เช้าวันนี้ฉันตื่นสายกว่าทุกวัน ซึ่ง ปกติแล้วฉันตื่นราวๆ 6 โมงกว่าๆ แต่วันนี้ฉันตื่นราวๆ 7 โมงเช้า นับว่าสายพอสมควร อาจเป็นเพราะเมื่อคืนฝนตกพรำๆเกือบตลอดทั้งคืน ฉันเลยนอนขดตัวบนเตียงนุ่มๆภายใต้ผ้าห่มผืนหนา หวังหาความอบอุ่นให้ร่างกาย ถ้าไม่เป็นเพราะน้องเหมียวที่บ้านมาปลุก ฉันก็คงนอนอยู่อย่างงั้น แต่นี่ เจ้าหล่อนตื่นมาแล้ว ก็เอาฝ่าตรีง เอ้ย ฝ่ามือนุ่มๆที่ปกคลุมด้วยขนอันปุกปุย มาตะบปเข้าที่ปลายคาง หวังปลุกให้ฉันลุกจากที่นอน ฉันร้องอืม ทักทายน้องเหมียวไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะพลิกตัวหันไปอีกทางหวังจะหลับต่อ แต่รู้สึกเหมือนกับว่าน้องเหมียวจะนั่งมองตาแป๋วซะงั้น ใช่..เจ้าหล่อนไม่ยอมจริงๆด้วย คราวนี้น้องเหมียว เดินไปทางที่ฉันพลิกตัวหนีพลางเอามือมาตะบปเบาๆ ที่แก้ม 2 ครั้ง พลางเรียกเหมียวๆ ราวกับเธอจะบอกว่า " พี่วาขี้เซา ตื่นได้แล้ว ตื่นๆ " ฉันคิดในใจ " ตื่นก็ได้...วุ้ย " อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ทำธุระส่วนตัวเสร็จ แก้วกาแฟใบโปรดถูกฉันหยิบนำมาวางไว้บน ม้านั่งหน้าบ้าน แสงอาทิตย์อ่อนๆส่องมาทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นเป้าหมายของสวนดอกไม้ที่ฉันจะเดินผ่านพอดี แสงแยงตาทำให้ฉันต้องหรี่ตาลงนิดหนึ่ง จากนั้นฉันก็ค่อยๆลืมตาพลางเพ่งสายตาเพื่อพินิจความงาม ของธรรมชาติยามเช้ารอบๆกาย ประโยคหนึ่งผุดเข้ามาในใจ " ดอกไม้งาม ยามบานเช้า " ใช่ซินะ ดอกไม้จะงดงามได้ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ยามเช้า พร้อมๆเกล็ดน้ำค้างที่เกาะพราวบนดอกและใบเหล่านั้น แต่นี่ไม่ใช่เกล็ดน้ำค้าง หากแต่เป็นเม็ดฝนพรำๆต่างหาก สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาเริงร่า สดชื่นอยู่ในที แม้บางดอกอาจมีกลีบช้ำไปบ้าง เพราะเม็ดฝนและแรงลม ที่ ถาโถมเข้าใส่ แต่พวกเขาก็ดูมีความสุข ชบาสีแดงสดชูช่อท้าแสงตะวันยามเช้า โน่น กุหลาบสีชมพูดอกโต กลิ่นก็หอมเย้ายวนชวนสดชื่น ทำให้ฉันอดที่จะสูดดมความหอมของกุหลาบดอกนั้นเสียมิได้ ด้านซ้ายมือ มีต้นดาวเรืองออกดอกสีเหลืองสด ยืนเอนท้าสาย ลมที่พัดผ่านช่อดอกและใบ ผีเสื้อปีกขาวหม่นบินหยอกล้อเล่นลม พลางโฉบฉวย เอาความหอมหวานจากเกสรดอกดาวเรืองนั่นไปด้วย นี่กระมังที่ใครๆเขาพูดกันวา ผีเสื้อและดอกไม้เป็นของคู่กัน ซึ่งต่างก็เอื้อประโยชน์ให้แก่กันและกัน ฉันสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเข้าเต็มปอด บรรยากาศยามเช้าดีอย่างนี้นี่เอง คิดแล้วก็อดที่จะยิ้มคนเดียวไม่ได้ พลางคิดอะไรเล่นๆ ไปเรื่อยเปื่อย ถ้าฉันให้คุณเลือก คุณจะเลือกเป็นดอกไม้ชนิดใด ระหว่าง "ดอกไม้สวรรค์ ในแจกันไม้ไผ่ " หรือ " ดอกหญ้าริมทาง ท่ามกลางธรรมชาติอันกว้างใหญ่ " หรือ " ดอกหญ้า ในแจกันทอง " ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ ไม่ว่าคุณเลือกดอกไม้ชนิดใด ไม่ว่าถูกหรือผิด คุณค่าและความงามของดอกไม้ไม่จำเป็นต้องเลิศหรูด้วยเครื่อง ปรุงแต่ง ไม่จำเป็นต้องฉีดพ่นน้ำหอมอย่างดีราคาแพงจากฝรั่งเศส แต่คุณค่าหรือความงามอยู่ที่ตัวของเขาเอง ไม่ว่าดอกหญ้าหรือ ดอกไม้ใดๆ คุณค่ามักแตกต่างกันออกไปตามคุณประโยชน์การใช้สอย ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )
" น้ำท่วมน้องว่าดีกว่าฝนแล้ง พี่ว่าน้ำแห้งให้ฝนแล้งซะยังดีกว่าาา น้ำท่วมปีนี้ทุกบ้านล้วนมีแต่คราบน้ำตา พี่หนีน้ำขึ้นบนหลังคา น้ำตาไหลคลอสายชล " (กรุณาลากเสียงแอคโค่ เพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่านและการฟังเพลง อิอิ ) เสียงเพลงน้ำท่วมของคุณศรคีรี ศรีประจวบ(หรือเปล่า)ดังคั่นรายการช่วยเหลือ พี่น้องชาวใต้ที่ประสบอุทกภัยทางทีวีช่อง สทท.สุราษฏร์ธานี ซึ่งเป็นช่องข่าวทีวีที่นำเสนอข่าวท้องถิ่นตั้งแต่จ.ชุมพรลงมา และช่วงนั้น ข่าวฮิตติดจอก็หนีไม่พ้นข่าวน้ำท่วม ยิหวาซึ่งเคยไปซื้อกับข้าว และสิ่งของต่างๆก็ต้องมีอันหยุดชะงักลงในช่วงน้ำท่วมเช่นกัน อีกประมาณ 4-5 วันต่อมามีรายการพยากรณ์อากาศบอกว่า ฝนจะตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่จ.สุราษฏร์ธานี และอาจตกติดต่อ กันเป็นเวลาหลายวัน อาจทำให้เกิดน้ำท่วมทุกพื้นที่ รวมถึงอ.ไชยาด้วย (คิดในใจ อ่ะ ..บ้านเรานี่น่า ) " อืม..ไม่ได้การแล้ว ต้องออกไปซื้อกับข้าว อาหารแห้งมาตุนไว้ซะก่อน " ยัยวาคิดในใจ แล้วก็เอ่ยปากชวนพี่สาวข้างบ้านไปซื้อของในตลาดไชยา (ประมาณว่า ร่วมด้วยช่วยกันซื้อ ช่วยกันกิน แฮ่..แฮ่..) " หวายยย..เจ้ น้ำท่วมถึงหัวเข่าด้วยอ่ะ ดูดิ " วา ตกใจกับภาพทุ่งนาสองข้างทางที่เคยเขียวขจี แต่บัดนี้กลายเป็นทุ่งทะเล ไปเสียทั้งหมด เอ.. แล้วในตลาดไชยาจะเป็นยังไงบ้างหนอ ? คิดในใจ สงสารชาวนาในละแวกนั้น คาดว่าจะขายข้าวได้ราคาดี แต่โดนน้ำท่วมนาข้าวยับเยินเสียหายกันทุกครัวเรือน ฉันกับพี่สาวคนข้างบ้านรวมทั้งเพื่อนบ้านร้านตลาดคนอื่นๆ ต่างพากันบุกป่าฝ่าดง เอ้ย พากันเดินลุยน้ำกันถ้วนหน้า ทันใดนั้น พี่สาวตัวดีพลันแหกปาก เอ้ย อ้าปากร้องกรี๊ดดดออกมา ทำเอายิหวาสะดุ้งเฮือกกับเสียงกรี๊ดที่แรงกว่า180แรงม้า เอ้ย 180 เดซิเบล ( เธอทำยังกะนั่งดูหนังหวีดสยองขวัญยังไงยังงั้นเลยค่ะ) เธอร้องกรี๊ดอย่างเดียวไม่พอ สะบัดเท้าเร่าๆๆๆ เต้นเหย็งๆๆกลางสายน้ำ " เฮ้ย เจ้ เป็นไรไปนี่ ผีเข้าหรือปอบออก ? " คำถามนี้น่าตบซ้ำเข้าที่ใบหู " ปู.. ปูหนีบ " เจ้บอกด้วยน้ำเสียงอันสั่นๆ พลางทำท่าขนลุก " ไหนๆ ไหนปูล่ะเจ้ ? " ฉันตื่นเต้นทันที เมื่อได้ยินคำว่า " ปู " เพราะนานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ออกไปจับปลา หาปู ทำให้คิดถึงอดีตที่ผ่านมา ครั้งที่เตี่ยยังมีชีวิตอยู่ ฉันยิ้มน้อยๆพลางเกิดความรู้สึกอุ่นวาบที่ข้างในใจ คิดถึงเตี่ยจัง " นั่นไงๆ ..