22 ธันวาคม 2552 19:49 น.

" ของฝาก..จากสหาย "

ฉางน้อย

20803_47282.gif20050413_Line_orange.gifและแล้วเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง อิอิ 
" คุณยิหวา รับพัสดุด้วยครับ" หนุ่มคนเดิม หน้าเดิมๆ เสียงเดิมๆ
" แหม สองสามวันนี้มีบ่อยจังนะพัสดุน่ะ" 
เขาแซวทักทายตามประสาคนเคยคุยกัน 
" แหะ..แหะ.." ฉางน้อยยิ้มแหยๆให้ 
ไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวคำขอบคุณ
เอ.. สหายรักแห่งข้า ส่งอะไรมาให้หน๊อ 
รถสิบล้อหรือว่าเครื่องบินไอพ่น 
อ่ะหรือจรวดขีปนาวุธแน่เลย อิอิ
แอบลุ้นอยู่เล็กๆในใจ ว่าสหายรักแห่งข้าส่งอะไร
มาให้เป็นของที่ระทึกเอ๊ย ระลึก อิอิ 
20050413_Line_orange.gif
นานมากแล้วที่ฉางน้อยล่องลอย เอ๊ย วนเวียนในเวปนี้
เวปบ้านกลอนไทยแห่งนี้
และก็นานมากเช่นกัน ที่เห็นชื่อคน คนหนึ่งที่ดูท่าทางอารมณ์ดี
ขี้เล่น ชอบสนุกสนาน เธอเหมือนคนที่มองโลกในแง่ดีเสมอ
ฉางน้อยยังคิดนะ เอ..ยัยนี่ ดูท่าทางบ้าๆบอๆต๊องส์ๆเหมือนเรา
55555.... แต่ตอนนั้นไม่กล้าไปทักทายแบบหยอกเล่นแรงๆ
ได้แต่แอบแย๊บๆยามเธอเผลอ 5555 
ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากรู้จัก อยากคุยด้วย ดูท่าทางเป็นมิตรอ่ะนะ

และแล้วในที่สุดสิ่งที่คิดฝันนั้นก็เป็นจริง สหายรักแห่งข้าเริ่มมา
พูดคุยอย่างจริงๆจังๆช่วงไหน จำไม่ได้เหมือนกัน
แต่คิดว่า คงเป็นช่วงที่ไม่มีใครเขาคบเราสองคนแล้ว 55555
ประมาณว่า เพื่อนๆตัดหัว เอ๊ย ตัดหางปล่อยวัด อิอิ 
อ่อ ยังมีพี่เทียนหยดอีกคนที่หลงมาแหล่งพี่น้องตระกูลเอ๋อ อิอิ 

20050413_Line_orange.gif
การพูดคุยสื่อสารกันทางตัวอักษร ยามว่างเว้นจากการทำงาน
ทำให้ได้รู้ว่า สหายรักแห่งข้ามีอะไรที่คล้ายๆกันหลายอย่าง
สหายรักแห่งข้า ดูเธอไม่ยินดียินร้ายแม้ใครจะเอ่ยขานนามเธอว่า..
ป้าโคมั่งล่ะ สหายเขียดบ้างละ หรือว่า สหายเอ๋อเอ๋อบ้างล่ะ
ต่อไปจะลองเรียกชื่อเธอว่า ปลาแดดเดียว
ดูซิ เธอจะทุกข์ร้อนใจหรือไม่ 5555 

แต่มา ณ.วันนี้ ขอบคุณสหายรักแห่งข้าที่ได้มา
พูดคุยกันหลากหลายเรื่องราว มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง อิอิ
เพราะพวกเราพี่น้องตระกูลเอ๋อ ถือคติว่า "สร้างความร้าวฉาน คืองานของเรา "
55555..... ล้อเล่นนะ เพื่อนๆ อย่าคิดมากล่ะ อิอิ ยิ้มคะยิ้ม

" โผ เอาเคโร๊ะมาควาก " หยิบเจ้ากบเคโระตัวเขียวตาโปนพลางอมยิ้ม
เพราะนึกถึงเพลงของน้องเด็กดอยใจดี(ใช่หรือเปล่าไม่แน่ใจ)
เจ้ากบเคโระนอนอึดอัดในกล่องสีเหลืองใบจิ๋ว ดูซินั่นมีสร้อยข้อมืออีกน่ารักมาก
รุ้ไหมว่า ถูกใจฉางน้อยมากถึงมากที่สุด(แต่ไม่มีเมฆกระจายเป็นหย่อมๆ อิอิ )

...... ขอบคุณสหายฝน โคลอน (เอ๋อเอ๋อ)มากๆนะสหายรักแห่งข้า อิอิ

น้ำใจ ความเป็นเพื่อน เป็นมิตรที่ดีมีค่ามากกว่าของที่ส่งมาให้มากมายนะนะคะ
ของที่ส่งมาให้ อาจมีวันสูญหาย หรือสลายได้ตามกาลเวลา

แต่ทว่าความดี ความมีน้ำใจ สิ่งตอบแทนที่เพื่อนมีต่อเพื่อนมนุษย์นั้น
ย่อมไม่มีวันสูญหายไปจากใจค่ะ
.20050413_Line_orange.gif

                ยิหวา วา / ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น (หลงเอ๋อ) 

              00384_19.gif				
17 ธันวาคม 2552 01:19 น.

