เช้าของวันพฤหัสฯ ที่ 17 ก.ย. ปี 52 ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น สบายใจ ออกมานั่งรับอากาศบริสุทธิ์ที่หน้าบ้าน พลางดื่มด่ำกับความหอมของกาแฟแก้วโปรด ควันในแก้วกาแฟยังคงลอยอ้อยอิ่งไปในอากาศแล้วจางหายไปในที่สุด สายตาทอดมองไปไกล ท้องฟ้าใส เมฆขาวลอยฟ่อง ชวนให้คิดจินตนาการเป็นรูปต่างๆ สนามหญ้าหน้าบ้านรอรับการสัมผัสจากรอยเท้ายิหวา แต่ไม่หรอกนะ ยังก่อน รอให้พื้นหญ้าแห้งกว่านี้อีกสักหน่อย เพราะเมื่อคืนเจ้าสนามหญ้าหน้าบ้านโดนฝนตกลงมาอย่างหนัก พวกเจ้าคงสำลักน้ำกันถ้วนหน้าซินะ.... ขนมปังกับกาแฟยามเช้า แถมอากาศที่บ้านนอกไร้มลพิษ เจ้าท้องฟ้าและผีเสื้อตัวน้อยๆช่างสดใสซะเหลือเกิน นี่กระมังที่ใครๆมักพูดว่า ฟ้าหลังฝน มักจะแจ่มใส คงเป็นแบบนี้นี่เอง นี่คิดอะไรเพลินๆ พลางอมยิ้มนิดหน่อย พลันสะดุ้งด้วยเสียงโทรศัพท์ " วาเหรอ พี่ใกล้ถึงบ้านวาแล้วนะ ออกมารับพี่หน่อยซิ ตอนนี้พี่อยู่หน้าที่ว่าการอำเภอ.... " พี่เมี่ยงบอกชื่ออำเภอไป " ทำไม ละพี่เมี่ยง ถ้าให้วาไปรับนะ ต้องแวะจดทะเบียนสมรสเลยนะ 5555 " ยิหวายังไม่วายทะเล้นอีกตามเคย " เปล่าหรอก พี่แค่กลัวโดนส่องด้วยปืนลูกซองน่ะ " " แหม ๆ ไม่หรอกคะ แค่ไม้หน้าสามเอง แหะ..แหะ.. " " น่านะ นะคะพี่เมี่ยง อีกประมาณ 1 กม. ก็ถึงบ้านวาแล้วนี่ พี่ขับตรงมาเรื่อยๆไง ทุกทีมาได้ วันนี้ทำงง แหมๆ .. เดี๋ยว วา ออกไปรอรับริมถนนหน้าบ้านแล้วกันคะ " .. " ทานข้าวก่อนนะคะพี่เมี่ยง เดี๋ยวค่อยออกไปหาดกันค่ะ " "วันนี้มีไข่เจียวกับแกงส้มปลากระพง (แม่ของ)วา เตรียมไว้แล้วคะ " " ไม่ล่ะวา พี่อิ่มมาแล้วน่ะ ( วารุ้หรอก พี่เมี่ยงเกรงใจมากกว่านิ ) " " งั้นกินขนมเปียกปูนสีดำก่อนแล้วกันคะ อร่อยน๊า ขอบอก " " ได้ๆ งั้นพี่กินขนมเปียกปูนสีดำแล้วกัน แล้วเดี๋ยวค่อยออกไปหาอะไรกันที่ริมหาดนะวานะ " พี่เมี่ยงมีการต่อรอง อิอิ " พี่กินขนมไปก่อน วาเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียว เนอะ " " วันนี้พี่ให้วาเป็นไก่ เอ๊ย ไกด์นำเที่ยวนะ เลี้ยวซ้ายขวา บอกมาล่ะกัน " ไม่รู้ล่ะ วาเคยมาแหลมโพธิ์แค่ครั้งเดียวเอง พี่เมี่ยงอยากเลี้ยวไหน ซ้ายขวาแล้วแต่ความพอใจ 555 " ได้ผลแฮะ พี่เมี่ยงชำเลืองมองด้วยความเอ็นดู หรืออยากเขกกะบาลมิอาจทราบได้ พี่เมี่ยงคำ คงคิดในใจ ยัยวาขี้โม้ ไกด์เจ้าถิ่นพาหลงทางซะนี่ " หลงทางเสียเวลา หลงยิหวาเสียอนาคต แหะ..