สีดำๆนั่นน่ะ " พี่สาวชี้นิ้วทั้ง 5 มั่วๆไปยังสิ่งหนึ่งที่ผลุบๆโผล่ๆกลางสายน้ำ " อืม.. เดี๋ยวจัดการเอง " ฉันวิ่งไล่จะจับปู(ของพี่สาว) ทันใดนั้น ราวกับเสียงจากสวรรค์ลงมาโปรดยิหวา " น้องสาวเหอ ม่ายช่ายปูทีนิ นั่นมัน "แมงปอง " พี่บ่าวตัวดำๆ แต่ยิ้มฟันขาวร้องบอกออกมาจากห้องแถวริมฟุตบาธ " อ่ะจ๊ากกกก..." ยัยวาชะงักกึก ดั่งพระอภัยมณีต้องมนต์นางโมรา ( เอ้า... คนละเรื่องเดียวกันเลย เนอะ อิอิ ) ฉันยอมรับว่า ตกใจเหมือนกัน แมงป่อง กับ ปู แหมๆ พี่สาวเรา ทำไปได้ รู้เพียงว่า ตัวเองหน้าซีดเหมือนน้องหมาโดนสิบล้อเฉี่ยวริมถนน หันไปแว้ด เอ้ย หันไป(กัดฟัน)พูดกับพี่สาวเบาๆว่า... " ปู..* ป้อคิงกา อ่ะดิเจ้ " เกือบซวยไม่รู้ตัวแหล่วยัยวา พี่สาวตัวดีมีหน้ายื่นหน้าย้อนถาม " ป้อคิงกา คือไรเหรอวา ? " " บอกก็กลัวดิ... แบร่....." โอ้...ชีวิตยิหวาน่าอนาถนักเกือบได้ลงข่าวหน้า 1 ไทยรัฐ มังตายเพราะโดนปูไม่ทราบสายพันธ์หนีบตายคาสายน้ำกลางเมืองไชยา55555 ว่าแต่ว่า ปู เอ้ย แมงป่องสีดำตัวนั้นมีขนาดใหญ่จริงๆนะ เขาคงหนีน้ำหาทางเอาตัวรอดเช่นมนุษย์เรา เอ หรือว่า เขาออกมาซื้อมาม่าตุนไว้หว่า ไว้ต้มกินยามน้ำท่วม เอ๊ะ หรือว่า แอบมาซื้อน้ำมันปาล์มเก็บไว้กักตุนราคาแน่เลย อิอิ อ่ะ ว่าด้วยเรื่องสัตว์มีพิษต่อดีกว่าค่ะ นอกจากแมงป่องแล้ว สัตว์มีพิษอื่นๆ ถ้าโดนต่อยแล้วฉันมักมีอาการแพ้พิษของสัตว์เหล่านี้ ไม่ว่า แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน หรือ แม้แต่ " ทวยมัน " สัตว์เหล่านี้ ยัยวาต่อยมาหมดแล้ว เอ้ย เคยโดนพวกเขาต่อยมาหมดแล้ว ( อ่อ ลืมไป แมงป่องยังไม่เคยโดนต่อย อิอิ ) ฮั่นแน่ะ.. งง ล่ะซิคะ ว่า " ทวยมัน " คือ อะไรกัน อิอิ " ทวยมัน " เรียกชื่ออีกนัยหนึ่งก็คือ แมงป่องบ้านคะ ลำตัวเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ มีพิษสงพอสมควรเหมือนกัน ปลายหางแหลมๆนั่นแหละตัวดี เก็บพิษได้มากมายเชียวล่ะ อย่าเผลอไปต่อยเขา เอ้ย อย่าเผลอไปให้เขาต่อยเชียว ปากเจ่อ อิอิ "ทวยมัน" ออกลูกทีละเป็นร้อยๆตัว ยี้... หยะแหยงๆ อิอิ พวกเขาเหล่านี้มักชอบอยู่ในที่อับ ชื้น หรือไม่ก็ขอนไม้ผุๆ ในห้องเก็บของ ตามซอกตามมุม คุณควรระวังให้ดี สมัยเด็กๆฉันชอบปีนป่ายไปเรื่อย ซอกประตูก็เอามือแหย่ไปมั่ง ร้องไห้ประจำ โดนทวยมันต่อย 555 ไม่หลาบไม่จำ ปีนขึ้นบนขอบไม้ของประตู เอ้า โดนต่อยอีก ร้องไห้อีก ...เตี่ยต้องหาหลักฐานและพยานมายืนยัน นั่นก็คือ ตามล่าตัวทวยมันตัวนั้นให้เจอแล้วตีให้ตาย เอามันหรือของเหลวที่เหลืองๆที่อยุ่ในร่างกายของทวยมันมาทาแผลที่โดนต่อย (คล้ายๆกับมันปู หรือ มันกุ้งประมาณนั้นแหละคะ) แม้ฉันจะขยะแขยงแค่ไหน จำต้องยอมให้เตี่ยทาแผลให้ เพราะเตี่ยบอกว่า เป็นยาชั้นดี ทำให้หายเร็วขึ้น ( ประมาณว่า หนามยอก เอาไม้หน้าสามบ่ง เอ้ย หนามบ่งหรือเปล่าไม่แน่ใจ อิอิ ) อ่าววว...