" ของฝาก..จากมิตรภาพ "

ฉางน้อย

ค่ำคืนของวันที่ 11 ธ.ค.52ที่ผ่านมานั้น สหายฝนถามฉางน้อย

" เออนี่ สหายฉาง ได้รับสร้อยข้อมือลูกปัดจากพี่แบมยังล่ะ ? "
" เค้าได้แล้วนะ ผ้าขนหนูสวยเชียว สร้อยก็สวยน่ารักมากเลย "

บทสนทนาของพวกเราสองคนและใครอีกหลายๆคนมักคุยผ่านกระทู้
หรือไม่ก็เรื่องสั้นในบ้านกลอนไทย

" เหรอ ไม่หรอก เค้าเกรงใจพี่แบม พี่เค้าให้มาเยอะแล้วล่ะ
พี่แบมถามเค้าแล้ว เค้าบอกว่า เก็บไว้ให้คนอื่นแล้วกัน "
ฉางน้อยพิมพ์คอมเม้นท์ในกระทู้ตอบสหายฝนไปแบบนั้น

" อ้าวเหรอ แต่เจ้แบมบอกว่าจะส่งให้ฉางน้อยด้วยนี่ เราตอบถูกด้วยกัน
เกาะกันถูก อิอิ รอหน่อยนะ "

.........................................

ตั้งแต่เช้า เจ็ดโมงกว่าของวันที่ 12 ธ.ค. 
ยิหวา วา ได้แต่เฝ้าชะแง้ แลชะเง้อ
เมื่อไหร่เธอจะมา โอ้หนุ่มไปรษณีย์จ๋า มาสักทีเถ๊อะ อิอิ
แท้จริงแล้ว หาได้รอหนุ่มไปรษณีย์คนนั้นหรอก 
แต่แอบเมียงมองๆจ้องของฝากจากพี่แบม อิอิ

จริงๆแล้วก็เกรงใจพี่แบมมากมาย เพราะวันก่อนโน้นแค่คุยเอ็มไม่กี่ครั้ง
พี่แบมยังส่งหมวกแก๊บสวยๆพร้อมกับปากกา
แล้วอะไรอีกอย่างน๊า ลืมๆๆๆๆ แหะ..แหะ..

มาหนนี้พี่แบมถามว่าเอาไหม จะส่งให้ แต่ก็เกรงใจพี่เค้าแหละ
(แม้ในใจแอบรอลึกๆ อิอิ )

และแล้วเวลาแห่งการลอยคอ เอ๊ย รอคอยก็มาถึง 
บ่ายสี่โมงของวันที่ 12 ธ.ค.นั้นเอง

" คุณยิหวา วา รับพัสดุด้วยครับผม " 
นั่นไง มาแล้ว หนุ่มที่ฉันรอคอยมาแล้ว อิอิ

..... เย้ๆๆ มาแล้วๆๆ สร้อยข้อมือน่ารักจากพี่แบมมาแล้ว 
หนังสือด้วยเล่มนึง 
และมีการ์ดเล็กๆอีกใบ ข้อความบอกว่า " Miss you Nong va " 

แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับซองสีน้ำตาล พี่สาวถามว่า
 เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก ยิ้มคนเดียว
เรื่องอะไร จะบอกเนอะ 55555

.....................................................

มิตรภาพโลกออนไลน์หรือโลกไซเบอร์แห่งนี้
 แม้บางครั้งไม่ได้พบเจอตัวตนกันและกัน
อาจไม่ได้เจอตัวจริงซึ่งกันและกัน แต่ความห่วงใย ความจริงใจมีให้เสมอ
ส่งผ่านความรู้สึกที่อาจไร้สาย แต่ไม่ไร้น้ำใจไปซะทีเดียว

บ้างก็พูดคุยปรึกษาปัญหาต่างๆกันได้ บ้างก็ร่วมด้วยช่วยกัน
แก้ปัญหาให้กันและกัน
ฉางน้อย วา คิดว่า ตัวเองช่างโชคดีนักที่พบเจอแต่คนดีๆ
ไม่ว่าพี่นักสืบ ลุงจุด พี่แบม พี่กิ่ง พี่วิทย์ ผู้ใจดีของน้องๆ
หรือพี่บ่าวลิลิต..พี่เมี่ยงคำ อะแฮ่มๆๆ 
ที่ขาดไม่ได้ก็คือ สามสาวตระกูลเอ๋อ 555
อันได้แก่ สหายฝนกะพี่เทียนหยด (เอ๋อเอ๋อกะหลงเอ๋อ) 
(เพื่อนๆทุกคนแหละ แต่ขอโทษที่เอ่ยชื่อไม่หมดคะ)

หลายต่อหลายคน หลายต่อหลายเวลาที่ผ่านมาให้จดจำ
 แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ยังจดจำในใจ ยังระลึกถึงบุญคุณเสมอ
 แม้บางครั้งอาจเข้าใจผิดด้วยเหตุผลของแต่ละคน
แม้บางคราวเหตุผลของคนเราย่อมแตกต่างกันออกไป 

ขอจงจำไว้เถอะว่า ความดี มิตรภาพความจริงใจ
ไม่สูญหายไปจากโลกไซเบอร์แห่งนี้หรอกค่ะ

พูดถึงพี่นักสืบ พี่บ่าวลิลิตเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายที่น่ารักมาก 
วันก่งวันเกิดเบริด์เดย์ของน้องนุ่งไม่เคยลืม
หนังสือหนังหาก็ฝากมาให้อ่าน 
ปีใหม่ก็มีของขวัญเล็กๆน้อยๆส่งมาให้
แถมบางโอกาสมีขนมส่งมาเสริมทัพอีก อิอิ

ของต่างๆหรือขนมที่พี่ๆทั้งหลายส่งมาให้ฉางน้อย อาจมีวันหมด 
แต่น้ำใจของพี่ๆไม่เคยหมด ไม่เคยเหือดหายไปจากใจฉางน้อยคนนี้

