25 สิงหาคม 2551 03:58 น.

สวนขวัญ..สันติชัยปราการ

ฉางน้อย

00384_26.jpg" สวัสดี สะวีดัดเจ้าคะพี่เมี่ยงคำ " วา หรือ ยิหวาส่งเสียงผ่านสายออกไปหลังดูเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์

" อืม..วา นี่พี่เองนะ พอดีว่าวันนี้พี่ติดงานด่วนจ๊ะ พี่คงพาวาไปเดินเที่ยวซื้อเสื้อผ้าที่ประตูน้ำไม่ได้แล้วล่ะนะ " พี่เมี่ยงของวา กรอกเสียงตามสายผ่านมา

" เอาอีกแล้วน๊า พี่เมี่ยงน่ะ  ชอบผิดสัญญาเรื่อยเลย เป็นงี้ทุกทีเลยน๊า วันหยุดก็ไม่ว่างเลยเหรอคะ "

" โอเคๆ..เย็นนี้พี่สัญญาว่าจะพาไปนั่งในสวนดีกว่า ดีไหม ?

สวนสาธารณะสันติชัยปราการน่ะ  พี่จะพาวา ไปดูต้นลำพูต้นสุดท้ายในกรุงเทพฯด้วยดีป่ะ  มีหิ่งห้อยด้วยน๊า จะบอกให้.."

" เชอะ ..ไม่ต้องเอาเจ้าตัวหิ่งห้อยมาล่อวาเลย วางอนพี่แล้วด้วย ฮึ"

" น่า นะๆ วาคนดี อย่างอนนะ พี่จะเล่านิทานหิ่งห้อยให้วาฟังด้วยดีป่าว อย่างอนน๊าคนดี๊ คนดีของพี่ " พี่เมี่ยงคำของวาหลอกล่อ เอ๊ย งอนง้อเต็มที่ อิอิ

" อ่ะ..ก็ได้ๆๆ ก่อนไปสวนฯ แวะกินไอติมด้วยแล้วกัน ที่เซเว่นเซ่นอ่ะ  อยากผิดสัญญาดีนัก วารอพี่ที่เดิมนะคะ " วา แอบยิ้มในหน้าทำตาโตด้วยความดีใจ เพราะพี่เมี่ยงของเธอสัญญาเอาไว้นานแล้วว่า จะเล่านิทานหิ่งห้อยให้ฟัง แต่ไม่มีโอกาสสักครั้ง 

เฮ้อ..ที่จริงเรื่องไปเดินซื้อเสื้อผ้าที่ประตูน้ำน่ะ วาก็เลือกไม่ค่อยเป็นกะเขาด้วยซิ นอกจากเดินตาม(กวนใจ)พี่เมี่ยงเฉยๆ เผลอๆพี่เมี่ยงของเธอซิ ต้องทั้งลาก ทั้งจูงวาเพื่อให้วาเดินตามทันเขา เพราะวา มักหยุดเถลไถลบ่อยตามสองข้างทาง ดูโน่นดูนี่ไปเรื่อย ตามประสา

เฮ้อ..(อีกที)..วาคิดแล้วก็ขำตัวเอง ทั้งๆที่ไม่ใช่เด็กๆ แต่พี่เมี่ยงก็ชอบบังคับให้กินข้าวเยอะๆ บังคับให้กินผัก ผลไม้เยอะๆ พี่เมี่ยงไม่รู้หรอกหรือว่า วาน่ะ ไม่ค่อยชอบกินผัก แต่ผลไม้น่ะพอไหว อิอิ 

" เป็นไง วา อิ่มไหม ไอติมที่เซเว่นเมื่อกี้น่ะ  ถ้วยโตๆแล้วอย่าบอกว่าไม่อิ่มนะ  อะไรจะท้องยักษ์ท้องมารขนาดนั้น"  พี่เมี่ยงเอ่ยถามวา หลังจากลงรถเมล์สาย 53 เพื่อเดินเข้าสวนแห่งนี้

" อิ่มเกินกว่าคำว่าอิ่ม พี่แหละ ชอบตักให้วาเยอะๆๆ  จุกด้วย เห็นไหมเนี่ย เดินพุงกลมดุ๊กดิ๊กๆเป็นนกเพนกวินแระ เห็นป่าว อายเขานะ " วา มองค้อน พลางตอบออกไป(ดีนะที่พี่เมี่ยงไม่ส่งตะปูให้ อิอิ )