ลืมไป คุยเรื่องปู มาออกแมงป่อง สุดท้ายมาจบลงที่ทวยมันได้ไงหว่า อิอิ ความรู้เนอะ เล็กๆน้อยๆพอเป็นกระษัยแก้ลดกรด ลดแน่นเฟ้อ ฮี่..ฮี่.. " น้องอยู่บ้านดอน ช่างไม่อาทรถึงพี่สักครา ไม่มาช่วยพี่ซับน้ำตา ไม่มามองพี่บ้างเลย " เสียงเพลงน้ำท่วมยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วในหน้าจอทีวี แต่ฉันยังคงคิดถึงปูตัวนั้น ( ที่ไม่ใช่ ปู พงษ์สิทธ้ คัมภีร์ ) พลางคิดในใจ โอ้..ปูของพี่สาวฉ๊านนนนน เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจพี่สาว " ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น ) * ป้อคิงกา คำนี้ห้ามลอกเลียนแบบ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อิอิ เด็ก สตรี หญิงมีครรภ์ และคนชรา ควรอยู่ในความดูแลของผู้มีวุฒิภาวะ ปัญญาภาวะ และหนี้สินคือภาระ 55555
" แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน วันหนึ่งมันถูกฝน ไหลหล่นจากบนหลังคา พระอาทิตย์ส่องแสง น้ำแห้งเหือดไปลับตา มันรีบไต่ขึ้นฝา หันหลังมาทำตาลุกวาว" เนื้อเพลงนี้เป็นบทเพลงที่น่ารักๆฉันได้ยินตั้งแต่สมัยเด็กๆ ใครที่เคยผ่านการกินเด็ก เอ้ย ผ่านการเป็นเด็ก คงต้องเคย ได้ยิน และร้องเพลงนี้กันมาบ้างละ แล้วยิหวาเกี่ยวอะไรกับเจ้าแมงมุมตัวน้อย ใครอยากรุ้อยากอ่าน ตามมาเลยคะ... เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานนัก อากาศกำลังดี แดดร่มลมตก อืมม์.. อาบน้ำ สระผมด้วยดีกว่า อ่ะ แต่อย่ากระนั้นเลย สระผม เอาไว้วันหน้า วันนี้อาบอย่างเดียว อิอิ ( ดู ดูความขี้เกียจของยัยวาที่ติดฝังแน่นเป็นนิสัยถาวร ฮี่ ฮี่..) ผ้าขนหนู พร้อม.....พรึ่บบบ...... หมวกยางคลุมผม พร้อม.....พรึ่บบบ.. ไม่อยากให้ผมเปียกนี่นา ใส่หมวกเตรียมพร้อม ( ห้ามแอบดู ..เดี๋ยวจิ้มตาเลย ) อ่าววว.. เอ๊ะ ว่าจะไม่สระผมแล้วเชียว แต่เอ.. ทำไมคันยิกๆๆ อย่ากระนั้นเลย ต้องเกา แกร่กๆๆๆ ยัยวา ก็มือบอน เอ้ย มือคันอ่ะน๊า ยิ่งคัน ก็ยิ่งเกาๆๆ เกาๆทั้งๆที่ยังสวมหมวกคลุมผมนั่นแหละ โอ๊ยย.. คันๆๆ เกาๆๆ แกร่กๆๆ ประมาณว่า เกาแบบติดหนังหัวน่ะ ตัดสินใจ ณ.นาทีนั้น สระผมก็ได้(วุ้ย) ว่าแล้วแม่คนงามนาม"ยิหวา" ก็ถอดหมวกคลุมผมออกมา อ่ะๆ .. อะไร แว่บๆในหมวก เฮ้ย.. อะไรดิ้นดุ๊กดิ๊กๆในหมวกด้วยอ่ะเนี่ยะ เพิ่อความชัดเจนในเรื่องราว ก้มดูอีกที " อ๊ากกก..." แมงมุมขาหักออกเป็นชิ้นๆ " แว๊กกก..." เจ้าจิ้งจกตัวเป็นๆ หางขาดดิ้นดุ๊กดิ๊กๆในหมวก ส่วนเจ้าของหางนั้น วิ่งหนีไปทางไหนไม่ทราบได้ ทิ้งไว้เพียงหลักฐานหางเป็นๆอยู่ในหมวก ( ประกาศ เจ้าของหาง กลับมาเอาคืนด่วน ทางบ้านให้อภัยหมดแล้ว อิอิ) คุณผู้หญิงที่ขวัญอ่อนทั้งหลาย หากเหตุการณ์วันนั้นเป็นคุณ คุณจะทำอย่างไรคะ กรี๊ดดด หรือว่า