ก็ไม่รู้จะเขียนอะไร แค่อยากคุยว่า โลกไซน์เบอร์หรือโลกออนไลน์
ก็คล้ายเหรียญที่มีสองด้าน ในเมื่อมีด้านดี ก็ต้องมีด้านไม่ดี บวกกับลบ
แล้วแต่คนเราเลือกคบ เลือกเปิดใจคบสิ่งดีหรือไม่ดี

คำว่า เพื่อน หรือ มิตรภาพไม่ได้จำกัดแค่คนรอบกายเรา
แต่อาจเป็นใครสักคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา อาจแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ให้เราได้รู้จัก เพียงแต่ว่า คุณพร้อมแค่ไหน ที่จะเปิดรับมิตรภาพที่เขาหยิบยื่นให้คุณ
คุณพร้อมแค่ไหนที่จะกล้าก้าวเท้า เดินทางไปรู้จักกับคนหรือตัวตนในโลกออนไลน์

คำนี้ใช้ได้เสมอ รู้หน้าไม่รู้ใจ ยิ่งบางคน ไม่รู้ทั้งหน้ายิ่งไม่รุ้ทั้งใจเขา
ขอเพียงเราเตือนสติตัวเอง รู้..พร้อม..ยอมรับ..เป็น..อยู่..คือ..

เราต้องรู้ว่า ต่อไปเราจะเจออะไรบ้าง เราพร้อมจะยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นไหม
ขอเพียงอย่าเพิ่งไปเผลอใจไปกับโลกเสมือนจริง เตือนตนให้มั่น
ความจริงใจมีให้ แต่น้อยมากแค่ไหน ใครบอกได้ว่า 100 เปอร์เซน
คนโง่ ซื่อ ฉลาดย่อมมีปะปนกันไป 

อ้าว บ่นอะไรเนี่ยะ ลืมๆๆ กลับๆๆ 555555 

ขอบคุณมิตรภาพดีๆในเวปthaipome.com

ขอบคุณเพื่อนสนิท มิตรสลาย เอ๊ย มิตรสหายทุกๆท่านที่ทนคบกันเรื่อยมา อิอิ

ถ้าจะให้เอ่ยชื่อคงไม่หมดเพียงแค่นี้ แต่อยากบอกว่า ขอบคุณที่ผ่านมา

ขอบคุณที่ทำให้เราได้มาเจอกัน ขอเก็บความรู้สึกที่ดีๆเป็นความทรงจำตลอดไปค่ะ 

อยากเขียนเยอะแยะมากมาย แต่เหมือนเริ่มก่งก๊ง 5555

....................................

( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น ) 				
4 ธันวาคม 2552 19:12 น.

"...เตี่ย...( ตอนจบ ) "

ฉางน้อย

00542_0.jpgheart_03.gif1..... ศุกร์ที่ 5 ธ.ค.ปี46 หลังจากฉันและพี่ๆกลับจากเยี่ยมเตี่ยคราวนั้นแล้ว
พวกเราก็โทรคุย ติดตามถามข่าวเตี่ยอย่างสม่ำเสมอ 
พี่สาวคนโต ก็บอกว่า เตี่ยเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง

บางครา พี่สาวก็โทรมาบอกว่า เตี่ยเพิ่งกลับจากรพ.หลังจากที่หมอนัดดูอาการ
บางครั้ง พี่สาวก็โทรมาบอกว่า เตี่ยอาการดีขึ้นแล้ว กินข้าวได้เยอะกว่าทุกวัน
และ ในบางคืน พี่สาวก็โทรมาร้องไห้ บอกว่า เตี่ยมีอาการช๊อค ต้องปั๊มหัวใจ
และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกระทั่งอาการค่อยๆฟื้นคืนตัว

คุณทราบไหมว่า ช่วงนั้นฉันเหมือนคนจิตหลอนอะไรบางอย่าง 
กลัวไปหมดหวาดระแวงทุกอย่าง หวาดผวาทุกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ฉันกลัวเหลือเกิน กลัวเป็นข่าวร้าย ฉันได้แต่เฝ้าภาวนา 
ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลยแค่คิด ใจฉันก็เจ็บแปลบ

ฉันได้แต่วาดหวังไว้ว่า เตี่ยของฉันต้องมีอาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ 
เตี่ยต้องหายดีในที่สุด
แล้วครอบครัวของเราจะพาไปนั่งเล่น
ริมหาดพุมเรียงยามเย็นๆกันอีกนะเตี่ยนะ
จะพากันปูเสื่อริมหาดนั่งทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้า
ทุกคนในครอบครัวของเรา
heart_03.gif

2..... แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจริงๆ ประมาณช่วงตี 1 กว่าๆ
ของเช้าวันที่ 27 ก.พ.ปี 47 เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันสะดุ้งตื่น
คิดในใจ คงไม่นะ..ไม่ใช่หรอกน่ะ ฉันเฝ้าปลอบใจตัวเอง

เสียงจากต้นสายฝั่งโน้นโทรมาบอกว่า 

" เตี่ยไม่สบายหนัก ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล
ให้ลูกๆกลับบ้านด่วน "

 อีกแล้วหรือนี่ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ

สายลมพัดวูบไหวโลมไล้ผ่านเพียงผิวกาย แต่ทว่าฉันกลับหนาวถึงขั้วหัวใจ 
ใจสั่นๆหวิวๆอย่างแปลกประหลาด

มือยังกำโทรศัพท์คาไว้อย่างงั้น พลันสะดุ้งเฮือกเมื่อ
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นอีกหน