" ไม่หรอก พี่กลัววาไม่อิ่มต่างหาก วาไม่อิ่มแล้วชอบงอน เวลาวางอนเหมือนคนอื่นซะที่ไหน ชอบฟาดงวง ฟาดงาไปทั่ว " 

" แน๊... เรื่องไรมาว่าเค้าเป็นแมว ฟาดงวงงาน่ะ เค้าไม่ใช่แมวน๊า "  วาแย้งออกไป

" อ้าว เหรอ พี่คิดว่าใช่...5555" พี่เมี่ยงหัวเราะด้วยความสะใจ

" แหม.. พี่เมี่ยงน่ะ ชอบกัดวาอยุ่เรื่อย " สองคนยังคงถกเถียง พลางสอดส่ายสายตามองหาม้านั่งที่ว่างๆในสวน

" อ๊าววว... แล้วกัน วา  หาว่าพี่เป็นแมวเหรอ  "

" อ้าว เหรอ วาคิดว่า ใช่ .."  ทั้งสองต่างไม่ยอม มีการเอาคืนอีกด้วยแฮะ..

" โน่นไงมีม้ายาวๆสีเขียวว่างอยู่ ไปนั่งตรงนั้นดีกว่านะวานะ  จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย สวยนะ ขอบอก " พี่เมี่ยง เดินนำวา พลางก็คุยไปเรื่อยเปื่อย วาก็ไม่ลืมที่จะหอบหิ้วขนมติดไม้ติดมือไปด้วย ขนม นม เนย เพียบ อิอิ

" เฮ้ออออ... ปลอดโปร่ง โล่งใจดีจัง เนอะพี่เมี่ยงเนอะ เหมือนวาหายใจได้เต็มที่เต็มปอดเลยนะเนี่ยะ  นี่หรือเปล่า ที่เขาเรียกว่า ปอดของคนเมือง  เนอะ พี่เมี่ยงรู้สึกอย่างวาไหม เนี่ยะ "

" อืม.. เพราะเหตุนี้ไง พี่ถึงอยากพาวามาที่นี่ มากกว่าไปเดินแถวประตูน้ำน่ะ "

" วา อ้าปาก งับอากาศ กักตุนไว้ในปอดเยอะๆละ แถวบ้านหายากไม่ใช่เหรอ 555"

"  แหมๆ พี่เมี่ยงล่ะก็ วาไม่ใช่ปลาหมอนะ จะได้อ้าปากหายใจน่ะ "


          แสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆสาดส่องไปทั่วผิวน้ำเจ้าพระยาทำให้เกิดระลอกคลื่นระยิบระยับตา โน่น..นกพิราบ   3 - 4 ตัวพากินบินลงมาหากินแถวร่มไม้ใกล้ๆ นั่นอีก..นกเอี้ยงมากันเป็นคู่ สักพักก็ทะเลาะถกเถียงกันด้วยเรื่องอะไรไม่ทราบ ถึงได้ยกพวกตีกันราวกับกลุ่มนักเรียนอาชีวะยกพวกตีกันยังไงยังไง อิอิ 

" พี่เมี่ยงๆ นั่นสะพานอะไรน่ะ สวยจังเลย เนอะ " ชายหนุ่มมองตามปลายนิ้วมือที่วาชี้

" นั่นล่ะ เขาเรียกว่า สะพานพระราม 8  ล่ะ วาว่า สวยไหมล่ะ หือ "  พี่เมี่ยงตอบพลางย้อนถามวา

"  ค่ะ ..สวยคะ .. " วา ตอบรับ แต่คำตอบรับของเธอ ทำให้ชายหนุ่มต้องเอี้ยวคอเหลียวมองหน้าวา อีกรอบ

" แน่ะ.. เราน่ะ พูดเพราะๆ คะ ขา เป็นกะเขาด้วยหรือนี่  เก่งนี่ แน่จริงก็พูดให้ตลอดนะแม่คุณ "

"  แหมๆๆ พี่เมี่ยงก็ วา ลืมตัวมั้ง 555"   วายังไม่ยอมรับตัวเอง อิอิ 

"  วา เห็นอะไรอีกไหม นอกจากสะพานพระราม 8  " พี่เมี่ยงเริ่มซัก

" เห็นซิ ..วาเห็นหมดแหละ ต้นไม้ไง ใบหญ้า ยอดตีก แม่น้ำ และที่สำคัญ วาเห็นพี่เมี่ยงนั่งเคียงข้างวาอยู่นี่ไง  "  วา ไม่พูดเอย่างเดียว แต่ใช้นิ้วจิ้มเอวชายหนุ่มซะจนเขาสะดุ้งสุดตัว 

"  บ้าซิ เล่นไรกันเนี่ยะ ตกใจหมดเลย "   ชายหนุ่มต่อว่าต่อขานเล็กๆน้อยๆ 

"  ก็วาขำนี่ พี่เมี่ยงทำไม ต้องบ้าจี้ด้วยละ  วา แค่สะกิดนิดเดียวเองน๊า  อิอิ "

" แหมๆ แบบนี้เขาไม่เรียกว่า สะกิด แล้วละ เขาเรียกว่า เอาไม้หน้าสามกระทุ้งเอวแล้วมั้ง ก็เราน่ะ สะกิดซะแรงมั้ง "  พี่เมี่ยงยังคงบ่นไม่หยุด แต่วา  นั่งหัวเราะชด้วยความสะใจ ก็คนขำนี่นา 5555

" เอ้า.. เลิกเล่นได้แล้ว ตอบมาตรงๆ เห็นอะไรอีก "  ชายหนุ่มยังคงรุกในคำถามของเขา 

"  ก็เห็นต้นไม้อะไรโน่นแน่ะ ต้นใหญ่ๆ มีรากเกะกะไปหมด มีรั้วรอบด้วย  "  วา ชี้นิ้วทำปากบุ้ยใบ้ไปยังต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา

" นั่นล่ะ เขาเรียกว่า ต้นลำพูละ เหลือที่นี่ที่เดียว ต้นสุดท้ายในกรุงเทพฯละมั้ง "  พี่เมี่ยงของวา เริ่มพูดคุยอย่างช้าๆมาดนิ่งๆแต่ลุ่มลึก หุหุ

" จริงเหรอ พี่เมี่ยง ทำไมคะ ต้นลำพูเอาไว้ทำอะไรล่ะคะ " ; วาเริ่มสงสัย ซักถามต่อ

"  วา ไม่เคยได้ยินหรอกเหรอ ว่า ต้นลำพู มักคงอยู่คู่กับหิ่งห้อยนะ  แล้ววันหน้าจะเล่านิทานหิ่งห้อยนะ วันนี้คุยเรื่องสวนของที่นี่ก่อนนะ"  ชายหนุ่มก็ตอบโต้คำถามของวา โดยไม่มีท่าทีเบื่อหน่าย(เอ หรือว่า เบื่อ แต่เก็บไว้ในใจ ไม่อาจทราบได้ อิอิ )  

"  พี่จะบอกอะไรให้นะวา วา .. ที่วา เห็นเป็นแหลมๆ แทงขึ้นมาจากพื้นดิน โผล่พ้นน้ำน่ะ เป็นรากของต้นลำพู  เขาต้องการอากาศหายใจ  หากว่าน้ำท่วม ต้นลำพูก็อยุ่ไม่ได้ จะตายนหมด เพราะขาดอากาศหายใจ "  พี่เมี่ยงอธิบายให้วารับรู้

" อ๋อ.. ค่ะ วาก็ยังนึกสงสัยว่าอะไรแหลมๆ ทำไมต้องงอกมาจากใต้น้ำด้วย อิอิ "

" ตามแถวชนบทบางพื้นที่ เขาจะสร้างร้านไว้ เพื่อป้องกันคนตกหล่นไปในบริเวณโคนของต้นลำพู ซึ่งอาจทำให้บาดเจ็บได้ คราวนี้เข้าใจชัดไหม "

"  ส่วนเรื่อง นิทานหิ่งห้อย เอาไว้ก่อนนะจ๊ะ  ไว้ภาค 2 อาทิตย์หน้าจ๊ะ ไม่ลืมๆ "  พี่เมียงชายหนุ่มผู้แสนจะรอบรู้ พยายามต่อรองข้อตกลงระหว่างยัยวา อิอิ

 " อีกแระๆ วันหน้าๆๆ อีกแล้วนะคะ  เฮ้อ ทุกทีซิน่ะ "   วาเริ่มบ่นๆ เมื่อรู้ว่า ตัวเองอดฟังนิทานหิ่งห้อยอีกแล้วเป็นแน่แท้ บ่นพลาง ทำปากเบี้ยว หน้าบูดเป็นตูดอึ่ง ประมาณว่า หน้างอ มั้งคะท่านผู้อ่าน อิอิ

" น่านะๆ.. พี่ไม่ลืมหรอกน่ะ นิทานหิ่งห้อยของวา แต่วันนี้พี่อยากให้วารู้เรื่องราวความเป็นมาของสวนที่นี่  ณ.ที่แห่งนี้ที่ทำให้พี่ได้เจอหญิงคนหนึ่งที่บ้าๆบอๆออกจะต๊องๆนิดๆ "

 น้านนนน.. พี่เรา เหมือนจะหวาน แต่ไม่รู้ว่าชมหรือด่าใครบางคนหรือเปล่าว๊า  แหวะๆๆ แบร่ๆๆ 55555

" อ้าว .. แล้วนั่น เป็นอะไรไป เราน่ะ นั่งเกาขยุกขยิกไปได้ "  พี่เมี่ยงถามด้วยความแปลกใจ

" เปล่าคะ ..มดกัด..สงสัยมดตามมาหาคำหวานๆ มั้งคะ สงสัยแถวนี้มีคนโปรยคำหวานๆไว้ทั่วแระมั้ง อิอิ "   วา พูดแล้วก็หลบมะเหงกของพี่เมี่ยงที่อาจจะลงมาบนหัวเธอเมื่อไหร่ไม่รู้ได้ หุหุ 

"  มานั่งตรงนี้เลยวา มาใกล้ๆพี่นี่ มาฟังพี่พูดให้จบ อย่าทำลูกเล่นเยอะ เดี๋ยวโดนๆๆ "  เชอะ ทำเป็นขู่  ไม่กลัว.....(ซะ..เมื่อไหร่ อิอิ )

" ตอบมาก่อน เห็นอะไรอีก บอกมาเท่าที่เห็น เร็วๆ "

" ก็เห็นป้อมกลมๆ ขาวๆนั่นไงหละ แหมๆ "

" เห็นศาลานั่นน่ะ  แปลกๆ แต่ก็สวยดีอ่ะ "   วาพูดพลางลอบมองหน้าชายหนุ่ม กลัวว่าคำตอบของตัวเองอาจทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจก็เป็นได้ 

"  โห .. พี่เมี่ยงน่ะ จะเล่าอะไร ก็เล่ามาเหอะนะ อย่ามาทำเป็นลูกเล่นเยอะ  "   แน่ะ ยัยวา ยังยืมคำพูดของคนอื่นมาพูดอีกแน่ะ อิอิ


"  วา ฟังพี่ดีๆนะ  สวนสันติชัยปราการแห่งนี้ สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษาครบ 6 รอบของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปีพุทธศักราช 2542 "  ชายหนุ่ม เริ่มอธิบายในเชิงวิชาการ

" เหรอคะ ..วาไม่เคยรู้ แล้วไงต่อคะ ? "  วา เริ่มมีท่าทีสนใจเรื่องราวที่ชายหนุ่มเล่า

" อยากรุ้ล่ะซิ ถ้าอยากรู้เรื่องราวต่อนะ หอมแก้มก่อน อิอิ "  ชายหนุ่มแกล้งยัยวาเล่นๆ 

"  เชอะ..วายอมไปหอมแก้มเจ้าเหมียวที่บ้านยังจะดีกว่านะคะเนี่ยะ  " วาก็ตอบกลัว

" โอเคๆ พี่ไม่แหย่ล่ะ มาฟังต่อนะ ศาลารูปร่างแปลกๆที่วาพูดถึงน่ะ เขาเรียกว่า พระที่นั่งสันติชียปราการ  จะมีตราสัญญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียติมาประดับไว้ พร้อมจัดสร้างท่ารับเสด็จขึ้นลงเรือ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นที่จัดงานพระราชพิธีต่างๆ ..  เข้าใจยัง "  เหนื่อย เมื่อยปากนะเนี่ย อิอิ

"   โห ..พี่เมี่ยงคำ เก่งจังคะ  แสนรู้ เอ๊ย  รู้ดีไปหมด  วาไม่เคยรู้อะไรเลยนะคะเนี่ยะ "   วาชมพี่เมี่ยงแต่ไม่วายกัดเล็กๆ พร้อมกันนั้น วาก็ทึ่งในตัวชายหนุ่มที่เขารู้เรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดี

"  เพราะพี่รู้ไง ..รู้ว่า วาไม่เคยรู้เรื่องอะไรสักอย่าง นอกจากกวนใจคนเก่ง  แซวคนอื่นเก่ง  พี่เลยอยากให้วารู้ รู้ในเรื่องที่สมควรรู้ เข้าใจไหมเนี่ยะ " ชายหนุ่ม ได้ทีสอนไปด้วยในตัว

" แล้วป้อมสีขาวๆนั่น ที่วาบอกพี่ใช่ไหม ? " ชายหนุ่มถามพลางชี้นิ้วไปยังป้อมสีขาวๆริมฝั่งถนนทางไปบางลำพู

"  ป้อมสีขาวๆนั่น เขาเรียกว่า ป้อมพระสุเมรุ  เป็นป้อมปราการที่สร้างในรัชกาลที่ 1  มาแล้วเสร็จสมบูรณ์ในรัชกาลที่ 3 มั้ง ถ้าพี่จำไม่ผิด ป้อมนี้ เป็นหนึ่งใน14 ป้อมที่ถูกสร้างขึ้นตามกำแพงรอบพระนครชั้นนอก  " 

เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้ ที่วาต้องทึ่งในความรอบรู้ของพี่เมี่ยงคำ  หลายสิ่งหลายอย่างที่วาไม่เคยรู้ บัดนี้วาได้รู้เรื่องราวหลากหลายจริงๆ 


          บนสนามหญ้าเขียวขจี มีทั้งคนไทย ทั้งคนต่างชาติมานั่งพักผ่อนเอนกายเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์  บ้างก็ปูเสื่อนั่งพูดคุย มีขนมติดไม้ติดมือมา (เหมือนวาเลย ) บ้างก็มีหนังสือติดตัวมาอ่านเล่นด้วย (นี่ก็เหมือนวา อีกนั่นแหละ อิอิ )

วานั่งกินขนมอย่างสบายใจ พลางสอดส่ายสายตาสอดรู้สอดเห็น เอ๊ย สอดส่ายสายตาอยากรู้อยากเห็นไปทั่ว อิอิ  ส่วนชายหนุ่มนั่งสงบเงียบ เหมือนใช้ความคิดอะไรบางอย่าง เหมือนครุ่นคิดอะไรในใจสักอย่าง 

" พี่เมี่ยง.. คิดอะไรน่ะ เป็นอะไรไป " วาแกล้งพูดเสียงดัง พลางยื่นหน้าไปใกล้ๆ

" เฮ้ย.. วา พี่ตกใจหมด อยู่ใกล้แค่นี้ทำไม ต้องตะโกนด้วย "  ชายหนุ่มหันมาทำตาเขียวใส่ยัยวา

" พี่ กำลังนั่งคิดว่า จะหาทางหลอกให้วาไปหอพี่ได้ยังไงดี หือ วา ช่วยคิดหน่อยซิ ..จะหลอกล่อว่า พาวาไปกินข้าวที่หอ วาก็อิ่มมาแล้ว จะหลอกว่า พาไปกินขนมที่หอ วาก็กำลังกินอยู่  หือ..วา ว่าไง ช่วยพี่คิดหน่อยซิ  55555 " 

ได้ผล คราวนี้ยัยวา มีปฎิกิริยาตอบโต้ ตาเขียวพอๆกัน

" ไม่ต้องเลย ไม่ต้องคิดเลย ถ้าวา อยากไป วาไปเอง ไม่ต้องๆๆคิด"

"  ฮ่า..ฮ่า..สมน้ำหน้า ชอบแกล้งพี่ดีนีก " ชายหนุ่มหัวเราะด้วยความชอบใจที่สามารถแกล้งยัยวาได้สำเร็จ เอาคืนๆๆ

     เสียงหัวเราะก้องของชายหนุ่มทำให้นกพิราบสามสี่ตัวเมื่อกี้บินหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง ฝ่ายนกเอี้ยงที่ยกพวกตีกันเมื่อกี้ก็หยุดทะเลาะกันชั่วคราว เหมือนจะมองว่า เกิดอะไรขึ้น เมื่อคิดว่าไม่มีภัยอะไรมาถึงตัวพวกเขา ก็ยกพวกตีกันต่อ 555555


"  ณ.สวนแห่งนี้ มีเรื่องราวหลากหลาย มีตำนาน ไว้พี่จะเล่าเพิ่มเติมวันหน้านะ  นี่ก็ใกล้ค่ำมืดแล้วนะวา พี่สัญญาน่ะ ไม่ลืมนิทานหิ่งห้อยของวาหรอก  "

"  ไว้อาทิตย์หน้าพี่จะพามาเที่ยวใหม่นะ ถ้าวาทำตัวดีๆ ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่งอแง "   พูดจบ วาก็สังเกตเห็นว่า คนพูดแอบกลั้นหัวเราะซะมากมาย จนวานึกหมั่นไส้   แหมๆๆ ว่าไปโน่นเลยพี่เรา เฮ้อ....

" ไปๆ กลับบ้านเราเถอะ  อ่อ ลืมไป คนอย่างพี่ไม่มีบ้านหรอก  พี่อยู่หอนานแล้ว นานจนลืมว่า ความอบอุ่นของคำว่า บ้าน คำว่าครอบครัวเป็นยังไง " 

 สำเนียง น้ำเสียงเศร้าๆในตอนสุดท้ายของพี่เมี่ยง ทำให้วาสงสารจับใจ วาอยากรู้วาตอนนี้ในใจพี่เมี่ยงคิดอะไรอยู่ วาไม่กล้าที่จะถามไถ่ ได้แต่คอยห่วงใยอยู่ลึกๆในใจ(หวานไหมคะ อิอิ ) 

อยากบอกว่า ยิหวาคนนี้คอยเป็นกำลังใจให้พี่นะคะ แม้พี่อาจไม่เห็นวาในสายตา แต่วาก็อยากเห็นพี่มีความสุข  อยากเห็นรอยยิ้มของพี่ แบ่งความทุกข์ให้วารับรู้บ้าง  

" ไปกันเถอะวา เดี๋ยวมืดมากกว่านี้ ไป เดี๋ยวพี่ไปส่ง  "

"  ค่ะ ..."

" ค่ะ ก็ลุกขึ้นซิ หรือว่าจะให้จูงมือ หรือว่าจะให้อุ้มละ "  

"  ไม่ดีกว่าคะ ..วาจะขี่คอพี่เมี่ยงแหละ 5555"  พูดจบ วาก็ออกเดินดุ่มๆนำหน้าชายหนุ่มไปยังป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้าม 


          แสงสุดท้าย ณ.ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากำลังเคลื่อนตัวต่ำลงเรื่อยๆแต่ยังคงสะท้อนให้เห็นระลอกคลื่นบนผิวน้ำระยิบระยับจับตาชวงนมอง 

ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างทิ้งเรื่องเล่า ทิ้งเรื่องราวไว้เบื้องหลัง ด้วยหวังว่า วันต่อมาพวกเขาจะมาเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ประสบการณ์ดีๆจากที่แห่งนี้อีก 

สายลมแผ่วๆพัดมาปะทะใบหน้าของคนทั้งสอง ทั้งคู่เดินเกี่ยวก้อยด้วยกันอย่างสุขหัวใจ 



00384_34.jpg				
22 สิงหาคม 2551 22:51 น.

ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก

ฉางน้อย

ขอบคุณนะ..ที่ยังยืน..อยู่เคียงข้าง

ขอบคุณนะ..ที่ไม่ร้าง..ลาไปไหน

ขอบคุณนะ..ขอบคุณมาก..จากหัวใจ

ขอบคุณใคร..คนหนึ่งนั้น..ที่ฉันรอ

ขอบคุณมาก..ที่เกี่ยวก้อย..ร้อยความฝัน

ขอบคุณมาก..ที่ลำบาก..มาด้วยกัน

ขอบคุณมาก..ที่เธอ..ไม่ทิ้งฉัน

ขอบคุณสวรรค์..ที่ให้ฉัน..ได้พบเธอ..

          ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )

00384_19.gif				
19 สิงหาคม 2551 02:11 น.

แด่คุณ..คนพิเศษ 2

ฉางน้อย

00384_22.gifแม้เราจะจาก..เลิกลาไป

แต่ใจฉัน..ยังคงอยู่..คู่เธอเสมอ..

    เธอ..อาจเจ็บ 

    ฉัน..อาจปวด

      ฉันรู้..เมื่อเธอเดินจากฉันไปแล้ว..

อาจลาจากกัน..ไปตลอดชีวิต..

แต่อยากให้เธอ..รับรู้ว่า..

ฉันคนนี้..ยังซื่อตรง..คงมั่นในรักของฉัน

และฉัน..ก็อยากให้เธอ..เชื่อมั่น..ในรักของกันและกัน

    เธอ...อาจยืน..คนละขอบน้ำ..กับฉัน

    ฉัน...อาจอยู่..คนละแผ่นฟ้า..กับเธอ

    เธอ..ฉัน..อาจอยู่..คนละผืนดิน..เดียวกัน

แต่เราสองคน..ยังคงอยู่..ใต้ฟ้าหลังคาเดียวกัน..ไม่ใช่เหรอ

ขอให้เธอรับรู้ว่า..สองกาย..นั้นอาจไกล...แต่สองใจ..ยังคงใกล้กันเสมอ..

00384_21.gif     และแล้ว...ก็มาถึงวันนั้น..

วันที่เธอบอกฉัน..เราอยู่ห่างๆกัน..ดีที่สุด..

    ใบหน้า..เริ่มร้อนผ่าว...ดวงตาพราว..วับวาวใส

    น้ำตา..หลั่งริดรดใจ...น้ำใสใส..ไหลอุ่นอุ่น

ปวดในหัวใจ..ตื้อไปหมด..มึนงง ..กับคำพูดของเธอ

     คำเธอบอก...อยู่ห่างๆกัน..ดีที่สุด..

แต่มิอาจหยุด..ความผูกพันธ์..ของฉันได้..

แม้กายไกล..ใจยังคงใกล้กัน

หรือจะมีเพียงฉัน..ที่ฝันถึงเธอ..

    ที่ผ่านมา...เธอ..ไม่เคยรับรู้

    ที่ผ่านมา...เธอ..ไม่เคยชายตา..เหลียวมอง

เพราะ..ฉันเป็นเพียง..คนแปลกหน้า..

ที่บังเอิญ..เดินผ่าน..ก้าวเข้ามา..ในชีวิตเธอ..

ผ่านมาแล้ว..ก็ผ่านไป..ใช่ไหมเธอ...

          (  ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )

00384_19.gif				
19 สิงหาคม 2551 01:37 น.

แด่คุณ..คนพิเศษ 1

ฉางน้อย

00384_22.gifแม้อยู่ไกล..เหมือนอยู่ใกล้..

คล้ายๆ..เพียงเอิ้อมมือคว้า..

แต่ทว่า..ทำไม..ทำไมคว้าไม่เคยถึง..

นับวัน..เหมือนคุณโดนฉุดดึง..ให้ไกลห่าง..

นับวัน..คุณยิ่งไกลห่าง..จากฉันไป..ทุกที..ทุกที..



00384_21.gifวันนั้น..ฉันถามเธอว่า..

เราสองคน..จะหยุดความสัมพันธ์..เพียงแค่นี้

หรือว่า..จะจับมือกัน..ก้าวเดินต่อไป..ในวันข้างหน้า

เธอ...ก็อ้ำอึ้ง..คงคิดไม่ถึง..กับคำถาม..ของฉัน

เธอ...คงสับสน..ในการค้นหา..คำตอบ..ให้กับตัวเอง

แต่สำหรับฉันนั้น...รู้คำตอบ...ในแววตาเธอแล้วล่ะ

ไม่เป็นไรน่ะ..ไม่เป็นไร..

แม้ถึงวันที่..เราสองต้องห่าง..ร้างลากันจริงๆ

ฉัน..ก็ยังยิ้มได้..ใจฉันเข้มแข็งพอ..ที่จะก้าวเดิน..

ไปคนเดียวข้างหน้า..โดยที่..ไม่มีเธอเดินเคียงข้าง..อีกต่อไป..

          ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )

00384_19.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฉางน้อย