ดิ้นกระแด่วๆ เหมือนหางจิ้งจก 555 สำหรับฉันแล้ว บอกได้คำเดียวว่า " ขนลุก ขยะแขยง " สองคำนี้ฉันเพิ่งสะกดเป็นในบัดดล 555 เพราะตามปกติแล้ว ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัวหรือนึกเกลียดอะไรง่ายๆอย่างวันนี้มาก่อน คุณคิดดูซิคะ เจ้าสัตว์สองตัวนี้ พร้อมใจกันมาอยู่ในหมวกได้อย่างไร เพราะตามปกติแล้วฉันก็ใช้อยู่เป็นประจำทุกวันนี่นา เช้าวันนั้น ฉันรู้เพียงว่า อาบน้ำ สระผมนานกว่าปกติราวกับจะลบล้าง ความผิดของฉัน ที่ได้ทำลายสัตว์ตัวน้อยๆโดยไม่ตั้งใจ ปกติแล้วฉันไม่เคยคิดกลัวหรือเกลียดสัตว์เหล่านี้ แต่วันนั้นเหมือนกับฉันฆ่าพวกเขาด้วยมือของตัวฉันเอง เหมือนรู้สึกผิด เหมือนรู้สึกว่าตัวเองทำบาปยังไงก็ไม่รู้ซิ อะจึ๋ยๆ ยิ่งคิด ยิ่งขนลุก มือตัวเองยังสั่นๆยังไงไม่รู้ เง้อออ ภาพเหล่านั้นยังติดตา แมงมุมขาหัก แยกเป็นชิ้นๆ จึ๋ยยยย เจ้าจิ้งจกหางขาด หมอพรทิพย์ก็คงพิสูจน์หาหลักฐานเจ้าของหางไม่เจอ ( กลับมาก๊อนนน กลับมาเก็บหลักฐานดิ้นได้ให้พ้นมือเด็ก สตรี และคนชราขวัญอ่อน ฮี่..ฮี่..) ช่วงนั้นฉันเหมือนคนจิตตก หลอนอยู่ 3 - 4 วัน ล้างมือๆๆ...ล้างมือๆๆ ..ล้างอยู่นั่นละ ผวาไปหลายวัน เฮ้อ...รู้เพียงว่า เหมือนตัวเองทำบาป ทำเอาจิตตกฮวบๆ ตกฮวบๆ ยิ่งกว่าหุ้นดาวโจนส์บวกกับหุ้นนิเคอิของญี่ปุ่นที่ พร้อมใจกันตกจากกระดานหุ้น ฮี่..ฮี่.. อ่อ ลืมบอกไปว่า เจ้าหมวกใบนั้นฉันโยนทิ้งลงถังขยะพร้อมกับ ซากแมงมุมและหางจิ้งจก ( ไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์ ใครจะใช้ต่อว๊า ไม่เอาหรอก แม่บอกว่า เอามาซักใหม่ได้นี่ วาบอกไม่เอ๊าๆๆ ยังไงก็ไม่เอา อิอิ ) ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะกล้านำมาใช้ต่อไหมคะ ? ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น ) ปล. ฝากถามพี่เมี่ยง พี่เมี่ยงขรา ยัยวาบาปไหมคะ ? อิอิ แต่ยัยวาไม่ได้ตั้งใจน๊า พี่เมี่ยงต้องพาวาเข้าวัดอีกน๊า นะๆๆ ......
โคลอน ...เฟร้ย แกรไอ่ลิงสุราษฏร์ฯ แกรทำงี้ได้ไงเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกะคนอื่นมาลงได้ไง ยิหวา.....ไรว๊าแกร ไอ่ลิงเชียงราย เปงไรเนี่ยะ โคลอน.....ก็ตรูรออ่านเรื่องพี่เมี่ยง แต่นี่แกรเอาใครที่ไหนม่ะรุ๊มาลงตรูไม่ยอมอ่ะ ยิหวา...บร๊า แกรอ่ะคิดมาก ทำยังกะไม่รู้นิสัยตรูอ่ะนะไม่งั้นจดหมายที่ตรูเขียนคุยกะแกร คงไม่มีคำว่า "คิดถึงพี่เมี่ยงๆๆ"หราเต็มหน้ากระดาษแระแกร โคลอน.....เออ ตรูก็รู้ว่า แกรอ่ะแคร์พี่เมี่ยงมากแค่ไหน แกรไม่เคยสนใจใคร แต่ตรูก็ไม่อยากให้แกรลงเรื่องสั้นเกี่ยวกะคนอื่นนี่ ยิหวา....เออ ตรูรู้ แกรอ่ะห่วงตรู ห่วงเพื่อนและหวงตรูแทนพี่เมี่ยง ตรูขอบใจแกรมากๆเลยนะเฟร้ย ไม่เสียแรงที่เปงเพื่อนกังนะสหายรักแห่งข้าฯ อิอิ . โคลอน...ตรูอุตส่าห์เตรียมหาเพลงที่เหมาะกะแกรและพี่เมี่ยงนะเนี่ยะ แกรนี่จริงๆเล๊ยยย เฮ้อ พูดไงดีว๊า... ยิหวา.....ไอ่ลิง.. ขอให้แกรรู้ไว้นะว่าผู้ชายคนอื่นในเน็ต(บางคน)เขาก็ดี แต่บางคนเขาเห็นผู้หญิงแค่ตัวสำรอง มีไว้คุยเล่นแก้เหงา ตรูก็พอจะรู้ทัน ตรูไม่โง่นะเฟร้ย สำหรับตรูแล้ว พี่เมี่ยงคือคนพิเศษในใจตรูตลอด คนอื่นๆก็แค่เพื่อนผ่านมาทักทาย เพื่อนก็คือเพื่อน แต่คนพิเศษก็คือพี่เมี่ยง ชัดม่ะแกร แกรก็รู้นิสัยตรูเปงไง ถ้าตรูไม่พอใจใครตรูก็ลุยเหมือนกัน ไม่สนหน้าไหน โคลอน.....อืมม์.. ตรูเข้าใจน่ะลิงตรูขอโทษน๊าที่วีนและเหวี่ยงใส่แกรอ่ะ ก็ตรูห่วงแกรนี่ กลัวแกรจะใจอ่อนกะคนอื่นนี่นา ตรูก็หวงแทนพี่เมี่ยงจิ ยิหวา....แน่ะ มังยังจะหวงเพื่อนแทนคนอื่นอีกไอ่ลิงนี่จริงๆน๊าแกรนี่ ตรูไม่ยอมให้แกรขาดความอบอุ่นหรอกนะ เชื่อตรู... โคลอน....ตรูรู้ว่าแกรอ่ะแคร์พี่เมี่ยงตลอด มั่นคงกะพี่เมี่ยงเสมอมา แต่ตรูคิดมากไปเองแหละ อิอิ ยิหวา....แกรก็น่าจะรู้ใจตรู ตรูเขียนงานอะไรออกมาแต่ละชิ้นก็ผสมอารมณ์จินตนาการเข้าไปด้วย อิอิ . โคลอน.....ย่ะ แม่นักเขียน แม่นักจินตนาการน้อยๆ อิอิ โคลอน.....แกรๆลิงๆ ตรูขอตัวแป๊บน๊า... ( ชี หายไปราวๆ 10 นาที ) ยิหวา.....ลิงเชียงรายหายไหนเนี่ยะ ? สงสัยแอบไปกิงมาม่าดิบอีกแหง๋มๆ อิอิ โคลอน.....แว๊กกกก.....ไอ่ลิงตาผีตามังดีจริงๆนะเนี่ยะ แต่ตรูก็กินมาม่าดิบจริงๆอ่ะแกร ตรูหิวนี่นา .. ยิหวา......ตรูว่าแระ เหงมังหายเงียบผิดปกติ 5555 โคลอน.....แกรๆ วันก่อน พี่พิม น้ำตาลหวานส่งกล่องพัสดุมาให้ตรูตรูเปิดมา เป็นกล่องขนมเปี๊ยะอ่ะแกร คิดในใจ หวานปากตรู ตรูงี้นะ เหงกล่องหนมเปี๊ยะ ไปชงกาแฟก่องเลย5555 ยิหวา.....เหรอๆๆ .. น่าอร่อยฟร่ะแกร.. โคลอน.....อร่อยกะผีดิแกรไอ่ลิง.พอตรูเปิดฝากล่องออกมากลายเป็นเสื้ออ่ะแกร 55555 ยิหวา.....5555 ..ยังมีหน้ามาเล่าให้ฟังอีก กิ๊วๆๆ โคลอน.....ตรูงี้เหมือนฝันสลายขนมเปี๊ยะกะกาแฟยามบ่ายมอดดับไปกับตา ยิหวา.....55555 โสนะหน้ามัง ตรูจะออกอากาศให้ทั่วเวป บอกให้พี่พิมรุ้ด้วย กิ๊วววว โคลอน....เฟร้ย อย่านะแกร ตรูอาย แกรอยากได้ไร บอกมาๆ ตรูจะหามาให้ ยิหวา.....อืมม์ คิดก่องๆ คิดก่องน๊า เอาไรดีน๊า อิอิ โคลอน....นี่ๆแกร ตรูลงเรื่องสั้นให้เอาป่ะเอาให้แจ่มๆเลย เนอะแกรเนอะ... ยิหวา.....ไม่ๆๆ ตรูไม่เอาไรทั้งนั้น ตรูจะเอาอาหนิง แกรยกอาหนิงให้ตรูดิ 5555 โคลอน.....น่านะแกร..อะไรที่ผ่านๆมาแกรก็ลืมๆไปเหอะ โดยเฉพาะเรื่องอาหนิงของตรู ยิหวา.....ไม่ผ่านๆ ตรูจะฟ้องเจ้อ้อยว่าแกรอ่ะเหวี่ยงใส่ตรู ตรูจะฟ้องอีกว่าแกรอ่ะ ฮุบอาหนิงไว้คนเดียว โคลอน.....เฟร้ย แกรบอกมังได้ไงตรูอุตส่าห์แอบคบกะอาหนิงตั้งหลายปี 555 น่านะๆ ลิงเดี๋ยวตรูส่งหนังสือคุณพ่อขายาวให้อ่าน รับรองแกรต้องชอบ ยิหวา..... " ต้า " โคลอน....." ต้า " เหรอ ภาษาไรหว่า ต้า ? ภาษาใต้ เหรอลิง ต้าน่ะ ยิหวา..... ภาษาวิบัติไงแกร" ต้า" แปลว่า "จ้า"ตรูเพิ่งคิดได้ต่ะกี้ 55555 โคลอน.....