แหะ.. " ฮั่นแน่ะ ..ทำยังกะยิหวาล่วงรู้ความ(นัย)ใจของพี่เมี่ยงซะด้วยนิ อิอิ .. " นั่นไงๆ พี่เมี่ยง ป้ายแหลมโพธิ์ตัวใหญ่ๆเลย เลี้ยวขวาๆค่ะ " ยิหวาตื่นเต้น เมื่อเห็นคำว่า แหลมโพธิ์ " บ้าน่ะวา นั่นน่ะ ร้านอาหารต่างหาก ไม่ใช่ชายหาดสักหน่อย " " อ้าวเหรอคะ งั้น ถอยๆ เลี้ยวซ้ายๆแล้วกันคะ เนอะ " ยิหวาแกล้งไก๋ 5555 "นี่ไงวา เจอแล้วหาดแหลมโพธิ์ของแท้ ต้องมีร้านอาหารอยู่ริมหาดด้วย " "เย้ๆๆ.... พี่เมี่ยงเก่งจัง พาเจ้าถิ่นอย่างวามาได้ด้วย อิอิ " " ยัยวาเอ้ยยย..ขี้โม้นักนะเราน่ะ " พี่เมี่ยงส่ายหน้า " วากินอะไรดี อยากกินอะไรบอกมา เดี๋ยว พี่สั่งให้ สั่งก่อน เดี๋ยวค่อยถ่ายรูป " พี่เมียงพูดพลางส่งสายตาหวานๆ เอ๊ย สายตาดุๆมา " วา กินหมดทั้งร้านเลยได้ไหมพี่เมี่ยง ? " ยิหวาถามหน้าซื่อ(บื้อ) " มะเหงกแน่ะวา จ่ายเองแล้วกันถ้างั้น " พี่เมี่ยงพูดพลางหยิบเมนูมาให้วาเลือก " พี่เมี่ยงสั่งซิ อะไรก็ได้ วากินได้ทั้งนั้นแหละ น่านะๆ นะคะ " ยิหวา โยนหน้าที่สั่งให้พี่เมี่ยง ระหว่างที่กำลังรอพี่เมี่ยงกำลังจีบแม่ค้า เอ๊ย กำลังสั่งอาหารอยู่นั้น ยิหวาแอบแว่บๆไปเก็บภาพแปลกๆริมหาด ริมหาดสีคราม น้ำใส ทรายขาว แต่ทว่าแดดยังจ้ามากมาย โน่นเรือประมงหาปลาของชาวบ้าน นั่นกระชังเลี้ยงปลาหรือเลี้ยงหอยของคนแถบนี้มั้ง แล้วก็นี่ ดอกผักบุ้งสีม่วงเจ้าเอย ไฉนเลยมาไต่ยอดที่ริมหาดแห่งนี้ ส่วนร้านอาหารริมหาดนี่เล่า สร้างเป็นกระท่อมไม้ไผ่ น่ารักจัง เพราะแบ่งแยกสัดส่วน เป็นส่วนตัวไม่วุ่นวายกับโต๊ะอื่นๆ . " ป๊อกๆๆๆ " อ่ะ เสียงพี่เมี่ยงเคาะกะลา เอ๊ย เสียงพี่เมี่ยงเรียกแล้วนี่นา ( เคาะกะลา คำนี้ ค้นๆ เนอะ 555 ) " โห น่าอร่อยจังเลยพี่เมี่ยง ส้มตำทะเล " วา น้ำลายสอ 555 " นั่นก็ยำปลาดุกฟู แหมๆ อร่อยแน่ๆแบบนี้ " " อ่ะ แต่เดี๋ยวช้าก่อนพี่เมี่ยง ให้วาถ่ายรูปอาหารเหล่านี้ก่อน อิอิ " " ว้าววว...แกงส้มปลากระพงผักรวมด้วย กินหมดไหมเนี่ยะ " " พี่เมี่ยงกินเยอะๆน๊า จะได้โตไวๆ อิอิ " วา เก่งนักล่ะเรื่องพูดให้พี่เมี่ยงตาเขียว 5555 "ยัยวา ว่าแต่เค้า ตัวเองตัวเท่าลูกหมา กินให้หมด ไม่ต้องพูดมาก " " ไม่อ่ะ พี่เมี่ยงช่วยแบ่งข้าวของวาไปอีกครึ่ง ไม่หิวๆ " กินไป คุยไป โม้ไปเรื่อย ยิหวาโม้ให้พี่เมี่ยงฟังอย่างเดียว พี่เมี่ยงเอาแต่นั่งทำตาหวาน เอ๊ย นั่งฟังเฉยๆพลางอมยิ้มน้อยๆ อิอิ กินไป กินมา สองคนนั่งมองหน้า เพราะอิ่มตื้อ สะดือปลิ้น อิอิ " อิ่มแล้วก็ไปวิ่งเล่นได้แล้วยัยวาน่ะ " พี่เมี่ยงเริ่มอีกล่ะๆ " แหมๆ เค้าไม่ใช่เด็กนะ จะได้วิ่งเล่น เค้ามาถ่ายรูปย่ะ " ยิหวาค้อนขวับ " เอ่อ..ว่าแต่ว่า วาลืมค่ะพี่เมี่ยง " ยิหวาทำหน้าจ๋อย " วา ลืมชุดทูพีช โชว์สะดือจุ่น 5555 " " ชุดวันเกิดเลยแล้วกันยัยวาน่ะ ลูกเล่นเยอะนักนะเราน่ะ " พี่เมี่ยงส่ายหน้าด้วยความระอา 5555 . ออกจากหาดแหลมโพธิ์ พุมเรียง อ.ไชยา พี่เมี่ยงคำก็ขับรถตรงไปยัง อ. ท่าชนะ สองข้างทางยังอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าสีเขียวๆ มีภูเขาให้เห็นเป็นระยะๆ แวะดูความงามของหาดท่าชนะ แต่ดูเหมือนว่า ริมชายหาดแห่งนี้จะเป็นดินโคลนซะมากกว่า ดูไม่ค่อยสวยงามเท่ากับหาดแหลมโพธิ์สักเท่าไหร่ หรือว่า อยู่ในช่วงน้ำขึ้นน้ำลงหรือเปล่า ไม่แน่ใจค่ะ ริมหาดท่าชนะ ก็มีร้านอาหารที่สร้างเป็นกระท่อมไม้ไผ่ ตั้งเรียงรายไว้ต้อนรับลูกค้า คล้ายๆกับหาดแหลมโพธิ์ สำหรับยิหวากับพี่เมี่ยงคำแล้วพร้อมกันเทใจยกให้ หาดแหลมโพธิ์เป็นหนึ่งใน อ. ไชยาเลยทีเดียวล่ะ ขากลับ พี่เมี่ยงขับรถเล่นกินลม ชมวิวสองข้างทาง ไม่รีบร้อนสักเท่าไหร่ " เหนื่อยไหมวา วันนี้น่ะ นั่งรถทั้งวันเลยนะเราน่ะ ? " พี่เมี่ยง ก็คือ พี่เมี่ยงคนเดิม ที่ยังห่วงใย เอาใจใส่ยิหวาเสมอๆ ขอบคุณค่ะ " ได้เที่ยว วาก็หายเหนื่อยแล้วค่ะพี่เมี่ยง " ยิหวาตอบโดยไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา 5555 " ถามเค้า ว่าแต่พี่เมี่ยงซิคะ เหนื่อยไหม (คนดีมีพี่เป็นแฟน 555 ) คะ ? " สงสารพี่เมี่ยงจัง ขับรถทั้งวันคงเหนื่อยแย่ " " ไม่หรอก พี่น่ะชินอยู่แล้วน่ะ เห็นวามีความสุข พี่ก็ดีใจแล้วล่ะ " " ขอบคุณที่พาวาเที่ยวนะคะ ยังได้กินอาหารอร่อยๆอีกด้วย . ปล. นมไวตามิลท์ ที่อยู่หน้ารถ ใครแอบกินโดยไม่บอกเจ้าของ ขอให้จู๊ดๆ อิอิ . ถ่ายภาพโดย... พี่เมี่ยงคำ + ยิหวา นำเที่ยวโดย...พี่เมี่ยงคำ แอนด์ ลูกประ ตะลอนทัวร์ ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น
พุธที่ 15 กันยา ที่ผ่านมานี้ เวลาบ่ายสี่โมงกว่าๆ ณ.สถานีรถไฟหัวลำโพง " ซื้อตั๋วชั้น2 นั่ง 1 ที่ ขอริมหน้าต่างคะ " ยิหวารีบซื้อตั๋วอย่างเร่งด่วน " พอจะมีขบวนไหนที่ว่างไหมคะพี่ ? " " ครับผม เดี๋ยวดูให้ครับ " " ไปลงสถานีไหนครับผม ? " พนักงานขายตั๋วพูดจาไพเราะ " สุราษฏร์ธานีค่ะ " ยิหวาบอกออกไป ยิหวาตาลีตาเหลือกรีบไปซื้อตั๋วเพื่อกลับบ้านไปเยี่ยมพระเจ้าตา เอ๊ย เยี่ยมแม่พร้อมทั้งทำบุญสาร์ทเดือนสิบ ส่งตายายด้วย ซึ่งเป็นประเพณีประจำปีของคนปักษ์ใต้บ้านเรา " 358 บาทครับ รถเร็วกันตัง ขบวนที่ 167 รถออกเวลา18.20 น. ครับ " " ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ " เฮ้อ.. โชคดียังเป็นของยิหวา ที่ยังพอมีที่นั่งสำหรับคนงามๆ แหะ..แหะ.. " อ่ะ ใครโทรเข้ามาหว่า อ้าว ว่าไงคะพี่เมี่ยงคำ ? " ยิหวาแปลกใจ " วา พี่จะบอกว่า พรุ่งนี้เช้าพี่ไม่ได้ไปรับวาแล้วนะ วากลับเองได้ไหม พอดีพี่ติดงานด่วนมากเลยน่ะ เนี่ยะ เพิ่งได้รับคำสั่งมาน่ะ นะๆ " พี่เมี่ยงคำ โทรมานั่นเอง " ได้ๆ คะ อย่ากังวล บ้านวาซะอย่าง วากลับเองได้คะพี่ อย่ากังวลค่ะ " " โอเคนะวา พรุ่งนี้พี่ว่างจะพาไปเที่ยวแล้วกัน นะๆโทษทีนะน้องรัก " " คร๊าบบผม ใครมาสายอดกินหนมเปียกปูนสีดำด้วยละ ขอบอก " ... สถานีรถไฟหัวลำโพงยามนี้ผู้คนเริ่มออกเดินทางไปต่างจังหวัด โดยเฉพาะรถไฟสายใต้ เริ่มคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะนั่นหมายถึงลูกหลานชาวปักษ์ใต้บ้านเราเริ่มทยอย ออกเดินทาง ไปร่วมงานบุญสาร์ทเดือนสิบ ไม่ต้องสงสัยกันเลยว่า ทำไมสถานีหัวลำโพง ใยไม่เคยร้าง ว่างเปล่าเดียวดายสักวินาทีเดียว หันซ้ายขวาหน้าหลังมีแต่ผู้คนส่งเสียงจอแจ พวกเขาเหล่านั้น ก็คงเหมือนยิหวา พอถึงเวลาก็เยือน คืนถิ่นฐานบ้านเดิมที่เคยเนา มีใครบางคนแอบแซวเล็กๆว่า ไปเป็นสาวเมืองหลวง คงจะปากแดง แหลงกลาง พูดใต้ไม่ชับ 555555 จำไว้เลย ใครเคยว่าเราไว้ อิอิ ยิหวา ชอบที่จะเดินทางไปไหนๆด้วยการโดยสารรถไฟ รถทัวร์ไม่ไป รถส่วนตัวไม่อยากนั่ง พี่ๆด่าบ่อยมากเรื่องกลับบ้านทีไร ไม่ยอมร่วมทางไปกะพวกเขา อิอิ ( หารู้ไม่ ตรูเบื่อพวกมัง ชอบบ่นๆ 555) ไม่รู้ซินะ สำหรับความคิดของยิหวาแล้ว การได้นั่งรถไฟเดินทางไกลเป็นเวลานานๆ จะรู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ เหมือนได้ปล่อยความคิดให้ยาวไกล จินตนาการลื่นไหลไปได้เรื่อยๆ แม้สองข้างทางอาจมืดมิดสักเพียงใด แต่ตราบใจที่หัวใจเรายังเต้น ใจดวงนี้ ก็ไม่เคยท้อ พร้อมที่จะมีเรื่องราวลุกโชนในสมองมากมาย สองข้างทางอาจมืดมิด แต่ใจเรายังสว่างด้วยแววแห่งความหวัง จากจุดหมายปลายทางข้างหน้านั่นเอง ความคิดพร้อมที่จะส่งแสงวาบๆ เหมือนใครจุดขี้ไต้ส่องนำทางแสงสว่างให้เรา อิอิ ( ว่าเข้าไปนั่นยัยวา ถนัดนักล่ะ เรื่องเข้ารกเข้าพง 5555 ) . เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เวลาตี 5.50 นาที เสียงประกาศจากนายสถานี " ที่นี่.. สถานีสุราษฏร์ธานี ท่านที่ต้องการจะลงที่สถานีสุราษฏร์ธานี โปรดอย่าลืมนำสิ่งของ สัมภาระของท่าน ( และของผู้อื่น อิอิ) ติดตัวลงมาด้วย การรถไฟ ขอกราบขอบพระคุณท่านผู้เดินทางทุกท่าน ที่ใช้บริการแห่งการรถไฟ ขอขอบพระคุณ ...." ติ๊ง ต่อง...... ยิหวา แบกเป้คู่ใจขึ้นหลัง สะพายลงไปยืนเด๋อๆด๋าๆที่ บริเวณชานชลารถไฟแห่งนี้ " ฮัลโหล แอนนา " เสียงผู้คนแถวนั้นทักทายใครบางคน ยิหวา เหลียวซ้าย มองขวา อ้าว ทักตรูนี่นา 55555 ฮ่วย ..มองยังไง เป็นลูกครึ่งว๊า ช่างตาถึงเสียนี่กระไร ไม่อยากบอกเล๊ย ก็ยิหวาเป็นลูกครึ่งจริงๆซะด้วยซิ (ไม่เกี่ยวกับครึ่งลูก เนอะ ) เตี่ยเป็นมังคุด แม่เป็นละมุด ลูกยิหวา ออกมาเป็นพุทธา ป๊าดดดดดด อิอิ " สมุย ไหมครับน้อง สมุย " อีกคนเดินเตร่ เข้ามาถามอีกครั้ง คงเห็นยัยนี่ยืนเอ๋อๆ " ไม่ๆๆๆ ตรูจะกลับบ้านตรู แต่เอ ไปทางไหนหว่า คิดก่อน อิอิ " คำตอบนั้น ยิหวาคิดในใจ ไม่กล้าคิดนอกใจให้ใครได้ยิน กลัวโดนตบบ้องหู ข้อหาพูดจากับเจ้าถิ่นไม่ไพเราะ แหะ..แหะ.. . ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น
พุธที่ 26 สิงหา ที่ผ่านมานั้น ยิหวาและพี่เมี่ยงคำ ได้มีโอกาสไปเดินเที่ยวสวนลุมกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ต่างคนต่างยุ่งกับงานของตัวเอง (และของคนอื่น) วันนั้นพี่เมี่ยงมีธุระจำเป็นต้องไปที่ รพ.จุฬาฯ แถวๆสวนลุมฯ ส่วนยิหวานั้น ขอให้ได้รู้ว่าไปเที่ยว ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ก็จะปลีกตัวเพื่อเที่ยวงานนี้โดยเฉพาะ อิอิ " วา อย่าลืมนำกล้องถ่ายรูปไปด้วยละ เดี๋ยวพี่พาไปเดินเล่นที่สวนลุม " " แน่นอนคะ วาติดตัวไปอยู่เสมอแหละ " ยิหวารับปาก " คาดหน้ากากอนามัยมาด้วยล่ะ เดี๋ยวนั่งรอพี่ที่หน้าประชาสัมพันธ์ตรงช่อง 5 นะ อ่อ แล้วไม่ต้องไปรอที่สนามเป้าล่ะ อิอิ " พี่เมี่ยงหยอดมุขแต่เช้าเลย อิอิ ยิหวายิ้มหน้าบาน ไม่บานได้ไง ก็จะได้ไปเที่ยวเดินเล่นนี่นา ชอบล่ะซิ ... " พี่เมี่ยงว่างเหรอคะ วันนี้น่ะ ถึงออกมาได้ " ยิหวาถามอย่างไม่ต้องการคำตอบนัก แม้แปลกใจนิดๆเพราะปกติพี่เมี่ยงของเธอมีแต่งาน งาน และงาน " วันนี้ไปเดินเที่ยวสวนลุมก่อนน่ะ วันหน้าค่อยพาไปวัดสังฆทานกับสวนเฉลิมพระเกียรติ์ " พี่เมี่ยงบอกต่อ พี่เมี่ยงพายิหวาเดินลัดเลาะข้ามถนนจาก รพ.จุฬาฯ มายังสวนลุมฝั่งตรงกันข้าม " โห กำแพงรั้วสวนลุมสวยจังพี่เมี่ยง ดูซิ สีสรรสดใสดีจัง ถ่ายรูปๆๆ " " กำแพง ยังสวยขนาดนี้ เดี๋ยววา คอยดูนะว่า ข้างในจะสวยขนาดไหน ไม่อยากโม้หร๊อก " " แล้ววา รู้ไหม สวนลุมนี้มีความเป็นมาอย่างไร ? " พี่เมี่ยงถามยิหวาอีกแล้ว " ไม่ค่ะ " ชัดถ้อย ชัดคำ ไม่ค่ะ อิอิ "เอาล่ะ พี่เล่าแบบย่อสรุปนะ ฟังดีๆล่ะ " " สวนลุมแห่งนี้ รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ เพื่อจัดงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์โดยมีการแสดง สินค้าของไทยเป็นครั้งแรก และ จัดให้เป็นสวนสาธารณะ แห่งแรกของประชาชนด้วยโดยพระราชทานนามว่า " สวนลุมพินี " ซึ่งหมายถึง สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า " อ๋อ.. ค่ะ มีที่มาอย่างนี้นี่เอง วาเข้าใจแล้วล่ะคะ " " สวนลุม แห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 36 ไร่นะวา เปิดประมาณตีห้ากว่าๆ ปิดประมาณสามทุ่มมั้ง " " แต่ช่วงกลางคืน ตอนค่ำๆ ไม่เหมาะกับผู้หญิง ที่จะมาเดินคนเดียวหรอก เขาจะมองเราเป็นผู้หญิงไม่ดี เข้าใจไหม ? " พี่เมี่ยงสำทับ พลางส่งตาหวาน เอ๊ย ตาดุๆ อิอิ " ที่สวนลุม แห่งนี้มีอะไรให้ดูเยอะแยะ ไม่น่าเบื่อหรอกนะวา เช่น...... " พี่เมี่ยงเงียบไป " เช่นอะไรล่ะพี่เมี่ยง เงียบทำไม เล่าต่อซิ " วาแปลกใจเมื่อพี่เมี่ยงหยุดคุยซะเฉยๆ แต่สายตาพี่เมี่ยงมองอะไรบางอย่างริมตลิ่ง " เฮ้ย.. อะไรคลานขึ้นมาน่ะพี่เมี่ยง เต่าหรืองู " แม้จะตกใจแค่ไหน ยิหวาไม่เคยร้องว๊าย มีแต่ เฮ้ย 55555 " ก็พี่กำลังจะบอกว่า เช่น จระเข้น้อยๆตัวนี้นี่ไงวา ดูซิ น่ารักดีออก เนอะ " " แน่ะ เขาแลบลิ้นให้วาด้วย ไหน แลบลิ้นตอบซิ พวกเดียวกันไม่ใช่เหรอ 555" " แหม วาไม่ได้เป็นตะเข้น้อยสักหน่อยนี่ " พี่เมี่ยง หัวเราะชอบใจ ส่วนยิหวา มองค้อนควับๆ " นอกจากธรรมชาติในน้ำแล้ว ยังมีผลงานประติมากรรม ชิ้นต่างๆด้วยนะวา " " ที่นี่มีมุมโปรดของวาด้วย รุ้ไหมว่าอะไร ? " " ห้องสมุดไง ห้องสมุดเพื่อประชาชน มีแอร์เย็นๆด้วยล่ะ " " เหรอคะ น่าสนใจจัง " คำว่า ห้องสมุด ยิหวาตาลุกวาว อิอิ " เดี๋ยวพาไปดูเก๋งจีนนะ หอนาฬิกาแบบโบราณของจีนด้วย ไปไหมล่ะวา ถ่ายรูปสวยๆน่ะ " " ไปซิพี่เมี่ยง ก็ แหมๆ ชอบขู่วานะ " ยิหวาโอดครวญเสียงออดเหมือนมอดกัดไม้ อิอิ .. " วา เดี๋ยวเรานั่งพักริมสระน้ำม้าหินอ่อนตรงนี้ดีกว่านะ ลมพัดเย็นสบายดี " " วารู้ไหม ที่นี่มีการสั่งอาหารแบบเดลิเวรี่ด้วยล่ะ เชื่อป่าว " พี่เมี่ยงเริ่มอีกแล้ว มามุขไหนอีกหว่าพี่เรา " เหรอคะ จริงป่าว อย่าอำกันซิพี่เมี่ยงก็ แหม " ยิหวาสงสัยปนไม่แน่ใจ " นั่นไง ดูซิ " พี่เมี่ยงสะกิดให้ยิหวาดูเมื่อจักรยานคันหนึ่งกำลังแล่นผ่านมา " ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ ลาบ น้ำตกไหมครับ " ชายคนนั้น ดีดกระดิ่งจักรยานกริ๊งๆๆ แว่วเสียงดังใกล้เข้ามา " เสื่อก็มีให้เช่านะครับ นั่ง เอนนอนพักผ่อนสบายๆ ไม่แพงอย่างที่คิด " เสียงกริ่งที่ดังค่อยๆหายลับไปกับจักรยานทางด้านริมสระน้ำฝั่งโน่น ยิหวาหันมายิ้มขำๆกับพี่เมี่ยงของเธอ " แหม ทันสมัยจังเลยเนอะพี่เมี่ยง น่าสนๆ อิอิ " " วา ดูซิ แม้แต่ฝรั่งคู่นั้น เขายังมานั่งอาบแดดในสวนลุมเลยนะ " " สนามหญ้าสวยจังเลยพี่เมี่ยง เขียวขจี น่าเล่นตะกร้อจัง " " แหมๆ ยัยวา เล่นอะไรที่เป็นผู้หญิงๆ หน่อยซิ นี่อะไรกัน เล่นตะกร้องี้ ดูมวยสากลงี้ ชอบดูแข่งรถวิบาก " พี่เมี่ยงพูดพลางส่ายหน้า " แหะ.. แหะ.." วา ได้แต่ยิ้มแหยๆ ... บ่ายสี่โมงครึ่ง แดดก็ยังจ้าอยู่บ้างแม้จะมีลมพัดเย็นๆ แต่ก็ร้อนอบอ้าวพอสมควร พี่เมี่ยงกับยิหวาร้อนเหนียวตัวไปตามๆกัน ไอร้อนยังทำหน้าที่ของมันได้ผลกว่าที่คิด อิอิ " ไงล่ะวา เดินเที่ยวสวนกับเดินเที่ยวห้าง อันไหนสนุกกว่ากัน ? " พี่เมี่ยงถามวา " เที่ยวสวนซิพี่เมี่ยง วาชอบมากกว่าเดินห้างอีกนะ " " บ่ายสี่โมงกว่าแล้วนะ เหนื่อยไหม กลับเลยหรือเปล่า ไป พี่ส่งขึ้นรถ " " ขืนไม่ส่งวาขึ้นรถ เดี๋ยววาก็เหลวไหล หนีไปเที่ยวต่ออีกซิ จริงไหมล่ะ ? " " แหม วาไม่ใช่เด็กนะ จะได้หนีเที่ยวน่ะ " " อ้าว ก็คราวก่อนไง ใครหนีเที่ยวล่ะ บอกพี่ว่ากลับบ้าน หนีไปเที่ยวต่อ " " ไม่จริงสักหน่อย พี่ชอบคิดเอง ไม่พูดด้วยแล้ว วาจะกลับบ้านๆๆ " " แน่ะๆ ...พอเที่ยวเหนื่อยก็งอแง ทุกทีซิน่ะเราน่ะ ไปๆๆ อาบน้ำก่อนนอนด้วยล่ะ " รุ้แล้วนะ บอกอยู่ได้ แหมๆ " ยิหวาบ่นกระปอดกระแปดอย่างไม่จริงจังมากนัก ( ขอให้ได้บ่น ก็สุขใจแล้ว 5555 ) แม้พี่เมี่ยงกับยิหวาจะมีเรื่องราวให้โต้เถียงกันบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก นี่กะละมัง เอ๊ย นี่กระมังที่เขาเรียกว่า.. .. ความสุขและรสชาตของชีวิต .. อิอิ ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น