายังมีอื่นซ่อนเร้น
เราต่างเข็นชีวิตในทิศเรา

ถึงสายแดด
ซุ้มพวงแสดระบัดสีระบายเถา
ในหับไม้ใต้ใบปรกรกเรื้อเงา
อาจว่างเปล่า-หรือซ้อนซบ-ทบความคิด


                                          [แดดเช้า] 

ฉันมั่นว่าสายน้ำไร้เปลือกหุ้ม
จึงไร้ความกลัดกลุ้มหุ้มถูก-ผิด
ความหวั่นไหวของสายน้ำฉ่ำเพียงฤทธิ์
เพียงดวงจิตใสสะอาดเป็นหยาดเพชร

ถึงสายน้ำ
กลไกแห่งทุกถ้อยคำล้วนเบ็ดเสร็จ
เป็นเหตุผลดลบันดาลสานทุกเม็ด
ปรุงแต่งเก็จละเอียดละเมียดพอ

สายน้ำเอย
ทุกหยาดเธอเฉลย เผยแรงก่อ
เป็นสายน้ำฉ่ำเย็นกระเซ็นรอ
เพื่อถักทอสายแดดแสดระยับ

ถึงสายน้ำ
เพียงไร้รอยซ้ำย้ำเธอเกิดดับ
กระทบลมกระเทือนฝนเธอยังรับ
ทุกสัมผัสซึมซับแห่งน้ำเนื้อ

สายน้ำที่รัก
เธอไม่เคยคิดพักหลับใหลเอื้อ
เธอไม่เคยหยุดนิ่งเพียงอิงเรือ
พลังเธอเหลือเฟือ นะ สายน้ำ.

                                                                   (ชลกานต์)

แดดระยับจับหน้าต่างทางลมโบก
โลกทั้งโลกพราวพร่างสว่างไสว
แดดกระซิบถามฉันฝันอะไร
ในดวงใจสายน้ำฉ่ำลึกนั้น

สายแดดจ๋า
เปลือกมายามีมากจนไหวหวั่น
อาจบางทีขรึมเศร้าเหงาเงียบงัน
โหยหาวันมีใครสัมผัสรู้

สายแดดจ๋า
ขณะที่บางคราเราขับสู้
ทั้งน้ำตาไหลหลั่งและพรั่งพรู
ส่งเรือสู่ฝั่งฝันดังใจเรือ

สายแดดจ๋า
กว่าส่งใครถึงท่าจนเหนื่อยเหลือ
เวิ้งทะเลโอบเรากับคาวเกลือ
หรือชีวีตเราเพื่อความอ้างว้าง

สายแดดจ๋า
ด้วยฝนยังเทมาจากฟ้ากว้าง
สายน้ำจึงไหลบ่าระยะทาง
จากฝันฟ้าสู่ฝันสร้างทางน้ำไหล..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชลกานต์
Lovings  ชลกานต์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชลกานต์
Lovings  ชลกานต์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชลกานต์
Lovings  ชลกานต์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงชลกานต์