30 ตุลาคม 2548 19:13 น.
ฉางน้อย
ละอองน้ำค้างพรมพื้นห่มหญ้า
ชุ่มชื่นพสุธาพาสดใส
บนนภาดารากระจ่างพร่างพฤกษ์ไพร
ลมลูบใบไม้ออล้อราตรี
หนาวน้ำค้างกลางดึกนึกโหยหา
รักค้างคาอกเบื่อเหงาเหลือที่
แสงจันทร์สาดนวลเพ็ญงามเช่นนี้
คืนไม่มีใครอยู่เป็นคู่เคียง
เสนาะธรรมชาติกรีดหรีดหริ่งกล่อม
หลับในอ้อมอกป่าผวาเสี่ยง
ไกลแสงสีวิไลนัยสำเนียง
สุขชั่วเพียงดาวเดือนคล้อยมิน้อยใจ
ขอเป็นเพื่อนเดือนดาวสกาวฟ้า
ลืมเวลานาทีหากมีได้
วางชีวิตอิสระวิไล
ทิวาราตรีไหวตามใจตน
มองคลื่นน้ำข้ามฟ้าทะเลว้าง
มืดมนทางอย่างไรไม่สับสน
มีดาวน้อยคล้อยรุ่งมุ่งตามทน
นาวาคนอ่อนเขลาแล่นเอางาน
ก้าวให้ถึงฝั่งฝันวันละนิด
แรงกายติดตามจิตกล้าแกร่งผสาน
เกิดดำรงคงมั่นผันแปรการ
สร้างตำนานชีวิตเบื้องหน้าสง่างาม
..............
15 ตุลาคม 2548 04:54 น.
ฉางน้อย
จดหมายจากปลายฟ้า
เสน่หาเสน่ห์หาย
คืนพร่าน่าเสียดาย
ฝันสลายตามสายลม
ลมเอยยังเลยพัด
ลมปากอัดแน่นอกขม
พัดใจให้ชื่นชม
ร้าง...เหลือข่มใจอาวรณ์
ฝนเอยเคยชื่นฉ่ำ
ใครกระทำเจ็บช้ำหลอน
ลืมตักเคยพักนอน
ไยทิ้งคืนมิย้อนคืน
ดึกเคยดื่นเลยเลื่อน
ดับดาวเดือนเลือนเป็นอื่น
อกไหววาบนัยน์รื้น
กลั้นสะอื้นคืนวังเวง
จดหมาย...จากปลายฟ้า
ผนึกลานภาเร่ง
หวานได้ใคร่บรรเลง
ร้อยบทเพลงเกรงบาดคำ
ลาแล้วฝันแก้วหอม
ยากเด็ดดอมพยอมต่ำ
จดหมายเปื้อนลายน้ำ
คืนรักคำนึง.....จำลา
+++++++
8 ตุลาคม 2548 01:26 น.
ฉางน้อย
เสียงจิ้งหรีดกรีดระงมอีกซีกฟ้าหนึ่ง
ได้ยินถึงเดือนดาวงามพราวแสง
ใต้ร่มไม้น้ำค้างพรมเผาะลมแรง
อกเราแห้งกล้ำกลืนฝืนน้ำตา
มองหิ่งห้อยลอยลิบพริบแสงใส
หมดแรงหวังกำลังใจเสน่หา
ต่อนี้ไปไออุ่นใครให้ชีวา
ช่างเหว่ว้าสิ้นอกหนุนอุ่นละไม
ความรักคนหลากหลายจากปลายฟ้า
รักจากเงาเพ้อหามาฝันใฝ่
วาจางามง่ายเพียงลมพรมผ่านไป
ฤดุกาลเปลี่ยนใจใครเปลี่ยนตาม
.........................
1 ตุลาคม 2548 02:20 น.
ฉางน้อย
สองศรีพี่น้อง สาวน้อย นามได๋ น้องน้อยนามดิว
พี่ได๋ จอมแก่น น้องดิว แสนซน
เช้าอาทิตย์ ชีวิตแจ่มใส
พี่ได๋ชวนน้องออกท่องโลกา
เจ้าดิวไม่ขัด ยืนหยัดข้างพี่
ดึครับดี ดีมากครับพี่....
พี่สาวนามได๋ ออกจะกระแดะ
เธอกระโดดโลดแล่นบนแผ่นกระดาน
เสียหลักลงตรงหลังเต่าซึ่งหดหัวในกระดอง
สาวเจ้าออกจะกระดาก แกล้งอุทานร้อง ว๊าย
ว๊าย ว๊าย เต่าไม่มีกระดูก มีแต่กระดอง
สาวน้อยหน้าซื่อ ถือกระดองเต่าติดมือ
ผ่านพงหญ้าข้างทางรกร้างก็แปลกใจ
เอ๊ะ..กระดิ่งอะไร ไหวไหวในกอหญ้า
ชะโงกหน้า ว๊าย กรี๊ด หวีดเสียงสนั่น
นั่น นั่นมันงูหางกระดิ่ง ชิ่งหนีดีกว่าเรา
ตกใจไหวสั่นระรัว นึกกลัวเสียวแปลบ
นึกขึ้นได้อีกที เอ๊ะ น้องพี่อยู่ที่ไหน (อิอิอิ)
ข้างฝ่ายน้องดิวแสนซนปีนบนเสากระโดงเรือ
ปีนป่ายซ้ายขวาพาให้กระดุมเกี่ยวตะปู
เสียหลักผลัดตกกระเด็นกระดอน กระเด้งดึ๋งดึ๋ง
หล่นลง ณ.บ่อบัวใหญ่ที่ใบเท่ากระด้ง
แถมยังชักกระแด่วกระแด่ว แล้วไม่กระดุกกระดิก
พี่ได๋ วิ่งมาใจสั่นระริก กลัวแม่หยิก พาน้องเจ็บตัว
เจ้าดิว ตื่นเถอะน้องรัก ไม่ต้องกระดากที่เสียหน้า
ดิวบอกไม่ไหว เจ็บกระดูกกระดิกกระเดี้ยก็ไม่ได้
กลืนน้ำลายผ่านลูกกระเดือกก็ไม่ดี
กระดกหัว กระดกลิ้นก็ไม่ได้ เจ็บจัง
น้องชายบ่นร้อน อ้อนกับพี่สาว
พี่สาวเอากระดาษพัดให้ใจดีใช่ไหม
ลุกขึ้นเถอะไหวไหม คนดีน้องพี่อย่าอ้อน
หายเจ็บจะพาไปดูคอนเสริต์เปิดหมวก
ของน้าหมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ
น้องชายได้ที มีของล่อใจ
แข็งใจยืนหยัด กัดฟันลุกขึ้น
สุดท้ายล้มแผละ แหวะ หน้าเบ้ ไม่ไหวอ่ะพี่
พี่บอก เออ..ดี งั้นคลานกลับบ้านไปแล้วกัน
น้องชายมองค้อน ยอมคลานกระดึ๊บกระดึ๋บกลับบ้าน
..................................
จบแระ อิอิ เรื่องไร้สาระ แค่คิด แค่เขียนเฉยๆน่ะ
เขียนให้อ่านกันขำๆน่ะคะ อย่าคิดถึงสัมผัส สระ
29 กันยายน 2548 02:56 น.
ฉางน้อย
เจ้าเป็นเทียน คอยส่องแสงแวววับประกาย
แม้นลมพัดสายฝนปราย ม่านเมฆร้ายบดบังแสงเรืองเทียนยังส่อง
ให้เด็กเด็กห่างไกลตัวเมือง ได้ประเทืองความรู้ปัญญา
เทียนไสวฉายส่องอยุ่ คอยเป็นครูสอนเด็กตามดอยป่า
ให้มีความรุ้ ฟุ้งเฟื่องเรื่องปัญญา
แม้น้ำตาเทียนหยด หลั่งรดริน
ถึงเทียนด้อยกว่าตะวันดวงจันทรา
แม้ต่ำต้อยน้อยวาสนา ยังนำพาส่องแสงรำไร
นี่แหละเทียน เปรียบเสมือนเพื่อนครูอยู่ไกล
ตามป่าเขาลำเนาไพร ยังมอดไหม้เพื่อใครเล่าเอย...
.....................