" กลับบ้านเราเถอะลูก เตี่ยไม่มีแล้วนะ "

หัวใจกระตุกชาวาบ สั่นไปทั้งตัว ไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะทรงตัว 
เหมือนช็อคไปชั่วขณะ
พี่ๆกำลังวุ่นวายโทรตามคนนั้น คนนี้ โทรหารถตู้กันให้วุ่นวาย 
บ้างก็จัดเตรียมเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว

ฉันได้แต่นั่งนิ่ง อึ้งอยู่อย่างงั้น ทำอะไรไม่ถูก มึนงง สมองตื้อไปหมด
อยากร้องไห้ออกมาดังๆ แต่ตอนนั้นร้องไห้ไม่ออก น้ำตาไม่มีจะไหล

รู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถตู้วิ่งไปได้ถึงครึ่งทาง ตอนนั้นน้ำตาเริ่มรินไหลอย่างช้าๆ
และปล่อยโฮออกมาในที่สุด

ระยะทางจากกรุงเทพฯไปสุราษฏร์ฯ เกือบ 700 กิโล 
ตอนนั้นฉันอยากมีปีกบินจะได้ถึงบ้านไวๆ 
ความรู้สึกตอนนั้นของฉันก็คือ ทำไมรถวิ่งได้ล่าช้าเสียเหลือเกิน
อยากกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุด อยากเห็นหน้าเตี่ย 
อยากกอดเตี่ยเป็นครั้งสุดท้าย แม้เตี่ยจะไม่มีลมหายใจแล้วก็ตามที

" เตี่ยคะ รอลูกสาวคนนี้ก่อนนะ " ฉันคร่ำครวญในใจ

จวบจนกระทั่งรถตู้วิ่งเข้าเขต จ.ชุมพรผ่านอ.หลังสวน 
อ.ละแม อ.ท่าแซะและเข้าเขตอ.ไชยาในที่สุด

ไม่... ฉันไม่ต้องการกลับบ้านอีกแล้ว
ฉันไม่ต้องการเข้าบ้านในตอนนี้
ฉันไม่ต้องการเห็นสภาพที่เตี่ยนอนรอลูกๆ
ฉันไม่ต้องการกลับบ้าน บ้านที่ไม่มีเตี่ยอีกต่อไปแล้ว

ใจเริ่มสั่น มือเท้าเริ่มเย็น แต่หัวใจฉันซิเหมือนเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม 
เพราะตลอดการเดินทาง ก็โทรคุยกับทางบ้านตลอด น้าบอกว่า...

" เตี่ยรอการกลับมาของลูกๆอยู่นะ รอให้ลูกๆอาบน้ำให้...เป็นครั้งสุดท้าย " 
..heart_03.gif

3.....นั่นไง เตี่ยของฉันคงแค่นอนหลับไป ดูซิมุมปากยังเหมือนอมยิ้มน้อยๆ
ฉันโผเข้าซบกอดเตี่ย หวังให้เตี่ยลูบผม ลูบหลังดั่งแต่ก่อน
แต่เดี๋ยวนี้...ไม่มีแล้ว มือคู่นั้น มือที่เคยลูบหัวฉัน ลูบผม
ไม่มีอีกแล้ว อ้อมกอดของเตี่ยที่ฉันโหยหา กอดลูกสาวคนนี้ซิเตี่ย

เนื้อกายเตี่ยยังอุ่นๆ กลิ่นกายเตี่ยยังจางๆ ฉันไม่รุ้หรอกว่าตอนนั้นฉันเหมือนคนบ้า
ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องไห้ เสียงใครคนหนึ่งบอก

" พอเถอะลูก หยุดร้องไห้ได้แล้ว อย่าให้เตี่ยต้องทุกข์ใจไปมากกว่านี้ "

ตอนนั้นเตี่ยเหมือนคนนอนหลับ ผ้าขาวม้ายังคงพาดข้างตัว 
เตี่ยใส่กางเกงขาก๊วยตัวเก่ง
เตี่ยไม่ค่อยชอบใส่เสื้อ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเตี่ย

ฉันและพี่ๆอาบน้ำให้เตี่ยเป็นครั้งสุดท้าย ล้างหน้า ทาแป้ง 
หวีผมให้อย่างดีที่สุด
น้าๆผู้ชายก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดซาฟารีชุดเก่งของเตี่ย

ฉันจำได้ ชุดนี้เป็นชุดที่เตี่ยลงทุนซื้อใหม่เพื่อใส่ฉลอง
งานรับปริญญาของลูกสาวคนนี้
เตี่ยคงเกรงว่าลูกสาวเตี่ยจะอายเพื่อนๆที่มี
เตี่ยเป็นคนบ้านนอก แต่งตัวเชยๆ

พี่สาวบอกว่า เตี่ยตั้งใจทำเพื่อฉันโดยเฉพาะ เป็นชุดแรกที่เตี่ยซื้อใหม่
ใส่ครั้งแรกในงานรับปริญญาของฉัน และใส่เป็นครั้งสุดท้ายของเตี่ยในวันนั้น
heart_03.gif

4.....เตี่ยเคยถามฉันและพี่ๆว่า อายคนอื่นไหมที่เตี่ยเป็น
คนบ้านนอก แต่งตัวเชยๆ
บางครั้งก็ถามว่า เสียใจไหมที่เตี่ยไม่ได้ร่ำรวยอย่างคนอื่นเขา

ฉันและพี่ๆพร้อมใจกันบอกเตี่ยว่า...