อ่าววววว... ตรูหลงคิดว่าภาษาใต้ อิอิ ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น ) ฉางน้อย.. เขียน โคลอน .. รับประกันความฮา(หรือเปล่า) พี่อ้อย เที่ยนหยด..ผู้อยู่เบื้องหลังความฮา.. ปล. ภาษาที่ใช้ในบทสนทนาเป็นภาษาแชทอาจไม่เหมาะสมกับผู้ที่รัก(ษ์)ภาษาไทย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและเขียนโดยเฉพาะเด็กควรอยุ่ในความปกครองของผู้ใหญ่ ส่วนผู้ใหญ่ควรได้รับการแนะนำจากท่านกำนัน... ฮี่ฮี่..
ตอนที่ฉันกลับมาอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดครั้งแรกๆ ฉันต้องดูแลต้นไม้ต่างๆในสวนของแม่ซึ่งปลูกไว้เป็นแบบผสม (ผสมมั่วๆน่ะค่ะคุณ) สะตอเอย ขนุนเอย เนียงเอย ต้นกล้วยเอย ต้นหมากเอยสับปะรดเอย โอ้ แม่เจ้า(โว๊ย) ก็แม่ฉันน่ะซิคะ ปลูกพืชแต่ละชนิดได้คุ้มค่ากับพื้นที่การใช้งานมากค่ะไม่มีที่ว่างเว้นให้เหล่ามด หนู แมลงได้แทรกตัวเดินเล่นกันมั้งเล๊ย โน่น ต้นขนุนเริ่มโต แผ่กิ่งก้านสาขา เหมือนขยายอาณาเขตไปในพื้นที่ของต้นสะตอ ต้นสะตอก็เริ่มโตเต็มที่ ไปบดบังแสงแดดที่จะส่องให้แสงสว่างไปยังต้นกล้วยอีกแน่ะ (เหมือนกรณีเขตพื้นที่ทับซ้อนกันยังไงไม่รุ้เนอะ) ฉันไปเดินสำรวจต้องส่ายหน้าพลางคิดในใจ วู้ .. แม่ใครเนี๊ยะ ไม่ได้เรื่องเล๊ยยย ( แหะ..แหะ..) หลังจากสำรวจพอสมควรก็ตัดสินใจคุยกับแม่ " แม่.. วา ว่านะ แม่อย่ารักพี่เสียดายน้องเลยนะ โค่นต้นขนุนดีไหมแม่ เพื่อรักษาต้นสะตอให้มีผลผลิตไง " ฉันเริ่มเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ( ถ้าไม่สำเร็จ คงต้องน้ำเดือดกันล่ะ อิอิ ) " แหม. วา กว่าแม่จะปลูกได้โตขนาดนี้ ใช้เวลานานนะ " เริ่มละๆ แม่เริ่มอิดออด " อ๊าว..ทีเวลาก่อนปลูก ทำไมแม่ไม่คิดล่ะ แม่อยากได้ผลผลิตทุกอย่าง แต่วาว่านะ ปลูกแบบนี้แม่จะไม่ได้อะไรสักอย่าง " วา เริ่มดึงแม่น้ำสายที่ 7มาอ้าง เพราะว่าชักแม่น้ำทั้ง5คงน้อยไป อิอิ " อืม.. ขอแม่คิดก่อนนะ ก็แม่เสียดาย(ง่ะ..) สามวันผ่านไปหลังจากที่แม่นั่งคิด นอนคิด มือก่ายหน้าผาก คิด วันนั้นเป็นวันแดงเดือดกันเลยทีเดียว อิอิ (ว่าไปนั่นยัยวา ) " วา ไปเรียกพี่วัฒน์มาหาแม่หน่อยซิ " " ทำไมแม่ มีไรอ่ะ ? " ถามเพราะอยากรุ้(เรื่องชาวบ้าน) " แม่จะจ้างพี่วัฒน์โค่นต้นขนุนน่ะซิ ค่าแรง 300 คงพอนะวา " " 300 พอน่ะแม่ เฮ้ย..ตกใจๆ แม่จะจ้างพี่วัฒน์เหรอ งั้นแม่จ้างวาดีกว่า นะแม่นะ นะๆๆๆ" " จะไหวเหร๊อ ตัวเท่าลูกหมาจะโค่นต้นขนุนเนี่ยะนะวา " " โห แม่ดูถูกลูกตัวเอง ลูกเตี่ยซะอย่าง วาไหวน่ะ ( ตั้ง 300) อิอิ " อ่ะๆ แล้วแต่ งั้นลองดูแล้วกัน " ณ.