" พวกลูกๆดีใจและภูมิใจที่เกิดเป็นลูกของเตี่ย
 เตี่ยอาจไม่ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง
แต่เตี่ยของลูกๆร่ำรวยความดีที่มีให้เพื่อนบ้าน

เตี่ยของลูกๆอาจจนเงินแต่เตี่ยไม่เคยจนน้ำใจให้กับคนรอบข้าง
เตี่ยเป็นคนใจนักเลง แต่ไม่ใช่คนเกเร 
นี่แหละที่ทำให้ลูกๆภูมิใจในตัวเตี่ยล่ะ "

ฉันจำได้ พวกเราลูกๆนั่งคุยกัน เตี่ยฟังคำตอบ ได้แต่อมยิ้ม ไม่ว่ากระไร

อยากบอกเตี่ยเหลือเกินว่า ลูกสาวคนนี้รักและภูมิใจในตัวเตี่ยมากๆนะคะ
การกระทำหลายสิ่งหลายอย่างของเตี่ย ซึมซับถ่ายทอดมาสู่ฉันโดยไม่รู้ตัว

หลับให้สบายนะคะเตี่ย ไม่ว่าชาตินี้และชาติไหนๆลูกจะไม่ขอลืมพระคุณเตี่ย
ไม่ลืมอ้อมกอดอันอบอุ่นของเตี่ย
ไม่ลืมมือคู่ที่เคยลูบผม ป้อนข้าวป้อนน้ำเมื่อลูกยังเล็กๆ
ลูกขอเกิดเป็นลูกของเตี่ยทุกชาติไป....

ฉันพูดคุย อธิษฐานปักธูปพลางก้มลงกราบเตี่ยเป็นครั้งสุดท้าย
น้ำตารินไหลอย่างช้าๆแต่ทว่าไม่มีเสียงสะอื้นมาให้ได้ยิน
............................................................................

ขอบคุณเวปโอเคเนชั่น......

http://www.oknation.net/blog/talay/2009/12/04/entry-1


                lin_cosmos1.gif

                    ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )


                 kapook_40100.gif				
2 ธันวาคม 2552 20:23 น.

"..เตี่ย.."

ฉางน้อย

00541_0.jpg1175928467.gif1.....5 ธันวา ปีนี้ไม่มีพ่อให้กอดเช่นทุกปีที่ผ่านมา หลายปีแล้วซินะ
หลายปีแล้วที่ฉันยังโหยหาอ้อมกอดอันอบอุ่นจากผู้ชายคนแรกของฉัน
ผู้ชายคนแรกของฉันนั้นไม่เคยสักคำที่จะเรียกว่า " พ่อ "
ตั้งแต่จำความได้ " เตี่ย " คำนี้เป็นคำแรกที่ฉันเรียกจนเคยปาก
และเป็นคำสุดท้ายที่ฉันเรียกตลอดไป

ปกติแล้วเตี่ยของฉันเป็นคนที่แข็งแรง ไม่ค่อยมีโรคภัยไข้เจ็บมาเยือน
แต่ทว่า เมื่อปลายปี 46 ที่ผ่านมา โรคต่างๆกลับรุมเร้าเข้ามาจนตั้งตัวไม่ทัน
ไม่ว่าความดันโลหิตสูงหรือแม้แต่โรคหัวใจ

ฉันจำได้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ย.ปี 46 ฉันกับชานนท์(อดีต)เพื่อนสนิท
กำลังเตรียมตัวจะไปเดินซื้อของขวัญวันพ่อ 
กะว่าจะเซอร์ไพรส์วันพ่อที่จะถึง 5 ธันวา

แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พี่สาวโทรมาจากสุราษฏร์ฯ บอกว่า
" กลับบ้านเถอะ เตี่ยไม่สบายมาก "
 คำนี้ทำให้ฉันน้ำตาซึม และร้องไห้มาในที่สุด
ชานนท์แตะบ่าเบาๆ พลางบอกว่า 
" ไว้ค่อยซื้อของให้พ่อนะ กลับบ้านก่อนนะ "

ฉันได้แต่พยักหน้า พูดไม่ออก

1175928467.gif

2.....เช้าวันจันทร์ที่ 1 ธ.ค.ปี46 พวกเราสามคนพี่น้องกลับถึงบ้านตอนเช้ามืด 
ฝืนกินข้าวได้ไม่มากนัก ไม่มีใครได้อาบน้ำเลยสักคน 
กินอิ่มก็ตรงดิ่งไปยังรพ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งเป็น รพ.ประจำจังหวัด

เปิดประตูเข้าไป เพียงแค่เห็นหน้าเตี่ย ยังไม่ได้เอ่ยทักทายด้วยซ้ำไป
ฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยโฮตรงนั้นเลย
เตี่ยนั่งกินผัดซีอิ้ว มือสองข้างระโยงระยางด้วยสายน้ำเกลือ
บ้างก็ยาที่พยาบาลให้ทางสายยาง

เตี่ยวางมือจากผัดซีอิ้วโอบกอดลูกๆทุกคน มือก็ลูบหัวเบาๆซึ่งเป็นกิริยาที่
เตี่ยชอบทำบ่อยๆกับลูกๆ และฉันก็รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งไปที่เตี่ยทำแบบนี้

เตี่ยโอบกอดฉัน จับหัวโยกไปมา พลางลูบผมที่ยาวถึงกลางหลัง
เพียงสัมผัสเบาๆจากเตี่ย กลับทำให้ฉันร้องไห้โฮ 
สะอื้นไห้ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั้น

เตี่ยโยกหัวฉัน พลางอมยิ้มถามว่า
 " เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เตี่ยไม่เป็นอะไรสักหน่อย 
เป็นลูกเตี่ยต้องเข้มแข็งซิ ไม่เอาน่ะ อย่าร้องไห้ โตแล้วนะ เราน่ะ " 

เตี่ยพยายามพูดปลอบใจฉัน ฉันกลับกอดรัดเตี่ยแน่นขึ้น
ราวกับหวงแหนว่าจะมีใครช่วงชิงอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่น
ให้พรากจากฉันไปตลอดกาล

และถ้าฉันตาไม่ฝาด ฉันคิดว่าตัวเองเห็นเตี่ยยกมุมผ้าขาวม้า
เช็ดบริเวณขอบดวงตาพร้อมๆกับที่เตี่ยเบือนหน้าไปทางอื่น 

ไม่หรอกนะ ฉันคงตาฝาดมากกว่า

.1175928467.gif

3..... ตลอด 2 - 3 วันที่ผ่านมา ฉันและพี่ๆต่างก็มาดูแลเตี่ยอย่างใกล้ชิดไม่เว้นแต่ละวัน
มีบางครั้งที่เตี่ยมีอาการไข้สูง เพ้อ ละเมอพูดด้วยพิษไข้
 เช่นถามว่า หาน๊อตเจอหรือยัง
หรือไม่ก็ถามว่า เบิรด์ ธงไชยหายดีแล้วเหรอ .
.ถ้าเป็นเวลาปกติฉันคงหัวเราะก๊าก
แต่นี่ ฉันหัวเราะไม่ออก มีแต่น้ำตากับความทุกข์ใจ 

หากเป็นไปได้ฉันอยากขอรับความเจ็บป่วย(ปวด)ของเตี่ยมาไว้ซะเอง
ฉันไม่ต้องการเห็นเตี่ยเจ็บ ไม่ต้องการเห็นเตี่ยปวด
เตี่ยรุ้ไหมว่า ยามเตี่ยเจ็บนอนบนเตียงเตี่ยคร่ำครวญเพ้อครางด้วยพิษไข้
ฉันปวดยิ่งกว่าเตี่ย ปวดถึงข้างในหัวใจนี่ ทำไม ไม่เป็นฉันคนนี้นะ

ค่ำคืนของวันที่ 4 ธ.ค. 46 ฉันนั่งเฝ้าเตี่ยข้างเตียง อ่านหนังสือไปด้วย
พวกพี่ๆก็ไม่มีใครอยู่ ออกไปทำงานแต่งที่ในเมืองบ้านดอน
เตี่ยก็นั่งๆนอนๆพลิกไปมากระสับกระส่าย
ตาก็มองขวดน้ำเกลือที่หยดลงทีละหยดทีละหยด พลางถอนหายใจ

ฉันรู้ เตี่ยคงรำคาญ(ประกอบกับพิษไข้สูงด้วยหรือไม่นั้น ฉันไม่แน่ใจ)
โดยที่ฉันไม่ทันสังเกตเห็น พอหันกลับมาอีกที เห็นเตี่ยนั่งกุมรอยที่พยาบาล
แทงเข็มสำหรับให้น้ำเกลือ

ฉันตกใจร้องถาม " เตี่ย เป็นอะไร ทำแบบนี้ทำไม ? " 
ภาพที่ฉันเห็น หยดเลือดเปรอะกางเกงผู้ป่วยที่เตี่ยใส่ เปรอะบนเตียงนอน
เลือดที่มือก็ยังไหลหยดลงมาเรื่อยๆไม่หยุด ฉันเลยเรียกพยาบาลให้มาแทง
เข็มอันใหม่ให้ 

ปรากฏว่า น้ำเกลือขวดนั้นหมดพอดี พยาบาลบอกว่า รอสักครู่ เดี๋ยว
เปลี่ยนขวดใหม่ให้เลยแล้วกัน ส่วนเข็มสำหรับแทงให้น้ำเกลือนั้นให้คาไว้แบบนี้ก่อน

เตี่ยหันมาพูดกับฉันว่า " เตี่ยเจ็บ ปวดเมื่อยไปหมด 
อย่าทรมานเตี่ยเลยนะ พาเตี่ยกลับบ้านเราเถอะลูก
 ไปตายที่บ้านเราดีกว่า เตี่ยไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว "

ฉันได้ยินก็น้ำตาไหล พูดไม่ออก หันหลังให้เตี่ยเพื่อซ่อนน้ำตา
เตี่ยก็พยายามใช้มืออีกข้างถอดเข็มที่เหลือ ยิ่งดึงเอง ยิ่งเจ็บ 
เลือดยิ่งไหลเยอะกว่าเก่า

" เตี่ย เจ็บมากไหม ? ปวดมากไหม? " ฉันกลั้นสะอื้นถามเตี่ย
" เจ็บซิลูก ปวดมาก ทรมาน กลับบ้านเรานะลูกนะ " เตี่ยบอกเบาๆ
" เตี่ย..หนูดึงเข็มออกให้เอาไหม ?" ฉันตัดสินใจถาม 
เตี่ยชะงักคงไม่คิดว่า ฉันจะทำจริงๆ

ฉันหมุนเกลียวเข็มที่ยังแทงเข้าไปในเนื้อเตี่ย หมุนเพื่อคลายเกลียวให้เข็มหลุดออกมาได้
พอฉันดึงเข็มออกมาได้ เลือดสดๆก็ไหลพุ่ง ฉันตกใจไม่คิดว่า
เลือดจะไหลเยอะขนาดนี้

............สุดท้าย พยาบาลก็มาแทงเข็มอันใหม่ พร้อมกับถุงน้ำเกลือขวดใหม่
เตี่ยได้แต่นอนมองจนกระทั่งหลับไปในที่สุด

1175928467.gif

4.....ศุกร์ที่ 5 ธ.ค. ปี 46 ปีนั้นเป็นวันพ่อ ฉันยืนมองผู้คนจากริมหน้าต่าง
พวกเขายิ้มแย้มแจ่มใส บ้างก็ถือมาลัย บ้างก็มีดอกไม้เป็นช่อๆ คงไปกราบพ่อ
บ้างก็คงพากันไปเที่ยวเป็นครอบครัว

เหลียวกลับมามองเตี่ยที่นอนบนเตียง เตี่ยยังคงนอนซมด้วยพิษไข้ 
บางครั้งก็เพ้อด้วยพิษไข้ หนาวสั่น ผ้าห่ม3 ผืนยังทานความหนาว
จากกายเตี่ยไม่ไหว
เตี่ยรู้ไหม เตี่ยหนาวกาย แต่ลูกสาวคนนี้ซิหนาวใจยิ่งกว่า 

5 ธ.ค. ปีนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับฉันอีกแล้ว ฉันพยายามไม่คิดว่า 
วันนี้เป็นวันพิเศษอะไร ไม่อยากจะคิด

ตอนบ่ายพวกลูกๆก็ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯกันแล้ว ทั้งๆที่ไม่อยากกลับ
แต่ด้วยงานที่ต้องทำ พวกเราไปกราบที่อกเตี่ย กอดซุกหน้ากับอกเตี่ย
ทั้งๆที่เตี่ยนอนสั่นด้วยพิษไข้สูง

 ฉันรู้แม้ว่าอ้อมกอดของฉันไม่สามารถทำให้เตี่ยหายหนาวได้
 แต่ฉันอยากกอด กอดก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพ
กอดให้ตัวเองอบอุ่นใจก็ยังดี 

อยากบอกเตี่ยเหลือเกินว่า...

แม้เตี่ยฉันจะไม่ได้รับการการันตึว่า เป็นพ่อดีเด่นแห่งชาติ
แต่เตี่ยของฉันก็ไม่เคยทำให้ลูกทุกคนรู้สึกว่า ด้อยไปกว่าคนอื่นๆ
เตี่ยพยายามเสาะแสวงหามา เพื่อความเท่าเทียมตามกำลังของเตี่ย

แม้เตี่ยฉันจะไม่ได้รับโล่ห์พ่อตัวอย่างแห่งปี 
แต่เตี่ยของฉันก็ไม่เคยทำให้ลูกทุกคนต้องอดมื้อกินมื้อ
เตี่ยไม่เคยได้อดเพื่อให้ลูกอิ่ม แต่พวกเราทุกคนต้องกินด้วยกัน
อิ่มด้วยกัน ทานอาหารกันพร้อมหน้าทุกมื้อ 

เตี่ยสอนให้ลูกทุกคนเป็นคนดี อย่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่า
อย่าดูถูกคนที่ด้อยกว่าเรา เตี่ยเป็นผู้ชาย แต่ไม่เคยมีช่องว่างระหว่าง
พ่อกับลูกสาว เตี่ยพูดคุยหยอกล้อกับลูกๆได้ทุกเรื่อง

บ่ายวันนั้นฉันกราบลาเตี่ยด้วยน้ำตา 
ไม่มีแม้มาลัยไปกราบเตี่ยเนื่องในวันพ่อ
แต่คำว่า พ่อ หรือ เตี่ยยังจารึกในใจฉันเสมอ ฉันกราบลาเตี่ยตรงหัวใจ 
หัวใจที่รักลูกเสมอ หัวใจที่เคยแข็งแกร่ง 
หัวใจของการเป็นผู้นำครอบครัว หัวใจสที่สร้างหลักปักฐานของคำว่าครอบครัว

ฉันหวังให้เตี่ยรับรู้ความห่วงใยจากลูกสาวคนนี้ 
ไว้เตี่ยหายดี ฉันจะพาเตี่ยไปเที่ยวด้วยกัน
ไปกินอาหารริมทะเลด้วยกันอีก นะเตี่ยนะ 

1175928467.gif

( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )

เหตุการณ์ 5 ธ.ค. ปี 46 ณ. รพ. สุราษฏร์ธานี 

				
28 พฤศจิกายน 2552 12:47 น.

" เหนื่อยใจเหลือเกิน "

ฉางน้อย

00539_1.jpg17_1245929746.gif1..... เสาร์ที่ 28 พ.ย.52 นี้ฉันตื่นมาในเวลา 10.20 น. ซึ่งนับว่า สายมากทีเดียว 
ตื่นมาก็รู้สึกเบื่อๆตัวเอง เซ็งๆกับชีวิตตัวเองอย่างไรก็ไม่รู้ซิ
อาจเป็นเพราะว่า ช่วงนี้มีเรื่องราวมารุมเร้า มีปัญหาให้ขบคิดหลายอย่าง
ทั้งๆที่ไม่ใช่เป็นเรื่องราวของฉันเองโดยตรง เพียงแต่ในเมื่อฉันรับรู้จะ
นิ่งเฉยก็กระไรอยู่ 

ปล่อยตัวเองนั่งจมจ่อมอยู่บนที่นอนพักใหญ่ๆกว่าจะสลัดตัวขี้เกียจ
เพื่อไปอาบน้ำหวังให้สบายกายและใจ เปิดเนตหาเพลงฟังเล่นๆ
แว่บหนึ่งในใจคิดถึงเพลง " เหนื่อยใจเหลือเกิน "
ของป๋าเบริด์ ธงไชย แมคอินไตย
(ไม่เข้าใจทำไมใครๆมักเรียกว่า ป๋าเบริด์ ) 

มือไวเท่าความคิด นิ้วจิ้มแป้นอักษรเสริช์หาเพลงที่ต้องการฟังทันที
นั่นไง ใช่เลย เสียงพลงนี้ทำให้นึกถึงวันเก่าๆกับใครบางคน 
ใครบางคนที่(เคย)ผ่านเข้ามาในชีวิต

.198.gif

2..... เสียงเพลงเหนื่อยใจเหลือเกิน ฉันเปิดเสียงแค่แผ่วๆไม่ดังนัก
แต่ทว่าทำไม ยิ่งฟังยิ่งปวดร้าวลึกถึงข้างในหัวใจกันเล่า
ยิ่งฟังยิ่งคิดถึงเรื่องราวของเราสองคน น้ำตาซึมเพียงเล็กน้อย 
เช็ดน้ำตาป้อยๆแล้วฟังต่อ

พาตัวเองมานั่งทำท่านางเอกมิวสิควีดีโอบนที่นอน
เดี๋ยวนะ คิดก่อนว่านางเอกมิวสิคต้องทำสีหน้าแอ๊บแบ๊วอย่างไรกันบ้าง
ก็คงต้องยิ้มแบบเหงาๆกระมัง ฉันเริ่มยิ้ม ยิ้มให้กับหัวใจตัวเองที่เหงาๆ
พยายามทำสีหน้านางเอกสุดฤทธิ์สุดเดช
เอียงคอพลางทำสีหน้าเศร้าๆเหมือนหมาโดนสิบล้อเฉี่ยว

เป็นใครๆก็คงเหนื่อยใจเหมือนเนื้อเพลงที่ร้องอยู่นั่นแหละ 
ก็คุณลองคิดดูซิไปไหนๆด้วยกัน กินด้วยกัน
 เที่ยวด้วยกัน ยามมีเรื่องราวทุกข์ร้อนก็มาเล่าสู่กันฟัง

นั่งปรับทุกข์พูดคุยให้กันฟัง ฉันอาจเป็นนักแก้ปัญหาให้ผู้มีทุกข์ได้ไม่ดีนัก
แต่ฉันก็เป็นนักฟังที่ดีนะ จะบอกให้
เคยจูงมือเกี่ยวก้อยข้ามถนนด้วยกัน
 เผลอก็มีโอบไหล่บ้างในบางครั้งบ้าง ก็นอนหนุนตักบ้างในบางที
 การกระทำเหล่านี้ ทำให้ฉันแอบยิ้มคนเดียวบ่อยครั้ง

.198.gif

3.....แต่.. แต่ทว่าทำไม ไม่มีคำว่า " รัก "
 ไม่มีคำว่า " คิดถึง "จากปากเขาคนนั้นเลย
ภายในใจเขาคิดอะไรอยู่นะ บางครั้งดูเหมือนเขาปิดกั้นหัวใจตัวเอง
บางคราเหมือนเขาเปิดเผยหัวใจตัวเองซะเต็มประดา

จวบจนกระทั่งวันนี้ เขาคนนั้นของฉันก็ยังปิดตาย ปิดกั้นหัวใจตัวเองเช่นวันก่อน
ฉันไม่รู้เหมือนกัน เธอ - ฉัน คบกันในฐานเช่นไร เพื่อนหรือแฟน

เสียงเพลงเหนื่อยใจเหลือเกินยังคงเล่นวนไปเรื่อยๆ
เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้อาจจะเป็นรอบที่ 4หรือ5หรือ6ไม่แน่ใจ

แต่ที่ฉันแน่ใจตอนนี้คือ ฉันไม่ต้องการปล่อยให้หัวใจตัวเองล่องลอย
ให้เสียเวลาเปล่าอีกแล้วนะ

ฉันยังคงต้องการใครสักคนมาดูแลหัวใจฉัน
หรือใจเธออาจเคยมีบาดแผล ใจเธออาจปวด แต่ใจฉันก็เคยร้าว
สัญญาได้ไหม เราจะดูแลหัวใจกันและกัน 
เราต่างมาเยียวยาหัวใจให้กันดีไหม

เสียงเพลงจบลงแล้ว แต่หัวใจเรียกร้องของฉันมันยังไม่ยอมจบลงง่ายๆ
ตราบใดที่เธอไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้ฉัน

คำถามเดิมๆ ฉันไม่ต้องการถามอีกแล้ว
 ฉันแค่ต้องการได้ยินคำตอบจากเธอ
แต่...แต่ก็ไม่แน่นะ ความจริงที่ได้รับฟังแล้วอาจทำให้ฉันเจ็บปวด ร้องไห้
หรือว่า ฉันจะอยู่กับความฝัน ฝันที่แสนหวาน ซึ้ง 
ฝันว่ามีเธอยู่เคียงข้างตลอดไป  ฉันคงทำได้แค่ฝันอย่างงั้นเหรอ

แล้วคุณล่ะคะ จะยอมรับความจริงที่เจ็บปวด หรือว่า
 ยอมอยู่กับความฝันที่แสนหวาน
ฝันหลอกตัวเองไปวันๆ ว่าเขามีเรา ฝันว่าเราเคียงข้างกันตลอดไป

เป็นคุณ คุณจะเลือกสิ่งไหนล่ะคะ ความจริงที่เจ็บปวด หรือความฝันที่แสนหวาน

.198.gif

มาจาก...บันทึกไดอารี่เก่าๆที่เขียนเก็บไว้มานานมากแล้ว

198.gif

             ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )


..... ไปฟังเพลงกันไหมคะ ที่นี่ .....

  http://www.oknation.net/blog/yeewawa/2009/11/17/entry-1   

       kapook_42412.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฉางน้อย