ยามเย็นใต้ต้นขนุน(แต่หามีผีขนุนไม่ อิอิ ) ยัยวากับขวานเล่มน้อยๆในมือ " เอ่อ ไหวแน่เหรอวา " แม่ไม่วายถาม (ไม่รู้ว่าห่วงลูก หรือ เสียดายต้นขนุนกันแน่) " เออน่ะ เอ้ย ไหวค่ะ วาซะอย่าง ตั้ง 300 ไม่ไหวได้ไงเนอะ ดีกว่าให้คนอื่น( ต่อมงกเริ่มทำงาน อิอิ ) ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ต้นขนุนยังไม่มีวี่แววสะดุ้งสะเทือนกับ รอยบาก รอยบั่นจากขวานอันน้อยๆของยัยวา แม่เดินย้อนกลับมาดูผลงานอีกครั้ง ยัยวายิ้มแฉ่งประจบเต็มที่ " แม่ เบิกค่าแรงล่วงหน้าได้ป่ะเนี่ยะ " " จาก 300 ลดเหลือ 200 ดีไหมวา " " อ้าว แม่ ไม่ได้ซิ คำไหนคำนั้น 300ซิแม่" คำว่า " งก " ยังฝังแน่นในสมอง(และสายเลือด)555 " ขวานทื่อน่ะวา เดินไปยืมขวานบ้านน้าอ้วนไม่ดีกว่าเหรอ" " เอ๊า ขวานทื่อ แล้วทำไมแม่เพิ่งมาบอกเนี๊ยะ " " อ้าว ก็โค่นตั้งนาน วายังไม่รุ้อีกเหรอว่าขวานทื่อน่ะ" ......5 นาทีผ่านไป ยัยวากลับมาพร้อมขวานด้ามใหม่ในมือที่ทั้งใหญ่ และ คม แต่แหม...หนักด้วยอีกต่างหากยัยวาของแม่ทั้งแบก ทั้งลากกันมาเลยทีเดียว จากทรีนเขาสู่ยอดเขา(บ้านวาอยู่บนเขานี่นา) " โห แม่ ขวานนี้หนักเนอะ ขออีก 200 นะแม่นะค่าแบกขวาน " วาโอดครวญงุงิๆๆ "ค่าโค่น 300 ค่าแบกขวานอีก 200 รวมเป็น500 นะแม่นะ แม่อย่างกซิ กะลูกกะเชื้อ " ยิหวาพูดเองเออเองเสร็จสรรพ แม่ยังไม่ทันง้างปากพูดอะไรสักคำ ยัยวาสรุปใหัเรียบร้อย แหะ..แหะ.. ต้นขนุนขนาด 1 คนโอดมีรอยบากรอบๆต้น พร้อมที่จะล้มเอนลงได้ทุกเมื่อ " แม๊ ..แม่.. วาบากรอยรอบต้นแล้วทำไงต่ออ่ะแม่ " " เอาหัวไปรอรับซิลูก ฉลาดถามนะลูกชั้น " แม่ไม่วายเหน็บมานิดนึง ประมาณว่าหยิกเล็บแต่เจ็บถึงตับ อิอิ " โห แม่ไม่ห่วงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของลูกเลยนะแม่นะ" ยัยวาทักท้วง " บากเสร็จ ก็รอดูว่า ต้นขนุนเอนล้มไปทางไหน หนีไกลๆล่ะ" ในที่สุดต้นขนุนเจ้าปัญหาต้นนั้นก็นอนทอดยาวอย่างสงบนิ่ง ดั่งคนที่นอนหมดลมหายใจในเวลา 18.20 น. " เย้ๆ .. แม่ วาเก่งป่ะแม่ สำเร็จแล้ววว 500 นะแม่ อย่าลืมๆ " " เออ..ไอ่งก มังงกเหมือนใครฟร่ะ " แม่ตะหงิดๆ " เนี๋ยะ แม่ดูซิ วามือพองด้วยนะ แสบๆเจ็บๆด้วยเนียะ " วาพูดพลางแบมือให้แม่ดู( ประมาณว่าขอคะแคนเห็นใจ) " โห มือคนหรือนั่น แม่คิดว่า ตรีนกบ" แม่คะ นั่นเป็นคำพูดของแม่ผู้น่ารัก5555 " อ้าว ถ้าวาเป็นลูกกบ แม่ก็เป็นแม่กบอ่ะดิ เนอะแม่เนอะ" " พอเลยไอ่วา แม่พูดแล้วเถียงคำไไม่ตกฟาก " " แหม แม่ ตกฟาก วาก็หัวแตกซิ " ฮ่า.. ยัยวาหาเรื่องให้แม่เจริญพรได้ทั้งวัน อิอิ ประมาณว่า วันไหนโดนแม่ด่าแล้วจะนอนตาเหลือก เอ้ย ตาหลับ และแล้วจากวันนั้นถึงวันนี้500ในฝันยังคงล่องลอยในอากาศ ตามกาลเวลา ทวงถามทีไร แม่บอก รอก่อนๆๆ โอ้ พระเจ้าช่วยกล้วยตาก(จ.พิษณุโลกอร่อยมาก) ฟ้องกรมแรงงานได้ไหมน๊า ข้อหาใช้แรงงานผู้พิการ (พิการขาดความอบอุ่นจากใจจากพี่เมี่ยง555) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจแม่ ฮ่า.. ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )